ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1564 ศิษย์พี่กลัวเจ็บ
ครานี้มู่เฉียนซีกลับหัวเราะออกมา “เจ้าต้องการสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ? เหตุใดต้องเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนั้นด้วย ข้ายกให้เจ้าก็สิ้นเรื่อง”
ว่าแล้วมู่เฉียนซีก็ปากล่องกระดูกศักดิ์สิทธิ์ออกไป สีหน้าของศิษย์พี่หวังก็ดำคล้ำขึ้นในบัดดล “บัดซบ!”
จะให้กระดูกศักดิ์สิทธิ์แตกหักไม่ได้เป็นอันขาด มิฉะนั้นพวกเขาคงมาเสียเที่ยว
ศิษย์พี่หวังจึงล้มเลิกที่จะโจมตีมู่เฉียนซี แล้วรีบออกไปรับกล่องกระดูกศักดิ์สิทธิ์แทน
ภายในเวลาชั่วพริบตา มู่เฉียนซีก็เคลื่อนย้ายมาประชิดข้างกายนาง จากนั้นแขนเรียวยาวของมู่เฉียนซีก็ยกขึ้นเล็กน้อย
“ทักษะโยวจั๋ว!”
ปัง!
“ศิษย์น้องสุ่ยโหรว รับไว้”
เมื่อศิษย์พี่หวังหลบหลีกการโจมตีของมู่เฉียนซีแล้ว นางก็ได้โยนกล่องกระดูกศักดิ์สิทธิ์ไปให้สุ่ยโหรว เช่นนี้นางจึงจะสามารถวางใจต่อสู้กับมู่เฉียนซีได้
“ได้!”
สุ่ยโหรวรีบเข้าไปรับกล่องกระดูกศักดิ์สิทธิ์ไว้ นางรู้สึกฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง
ศิษย์พี่หวังที่คิดจะเข้าไปโจมตีมู่เฉียนซี ปรากฎว่าฉู่หลีกลับเข้าไปขวางไว้เบื้องหน้าเสียก่อน
ศิษย์สำนักหลางซิงแต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่นนี้แล้วพวกเขาจะไปต้านทานฉู่หลีได้อย่างไรไหว
ศิษย์พี่หวังรู้สึกอึดอัดคับข้องใจเป็นอย่างยิ่ง นางกล่าวออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าพวกไร้ประโยชน์!”
ปัง!
ฉู่หลีไม่ใช่บุคคลที่นางสามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน ศิษย์พี่หวังกล่าว “ศิษย์น้องสุ่ยโหรว รีบหนีไปเร็วเข้า!”
“คิดจะหนีรึ ฝันไปเสียเถอะ!”
เมื่อฉู่หลีเป็นฝ่ายจัดการศิษย์พี่หวังแล้ว มู่ฉีเซียนก็ย่อมมีเวลาจัดการกับสุ่ยโหรว
ศิษย์พี่หวังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สำนักหลางซิง หากพวกเจ้ายอมแพ้ในภารกิจครั้งนี้ และอยากลงไปอยู่ในยมโลกละก็ พวกเจ้าก็จงอยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร!”
ถึงแม้สำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงจะไม่ได้ปรองดองกัน ทว่าทั้งสองสำนักก็มีจุดประสงค์และผู้เป็นนายคนเดียวกัน
พวกเขาพากันพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี เพื่อให้สุ่ยโหรวสามารถหลบหนีไปได้ง่ายขึ้น
สุ่ยโหรวรีบหลบหนีออกไปในทันที ส่วนมู่เฉียนซีก็เข้าห้ำหั่นกับคนของสำนักหลางซิงอย่างดุเดือด
พรวด!
ศิษย์พี่หวังกระอักเลือดออกมาหนึ่งกอง สภาพของนางในตอนนี้คงทนได้อีกไม่นาน
อย่างไรเสียก็ต้องตาย ตราบใดที่ศิษย์น้องสุ่ยโหรวสามารถนำกระดูกศักดิ์สิทธิ์ไปส่งให้กับทางสำนักได้ ฝ่าบาทก็ย่อมต้องปฏิบัติกับครอบครัวของนางเป็นอย่างดีแน่นอน
ก้นบึ้งดวงตาของศิษย์พี่หวังมีความเด็ดเดี่ยววาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็ระเบิดพลังที่น่าตกตะลึงออกมา
ปัง!
เนื่องจากพลังที่นางปลดปล่อยออกมาแรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง ทำให้กำแพงที่ล้อมอยู่โดยรอบพังทลายลงมา ทางออกก็ถูกเศษซากที่ล้มครืนเหล่านั้นลงมาปิดกั้นไว้เช่นกัน
คนของสำนักหลางซิงกล่าวด้วยความตกตะลึง “นางหญิงบ้า นี่เจ้าทำอะไรของเจ้า? บัดซบจริง…”
ศิษย์พี่หวังหัวเราะเยาะแล้วกล่าว “หึ หึ หึ! ข้าจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ? ก็ตายไปด้วยกันอย่างไรเล่า!”
นางปรี่เข้าหาฉู่หลี ต้องโทษที่บุรุษผู้นี้มีพลังแกร่งกล้าเกินไป มิเช่นนั้นทุกสิ่งอย่างคงไม่บีบคั้นให้นางต้องมาอยู่ในจุด ๆ นี้
“ตายไปซะ!”
นางรวบรวมพลังอันแสนบ้าคลั่งทั้งหมดในร่างมาไว้ในจุดเดียวกัน การระเบิดตัวเองของขั้นปราชญ์แห่งภูตนั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
คนของสำนักหลางซิงเหล่านั้นต่างก็หน้าถอดสีไปตาม ๆ กัน
“แย่แล้ว แย่แล้ว!”
“รีบนำอาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์ออกมาเร็วเข้า หวังว่ามันจะช่วยต้านทานได้นะ ศิษย์ของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นแทบจะเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว พวกนางไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อก็เรื่องของพวกนาง แต่พวกเรายังอยากมีชีวิตอยู่นี่!”
“ศิษย์พี่!” เมื่อพบว่าศิษย์พี่หวังได้พุ่งปรี่เข้าหาฉู่หลี มู่เฉียนซีก็รีบพุ่งตัวไปหาฉู่หลีด้วยสีหน้าตื่นตระหนกในทันที จากนั้นก็รีบผลักให้ฉู่หลีเข้ามาหลบที่เบื้องหลังของตนเอง
ฉู่หลีตกใจจนใบหน้าซีดเผือด เขากล่าว “ศิษย์น้องหญิง!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา “ศิษย์พี่ ไม่เป็นไร! ท่านยืนอยู่ตรงนั้น อย่าขยับ!”
เมื่อพลังของศิษย์พี่หวังระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ข้าวของที่อยู่รอบทิศก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ
มู่เฉียนซีและฉู่หลีถูกแสงสีฟ้าครามห่อหุ้มร่างกายไว้ ตามเนื้อตัวจึงไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใด ๆ
ส่วนอาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์ที่คนของสำนักหลางซิงนำออกมาใช้ก็ไร้ประโยชน์ ท้ายที่สุดคนเหล่านั้นก็ต้องสังเวยชีวิตไปพร้อมกับศิษย์พี่หวัง
เมื่อพลังของการระเบิดสลายหายไปจนหมดแล้ว พลังมิติของสุ่ยจิงอิ๋งก็อ่อนแรงลงไปไม่น้อย
ฉู่หลียื่นมือออกไปลูบแสงสีฟ้าครามที่ดูจืดจางลงไป แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “พลังมิติจะคุ้มครองดอกบัวหงส์เก้ากลีบตลอดไป”
ฉู่หลีเป็นคนสงวนวาจามาโดยตลอด ครั้นได้เอื้อนเอ่ยออกมาก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ ท่านมองเพียงปราดเดียวก็ล่วงรู้ถึงความลับของข้าแล้วหรือ หากทุก ๆ คนในแดงซวนเทียนมีสายตาเฉียบแหลมเช่นท่าน ข้าคงถูกคนทั้งแดนซวนเทียนไล่ล่าไปแล้วกระมัง”
ฉู่หลีกล่าว “คนอื่น ๆ ไม่มีความสามารถนี้หรอก ศิษย์น้องหญิงไม่ต้องกังวล! ข้าเองก็จะไม่บอกผู้ใดเช่นกัน”
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังฉู่หลีแล้วกล่าว “อืม! ข้าเชื่อศิษย์พี่”
“ศิษย์น้องหญิงไว้ใจข้าเพียงนี้ ข้าดีใจเป็นอย่างยิ่ง”
ถึงแม้จะกล่าวว่าดีใจ ทว่าใบหน้าของฉู่หลีก็ยังคงเย็นชาเรียบเฉยอยู่อย่างเคย ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ
มู่เฉียนซีสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าเส้นประสาทบนใบหน้าศิษย์พี่ของนางเป็นอัมพาตไปแล้วหรืออย่างไร?
รอบกายล้วนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ในขณะนั้นเองก็มีลำแสงสีขาวห่อหุ้มร่างกายของทั้งสองไว้ จากนั้นพวกเขาก็สัมผัสได้ว่าตนเองกำลังร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง
“ศิษย์น้อง ระวัง!”
โครม!
คามเร็วในการร่วงหล่นนั้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทว่าโชคดีที่ทั้งสองยังคงปลอดภัยดี
พวกเขาได้มาถึงมิติหยกมิติหนึ่ง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหยกซวนชั้นดีทั้งสิ้น
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งว่า “ศิษย์พี่ พวกเราร่ำรวยแล้ว”
ฉู่หลีกล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบเฉย “ศิษย์น้องหญิงชอบก็ดี เช่นนั้นก็เก็บไปเยอะ ๆ เลยแล้วกัน!”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าในใต้หล้านี้ไม่มีของสิ่งใดที่จะเข้าตาศิษย์พี่ผู้นี้แม้แต่สิ่งเดียว ราวกับว่าเขาเห็นเงินทองเป็นสิ่งปฏิกูลเป็นดินโคลนก็มิปาน นางไม่รู้จริง ๆ ว่าของสิ่งใดที่จะสามารถดึงดูดใจเขาได้
มู่เฉียนซีเองก็ไม่เกรงใจ นางรีบพุ่งเข้าไปเก็บหยกซวนล้ำค่าเหล่านั้นในทันที
นางพบว่าที่สถานที่แห่งนี้มีหยกซวนจำนวนมาก แท้จริงแล้วมันมีไว้ฝังกลบกล่องใสที่สร้างขึ้นจากผลึกใสกล่องหนึ่ง ซึ่งภายในบรรจุกระดูกไว้หนึ่งชิ้น ส่องประกายระยิบระยับเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีหยิบกล่องผลึกใสใบนั้นขึ้นมา แล้วเปิดออกด้วยความระมัดระวัง ทันใดนั้นก็มีพลังลึกลับอันแสนแกร่งกล้าระเบิดออกมา เมื่อเทียบกับกระดูกศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้แล้ว กระดูกชิ้นนี้ก็นับว่ามีพลังแกร่งกล้ากว่ามาก
ฉู่หลีปรายตามองไปยังกระดูกหยกชิ้นนั้นแล้วกล่าว “นี่คือกระดูกหยกศักดิ์สิทธิ์”
“ที่แท้ก็คือกระดูกหยกศักดิ์สิทธิ์นี่เอง!” เพียงแค่เพิ่มมาอีกหนึ่งตัวอักษร ทว่าพลังของมันกลับแตกต่างกันลิบลับ
ไม่เพียงแต่จะทำลายพลังของมนุษย์ได้เท่านั้น แต่มันยังทำให้วิญญาณกลับไปเกิดใหม่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถหล่อหลอมการบำเพ็ญตนเป็นเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่กระดูกศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจทำได้
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ศิษย์พี่ ของสิ่งนี้คงจะมีประโยชน์กับศิษย์พี่นะเจ้าคะ!”
ฉู่หลีกล่าว “ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่ต้องการกลับไปเกิดใหม่”
“อีกอย่าง มันก็เจ็บด้วย!”
มู่เฉียนซีตกตะลึงไปเล็กน้อย “ที่แท้ศิษย์พี่ก็กลัวเจ็บอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลีหน้าถอดสีไปในทันที “ไม่ใช่เสียหน่อย! ศิษย์พี่จะกลัวเจ็บได้อย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากศิษย์พี่ไม่ชอบ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจ ข้าขอเก็บไว้เองก็แล้วกันนะเจ้าคะ! ครานี้เราสามารถเก็บสิ่งของได้มากมาย ไม่เพียงแต่พฤกษาวิญญาณหมื่นปีเท่านั้น แต่ยังมีกระดูกหยกศักดิ์สิทธิ์นี้อีกด้วย น่าเสียดายที่กระดูกศักดิ์สิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของสุ่ยโหรวเสียได้ หากมู่หลินหลางใช้กระดูกศักดิ์สิทธิ์เลื่อนระดับขั้นของตัวเอง มันก็เจ็บใจน่าดู”
ฉู่หลีกล่าว “พวกเรารีบไล่ตามนางไปกันเถอะ!”
“อื้ม! บางทีเราอาจจะชิงกระดูกศักดิ์สิทธิ์กลับมาได้ก็ได้”
มู่เฉียนซีและฉู่หลีหาทางออกได้อย่างราบรื่น เมื่อออกมาจากพระราชวังหนานหลิง พวกเขาก็ไม่พบสุ่ยโหรวแล้ว ทว่ากลับมีคนจำนวนหนึ่งที่เข้ามาล้อมพวกเขาไว้แทน
อีกฝ่ายกล่าว “ส่งของล้ำค่าที่พวกเจ้าได้มาจากพระราชวังหนานหลิงมาให้พวกข้าเดี๋ยวนี้ แล้วพวกข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
เมื่อออกมาจากพระราชวังหนานหลิงแล้ว ฉู่หลีก็จำจะต้องข่มพลังไว้
หากต้องปะทะกับคนเหล่านี้แล้ว เพียงพลังขั้นมหาจักรพรรดิก็เพียงพอแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอย่างพวกเจ้าที่ไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์จะเข้าไปในพระราชวังหนานหลิง ยังกล้ามาชิงของล้ำค่าไปจากพวกเราอีกรึ? อย่าได้มาฝันกลางวันตรงนี้เลย!”
“เจ้าชักจะกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกข้าที่มีจำนวนมากเช่นนี้จะเอาชนะเจ้าไม่ได้”
ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หลีกไป!”
ผู้หญิงคนนั้นชิงกระดูกศักดิ์สิทธิ์ไปจากศิษย์น้องหญิง ทำให้ศิษย์น้องหญิงไม่พอใจ แน่นอนว่าเขาจะต้องชิงกลับมาให้จงได้
คนกลุ่มนี้ทั้งน่าหนวกหู ทั้งเกะกะสายตายิ่งนัก!
สองคนนี้ชักจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว “พวกเราบุก!”
“จัดการพวกมัน!”
“เฉียนซี ข้าจะช่วยเจ้าจัดการคนเหล่านี้เอง!” พรรคพวกของหั่วห้าวหยู่ก็รีบบุกเข้าไปช่วยเหลือมู่เฉียนซีในทันที
ปัง!
สงครามอันแสนวุ่นวายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว