ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1557 หลินเยว่ หลางซิง
มู่เฉียนซีเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอคนคุ้นเคยในที่แห่งนี้ คนผู้นั้นก็คือจีซานเหนียงนั่นเอง!
นางยืนอยู่กับหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับนาง และจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาที่โหดร้ายอย่างหาที่เปรียบมิได้เลย
ไม่เพียงแต่เจอกับจีซานเหนียงเท่านั้น มู่เฉียนซียังเห็นสุ่ยโหรวอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย ตอนนี้นางยืนอยู่ข้างกายหญิงสาวที่มีพลังแข็งแกร่งผู้หนึ่ง ดวงตาสดใสดุจดั่งวารีคู่นั้นจ้องมองมายังมู่เฉียนซีด้วยความเกลียดชัง
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ มันช่างบังเอิญยิ่งนัก!
“ไสหัวออกไป!” น้ำเสียงอันกดขี่ข่มเหงดังขึ้น และเจ้าของน้ำเสียงนี้ก็คือชายรูปร่างหน้าตาที่พอนับได้ว่ารูปงามผู้หนึ่งนั่นเอง
“ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่มดปลวกอย่างพวกเจ้าสมควรจะย่างกรายเข้ามา”
“มดปลวกอย่างนั้นเหรอ!” ฉู่หลีเหลือบมองชายเจ้าของน้ำเสียงนั้น ใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับถูกแกะสลักมาอย่างประณีตนั้นได้กดขี่ความสง่าของชายผู้นั้นลงไปอย่างสมบูรณ์
ชายผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธว่า “เป็นอะไรไปล่ะ ข้าให้พวกเจ้าไสหัวออกไป พวกเจ้าไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ และหากต้องมีคนที่ไสหัวไป นั่นก็ต้องเป็นเจ้า ไม่ใช่ศิษย์น้องหญิงของข้า”
“เจ้าหนุ่ม อย่าคิดว่าเจ้าหน้าตาดีแล้วจะเย่อหยิ่งอย่างไรก็ได้นะ ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักว่าอันใดควรอันใดไม่ควรเช่นนี้ ข้าก็จะเป็นคนโยนเจ้าออกไปเอง”
เขากำหมัดชกไปที่ฉู่หลี ทว่า ฉู่หลีกลับยืนนิ่งไม่หลบหลีกแต่อย่างใด
จากนั้นฉู่หลีก็โบกมือขึ้น…
ปัง! ร่างของชายเจ้าของคำพูดเย่อหยิ่งนั้นกระเด็นลอยออกไปทันที
ปัง ปัง ปัง!
เดิมทีกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นล้วนแต่รอดูการแสดงสนุก ๆ ของมู่เฉียนซีและพวก แต่สุดท้ายคนที่กระเด็นลอยออกมากลับเป็นคนที่พวกเขาคิดไม่ถึง
“ศิษย์พี่ อะ เอ่อ…คนผู้นี้คือคนที่โจมตีพวกเราออกมาไม่ใช่หรอกหรือ เหตุใดเขาถึงถูกโยนออกมาเช่นนี้กันล่ะ หรือว่าคนเหล่านั้นเป็นคนทำ”
“มองอะไร ไสหัวไปให้พ้น!”
เขาพุ่งเข้าไปด้วยความโกรธเกรี้ยว สุดท้ายเมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขารู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าว “ถูกโยนออกไปแล้วเจ้ายังมีหน้ากลับเข้ามาอีกเหรอ ยังไม่รีบพาคนของเจ้าไสหัวไปอีก”
คนผู้นั้นโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง “นี่เจ้า เจ้า…เมื่อครู่ข้าก็แค่ประมาทเท่านั้น พวกเจ้ามันสวะไร้ประโยชน์ จะสู้ข้าได้อย่างไร…”
“อย่างนั้นเหรอ?”
จู่ ๆ มู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเขาแล้ว
“ทักษะโยวจั๋ว!”
ปัง! เขาถูกโจมตีอย่างรุนแรงและร่างกระเด็นลอยออกไปอีกครั้ง และครั้งนี้น่าสังเวชกว่าครั้งก่อนหน้านี้มาก
พรวด! เขากระอักเลือดออกมา
ครั้งนี้เขาไม่มีหน้าจะเข้าไปอีกแล้ว
ศิษย์สำนักที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอันใดในอาณาเขตหนานหลิงทำให้เขาต้องอับอายขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!
คนในกลุ่มอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “คนสำนักของพวกเจ้าทำเกินไปแล้วกระมัง!”
“คิดว่ามีแค่พวกเจ้าเท่านั้นเหรอที่โจมตีได้ คิดว่าพวกข้าทำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ในที่แห่งนี้ ผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้นั้นมีสิทธิ์มีเสียง และหากใครกล้าลงมือ มันผู้นั้นจะต้องตาย”
คนผู้นั้นลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เหลือบมองไปที่คนของสำนักต่าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ
ทว่า คนเหล่านั้นกลับเพิกเฉยต่อเขา และกล่าวว่า “หากสำนักของพวกเจ้าไม่มีความแข็งแกร่งพอก็รีบไสหัวออกไปจากพระราชวังหนานหลิงเสียเถอะ!”
คนผู้นั้นมองไปที่เจ้าของน้ำเสียงนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ศิษย์พี่…”
“หุบปาก และไสหัวออกไปซะ!”
“พวกเราไปกันเถอะ!” เขากัดฟันกรอดพลางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี จากนั้นก็ล่าถอยออกไปด้วยความไม่พอใจ
ที่แห่งนี้มีคนจำนวนมากมารวมตัวกัน แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเปิดประตูเข้าไป
หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ จีซานเหนียงผู้นั้นกล่าวว่า “ทุก ๆ ที่ของพระราชวังหนานหลิงย่อมมีการจำกัดจำนวนทั้งสิ้น เมื่อถึงตอนนั้นก็แบ่งตามจำนวนจำกัดของแต่ละกลุ่ม”
“ตกลง! ตกลงตามนี้!”
ไม่มีผู้ใดที่ไม่ยินยอมเลย ณ ที่แห่งนี้มีผู้คนรวมกลุ่มกันอยู่ทั้งหมดสิบกลุ่ม
ลำแสงสีฟ้าแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้น ประตูที่พวกเขาไม่กล้าเปิดเข้าไปบานนี้ ด้านบนมีอักษรตัวเลขปรากฏขึ้นคือ ‘ยี่สิบสอง’
“เข้าไปได้แค่ยี่สิบสองคน แต่ละกลุ่มจะได้สิทธิ์เฉลี่ยกลุ่มละสองคน” จีซานเหนียงกล่าว
ทว่า สองคนนั้น จะยอมให้ผู้ใดกันเล่า?
จีซานเหนียงกล่าวว่า “ทุกคนล้วนแต่เดินทางมาจากแดนไกลทั้งสิ้น สิทธิ์ในครั้งนี้แน่นอนว่าต้องมอบให้กับสำนักหลินเยว่ และสำนักหลางซิง ข้าไม่กล้าแย่งชิงกับพวกท่าน”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปเล็กน้อย สำนักหลินเยว่กับสำนักหลางซิง!
สำนักหลินเยว่กับสำนักหลางซิงทำเพื่อปกปิดสายตาผู้คน พวกเขาส่งคนเข้ามาแทรกตัวอยู่ตามสำนักอื่น ๆ ประมาณคนหรือสองคน
นอกเหนือจากความแตกต่างทางเพศของทั้งสองฝ่ายแล้ว ความหยิ่งยโสนั้นล้วนมีเหมือนกันไม่มีผิด
“ยังนับว่าพวกเจ้ารู้จักว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร!”
จีซานเหนียงกล่าว “แต่นอกจากสำนักของพวกเราแล้ว ก็ยังมีอีกกลุ่ม ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีความเห็นอื่นหรือไม่”
นางมองไปที่กลุ่มของมู่เฉียนซี โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลุ่มของมู่เฉียนซีจะเป็นฝ่ายล่วงเกินสำนักใหญ่ทั้งสองสำนักนี้
มู่เฉียนซีมองไปที่กลุ่มของพวกเขา คนเหล่านี้แต่ละคนมีพลังความแข็งแกร่งที่ยากจะหยั่งรู้ได้ แม้ว่านางกับศิษย์พี่จะรับมือได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะรับมือได้เหมือนนาง…
หั่วห้าวหยู่และคนอื่น ๆ คิดชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็กล่าวออกมาว่า “ทางฝ่ายของพวกเราไปแค่สองคนก็พอแล้ว เฉียนซี เจ้าว่าที่ข้ากล่าวมาถูกต้องหรือไม่?”
“พวกเจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าไม่อยากไป?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ผู้นำมู่ ครั้งนี้พวกเราพอใจในสิ่งที่เก็บมาได้แล้ว พวกข้ารอเจ้ากลับมาพร้อมกับประสบการณ์อันล้ำค่าดีกว่า”
“ใช่! สถานการณ์ด้านในอันตรายเกินกว่าที่คนอย่างพวกเราจะรับไหว ผู้นำมู่กับศิษย์พี่ฉู่ไปสองคนก็พอแล้ว”
“……”
การยุยงปลุกปั่นของจีซานเหนียงไม่สำเร็จผล ต่อมาทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันได้
กลุ่มของมู่เฉียนซีและพวกก็คือนางกับฉู่หลี
ส่วนอีกกลุ่มก็คือจีซานเหนียงกับจีหว่านเหนียง และยังมีศิษย์หญิงเก้าคน และศิษย์ชายเก้าคน
พวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่ใช่พวกเดียวกัน แต่ตอนนี้กลับร่วมเดินทางไปด้วยกัน
และนึกไม่ถึงว่าสุ่ยโหรวก็ได้รับสิทธิ์ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน หั่วห้าวหยู่กล่าวว่า “เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่! นะ นาง นางไม่ใช่คนของสำนักวารีเมฆาหรอกเหรอ?”
สุ่ยโหรวกล่าว “ข้าก็แค่กลับสำนักวารีเมฆาชั่วคราวเท่านั้น อย่างไรเสียข้าก็เป็นบุตรสาวของเจ้าสำนักวารีเมฆา แต่ตัวตนที่แท้จริงของข้า ข้าเป็นศิษย์สำนักนอกของสำนักหลินเยว่กองกำลังระดับสี่ ผู้บำเพ็ญภูตธรรมดา ๆ อย่างพวกเจ้า ชาติก็คงจะไม่เคยเห็นกองกำลังระดับสี่กระมัง”
สุ่ยโหรวรู้สึกถูกมู่เฉียนซีกดขี่และรังแกมานานแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาเอาคืนเสียที
ทว่า คนเหล่านี้ไม่ได้เผยสีหน้าอิจฉาริษยาแต่อย่างใด อีกทั้งยังทำท่าทางรังเกียจนางอีกด้วย
การแสดงออกของมู่เฉียนซีและฉู่หลีนั้นราบเรียบมาก ทำให้สุ่ยโหรวไม่สบอารมณ์มากเช่นกัน
สุ่ยโหรวกล่าว “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงจะไม่รู้หรอกว่าสำนักหลินเยว่เก่งกาจมากเพียงใด แต่หากพวกเจ้ารู้ละก็ มู่เฉียนซี หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะคุกเข่าลงและขอโทษในเรื่องที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ลองบอกมาสิว่าสำนักหลินเยว่เก่งกาจเช่นไร ข้าชักจะเริ่มกลัวแล้วละสิ”
“สำนักหลินเยว่ของพวกข้ามีองค์หญิงหลินหลาง…”
สุ่ยโหรวต้องการขู่ให้มู่เฉียนซีกลัว แต่ศิษย์พี่หวังที่อยู่ข้างนางกล่าวตัดบทออกมาว่า “เจ้าหุบปากไปซะ!”
“เหอะ! นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวอ่อนแอไร้สมองผู้นี้จะเป็นคนของสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้าด้วย ดูท่าหลายปีที่ผ่านมานี้สำนักหลินเยว่ของพวกเจ้าคงจะตกต่ำมากเลยสินะ” ชายหนุ่มสำนักหลางซิงผู้หนึ่งกล่าวเย้ยหยัน
ศิษย์พี่หวังตอบโต้กลับไปว่า “สำนักหลางซิงของพวกเจ้าก็ไม่ได้ดีอะไรนักหนา ชายใจหญิงผู้น่ารังเกียจกลุ่มหนึ่ง ชำนาญเพียงแค่การขึ้นเตียง เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่รู้เหรอ?”
.
.