ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1570 ข้าไม่อนุญาต
นี่เป็นการเตือนที่ผิดพลาดก็เท่านั้น เนื่องจากคนที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันนี้ก็คือจิ่วเยี่ยนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ชิงอิ่งจึงต่อสู้กับศัตรูคนอื่นต่อไป
เขาย่อมเข้าใจดีกว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้แล้วว่า ความสัมพันธ์ของเฉียนกับชายผู้ที่ชื่อหวงจิ่วเยี่ยผู้นี้สนิทสนมกันมากเพียงใด และนั่นคือระยะทางที่คนอย่างเขาไปไม่ถึง
การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของจิ่วเยี่ยนั้นทำให้มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้เพื่อถามคำถามเพียงแค่เรื่องเดียว
“ตกลงแล้วเจ้าพิฆาตวิญญาณกับข้า ใครดีกว่า?”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นฉับพลัน คำพูดเหล่านั้นของพิฆาตวิญญาณ จิ่วเยี่ยได้ยินมันทั้งหมด
“มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย หากจะบอกว่าใครหน้าตาดีกว่า ก็ต้องเป็นหวงจิ่วเยี่ย หนึ่งเดียวในใจข้าอยู่แล้ว! เพราะว่าข้าชอบเจ้า ส่วนพิฆาตวิญญาณก็เป็นคนที่ข้ารังเกียจที่สุด”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีแน่น มุมปากของเขายกยิ้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาดีใจมากเพียงใด
พิฆาตวิญญาณได้ยินเช่นนี้ก็แทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว เขาเป็นทาสรับใช้ที่กำลังจะกำจัดศัตรูตรงหน้า แต่หวงจิ่วเยี่ย ชายผู้นั้นกลับมีโอกาสได้รับความรักจากแมวน้อย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พิฆาตวิญญาณลงมืออย่างโหดเหี้ยมขึ้น
“นั่นเหมือนผู้อาวุโสเยี่ยไม่มีผิด!”
“ท่านอาจารย์ของสาวน้อยมู่นะหรือ”
“……”
เพียงแต่ว่าทุกคนกำลังสะกดจิตตัวเองว่าไม่มีใครเห็นศิษย์น้องหญิง แต่อย่างไรก็ตาม นี่มัน…เป็นความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์อย่างนั้นเหรอ
ฉู่หลีตกใจผงะไปเล็กน้อย เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะรับมือต่อสู้กับศัตรูต่อ
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณกวัดแกว่งตัดผ่านอากาศและแทงทะลุร่างของเจ้าสำนักวารีเมฆาไป!
ปัง! กระดูกสีขาวอันหนึ่งถูกพิฆาตวิญญาณควักออกมา “เจ้านี่เองตัวก่อเรื่อง!”
เลือดสีแดงสดกระฉูดออกมาจากร่างของเจ้าสำนักวารีเมฆา ตุบ! ร่างของเขาล้มลงกระแทกพื้น
กระดูกศักดิ์สิทธิ์นั้นคิดจะหนี แต่กลับถูกเปลวไฟของพิฆาตวิญญาณห่อหุ้มเอาไว้เสียก่อน
เจ้าสำนักวารีเมฆากล่าว “เอากระดูกศักดิ์สิทธิ์คืนมาให้ข้า เอาคืนมาให้ข้า…”
อ๊า ๆ ๆ! ร่างกายของเขาพลันแห้งเหี่ยวลงดุจดั่งใบไม้ที่เหี่ยวเฉาก็มิปาน
ความเจ็บปวดราวกับดวงวิญญาณถูกฉีกขาดนั้นทำให้เขาทนไม่ได้จริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าว “นี่คือกระดูกศักดิ์สิทธิ์เหรอ?”
พิฆาตวิญญาณเดินไปตรงหน้ามู่เฉียนซี ก่อนจะกล่าวว่า “กระดูกศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่เลวเลย เพียงแต่ว่ามีบางสิ่งสถิตอยู่ข้างใน หากผู้ใดใช้มันเข้าแล้วก็จะถูกครอบงำทั้งร่างกายและวิญญาณ สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ของดีอะไร”
เจ้าสำนักวารีเมฆาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “เจ้า…เจ้าต้องโกหกข้าเป็นแน่! เจ้าต้องโกหกข้าแน่…”
พิฆาตวิญญาณกล่าวเย้ยหยันว่า “มดปลวกเช่นเจ้ามันไม่มีค่าพอให้ข้าต้องกล่าววาจาโกหก”
“ของสิ่งนี้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อแมวน้อยเลย ข้าจะเผามันเดี๋ยวนี้”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็เผาเสียเถอะ”
กระดูกศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาแย่งชิงกันก่อนหน้านี้นั้นไร้ประโยชน์เสียแล้ว เกรงว่ากระดูกหยกศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในพระราชวังโบราณหนานหลิงต่างหากล่ะที่เป็นกระดูกศักดิ์สิทธิ์ของจริง
ภายใต้การแผดเผาของเปลวไฟของพิฆาตวิญญาณ วิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในกระดูกศักดิ์สิทธิ์นั้นก็กำลังร้องโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมาน
“ไว้ชีวิตข้าด้วย…ปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าไม่อยากให้วิญญาณของข้าดับสลาย”
เจ้าพิฆาตวิญญาณผู้นี้เป็นคนที่ฟังคำขอร้องอ้อนวอนของคนอื่นเสียที่ไหนกันเล่า
เจ้าสำนักวารีเมฆาเองก็ได้รู้ความจริงแล้วว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง ตอนนี้เขาจ้องมองไปที่สุ่ยโหรวด้วยความอาฆาตแค้น
“เจ้าเป็นบุตรสาวของข้า เหตุใดทำถึงทำร้ายข้า”
สุ่ยโหรวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ข้าเปล่านะ! ท่านพ่อ ข้าก็ไม่รู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้”
สีหน้าของเจ้าสำนักวารีเมฆาบิดเบี้ยวอย่างไม่น่ามองก่อนจะเผยความบ้าคลั่งออกมา “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเอากระดูกศักดิ์สิทธิ์นั่นมาให้ข้า ให้ข้าทะลวงพลังวิญญาณได้เพราะเจ้าสิ่งของชั่วร้ายนั่น แล้วมาทำลายสำนักลั่วเยว่อย่างตามใจเช่นนี้ ข้าก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก”
“ข้ามีลูกทรยศเช่นนี้ได้ยังไง แต่อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องตาย เช่นนั้นเรามาตายไปพร้อม ๆ กันนี่แหละ!”
เจ้าสำนักวารีเมฆาถูกพิฆาตวิญญาณโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เขาจึงรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายพุ่งเข้าหาสุ่ยโหรว
สุ่ยโหรวส่งเสียงกรีดร้องขึ้น “ไม่! ข้าไม่อยากตายไปพร้อมกับตาเฒ่าเช่นท่าน!”
“ข้าเป็นถึงศิษย์ของสำนักหลินเยว่ กองกำลังระดับสี่ ข้าไม่อยากตาย”
เผชิญหน้ากับการโจมตีของเจ้าสำนักวารีเมฆาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นนี้ สุ่ยโหรวยังมีโอกาสหลบหลีกได้
ฟึ่บ! ลำแสงสีเงินลำแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้น เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งโจมตีไปที่คอของสุ่ยโหรวจนนางรู้สึกหมดเรี่ยวแรงไปทั้งตัว
ขวับ! สุ่ยโหรวถูกเจ้าสำนักวารีเมฆาจับตัวได้ จากนั้นเขาก็เริ่มฉีกกระชากนาง ฉีกเนื้อหนังมังสาของนาง กัดนาง…
“อ๊า! ช่วยด้วย! ข้ายังไม่อยากตาย ช่วยข้าด้วย!”
คนของสำนักวารีเมฆาเองก็เอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้ว พวกเขาไม่มีทางสงสารตัวต้นเรื่องผู้นี้แน่นอน
ส่วนคนของสำนักลั่วเยว่ก็ไม่มีทางเมตตาต่อศัตรูแน่นอน สุนัขสองพ่อลูกคู่นี้ ตายไปได้ก็ดี!
สุ่ยโหรวหันมองไปที่ฉู่หลี “คุณชายฉู่หลี ช่วยข้าด้วย…ช่วยข้าด้วย…”
“ขอเพียงแค่ท่านช่วยชีวิตข้า ข้ายอมเป็นนางสนมอยู่ปรนนิบัติข้างกายท่าน ฮือ ๆ ๆ ช่วยข้าด้วย”
สุ่ยโหรวขอร้องอ้อนวอนด้วยท่าทีที่น่าสงสาร แต่ฉู่หลีกลับทำเหมือนไม่เห็นไม่ได้ยิน
สุ่ยโหรวเย็นวาบไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ตอนนี้สิ่งเดียวที่นางจะใช้ประโยชน์ได้ก็มีเพียงรูปร่างหน้าตาและความสวยแล้ว ทว่า ยังคงไม่ได้ผล
“อ๊า! ข้าเจ็บ! ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก!”
“ข้าไม่อยากตาย!”
“……”
นางพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลังความสามารถ แต่ยังคงไร้ประโยชน์อยู่ดี ทั่วทั้งร่างของนางถูกกัดจนเลือดอาบท่วมกาย ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแล้ว
หลังจากที่เจ้าสำนักวารีเมฆาฆ่าสุ่ยโหรว เขาก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ทุกอย่างเป็นเพราะว่านางหลอกข้า ตอนนี้นางตายไปแล้ว พวกเจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้ายังไม่อยากตาย!”
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณและกล่าวว่า “ปล่อยเจ้าไป! คนอย่างเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปก็สิ้นเปลืองอากาศ สิ้นเปลืองอาวุธวิญญาณ เจ้าตายไปเสียเถอะ ดีแล้ว!”
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีอันทำลายล้างสีแดงฉานดอกหนึ่งระเบิดใส่ร่างของเขา เจ้าสำนักวารีเมฆาก็ตายลงพร้อมกับดวงวิญญาณที่ดับสลายไปอย่างสมบูรณ์
มู่เฉียนซีกล่าว “คนของสำนักวารีเมฆาผู้ใดที่ยอมจำนน ยังมีโอกาสรอดชีวิต หากไม่ยอมจำนน ก็ต้องตาย!”
ท่านเจ้าสำนักตายไปแล้ว หลังจากที่ผ่านศึกรบครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้มา สำนักวารีเมฆาก็เหลือผู้อาวุโสอยู่เพียงแค่ไม่กี่ท่านแล้ว เห็นมู่เฉียนซีวิปริตเช่นนี้พวกเขาจะกล้าต่อสู้ต่อไปได้อย่างไรเล่า!
หากยังไม่ยอมจำนน ตอนหลังต้องเจ็บปวดทรมานไม่ต่างอะไรกับท่านเจ้าสำนักของพวกเขาเป็นแน่ และถึงตอนนั้นต่อให้ขอร้องอ้อนวอนเช่นไรก็คงจะไร้ประโยชน์
“ไม่สู้แล้ว ๆ! พวกเรายอมจำนน!”
“พวกเราทั้งหมดล้วนแต่ฟังคำสั่งของท่านเจ้าสำนักทั้งสิ้น พวกเราไม่อยากเป็นศัตรูกับสำนักลั่วเยว่ของพวกเจ้า”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด คนเหล่านี้ให้เป็นหน้าที่ของท่านจัดการ”
และคนของสามสำนักใหญ่ที่เฝ้าคุ้มกันอยู่ด้านนอกในตอนนี้ล้วนยังเรียกสติกลับมาไม่ได้ “นี่มัน…นี่จบแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“พระเจ้า! ไม่อยากจะคิดเลย!”
“รอกลับไปสำนักเมื่อใด จะต้องเตรียมของขวัญไปร่วมแสดงความยินดีกับสำนักลั่วเยว่สักหน่อยแล้ว ต้องกอดขาพวกเขาเอาไว้ให้แน่น!”
“สำนักลั่วเยว่มีศิษย์ที่เป็นอัจฉริยะเช่นนั้น ช่างน่าภาคภูมิใจยิ่งนัก!”
ที่นี่ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาต้องเป็นกังวลใจอีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรีบกลับไปรายงานต่อสำนักทันที
หลังจากที่พิฆาตวิญญาณออกมาแล้ว เขาก็อาลัยอาวรณ์ไม่อยากกลับเข้าไปในกระบี่
เขาหรี่ตายิ้มพลางมองไปที่มู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “แมวน้อย นับวันข้ายิ่งชอบเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วล่ะ ชอบจิตวิญญาณของเจ้า ชอบคนเช่นเจ้า เจ้าว่าต้องทำเช่นไรดีล่ะ?”
“เจ้าจะต้องมีรสชาติที่เยี่ยมยอดเป็นแน่ ข้าอยากจะลิ้มรสลองชิมเจ้าจริง ๆ…”
พิฆาตวิญญาณเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือพลังอันดำมืดพลังหนึ่งโจมตีเข้ามา
ทั่วทั้งร่างของจิ่วเยี่ยเต็มไปด้วยกลิ่นอายจิตสังหาร เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าไม่อนุญาต!”
พิฆาตวิญญาณกล่าวยั่วโทสะว่า “ข้าชอบแมวน้อย มันเป็นเรื่องของข้า! เจ้าจะอนุญาตหรือไม่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า ต่อให้เจ้าจะเป็นองค์ชายแห่งคุกโลหิต เจ้าก็ไม่อาจห้ามให้ข้าชอบหรือไม่ชอบแมวน้อยได้!”
“อย่างไรเสียแมวน้อยก็เป็นเจ้านายของข้า ไม่ใช่เจ้า!”