ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1574 ต้องขอบใจเจ้า
โฮ่ก ๆ ๆ! หมาป่าวายุคลั่งคำรามขึ้นอีกครั้ง
อู๋ตี้คุ้นชินแล้ว ทุกครั้งที่หมาป่าวายุคลั่งแหกปากร้องคำรามออกมา อู๋ตี้ก็จะทำหน้าที่เป็นล่ามแปลทันที มันกล่าว “นายท่าน ครั้งนี้ค่อนข้างลำบากแล้ว มันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดนะขอรับ ให้ข้าจัดการดีหรือไม่นายท่าน?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูพลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดนั่นก่อนเถอะ!”
“เพียงแต่ว่า ไม่ว่าเจ้าหมาป่าวายุคลั่งนั่นจะพูดเช่นไร สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดตัวนั้นก็ไม่ยอม มันเอาของล้ำค่าทั้งหมดที่ติดตัวออกมาเสนอแล้ว แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดตัวนั้นก็ยังไม่สนใจอยู่ดี”
“สมกับที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดจริง ๆ! มีความเย่อหยิ่งในตัวเอง!” อู๋ตี้กล่าว
สุดท้ายเสี่ยวหงก็กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “นั่นก็ต้องดูว่า มันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดประเภทใด แต่ตัวที่อยู่ข้าง ๆ ข้าตัวนี้ รู้จักแค่กิน ๆ ๆ อย่างเดียว คาดว่าจะไม่มีความเย่อหยิ่งในตัวเองเหมือนตัวอื่น”
“นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า? เจ้าอิจฉาที่ข้าได้เลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องมากล่าววาจากระแทกแดกดันข้าเช่นนี้หรอก”
“ข้าเนี่ยนะอิจฉาริษยาเจ้า! ข้าไม่มีทางอิจฉาริษยาเจ้าแมวโง่เขลาเช่นเจ้าหรอก”
“เจ้ามันหมูขี้เกียจ เจ้ามันขี้อิจฉา!”
เกิดการปะทะปากเสียงกันของหมูกับแมวขึ้นในมิติพันธสัญญา และในตอนนี้เองร่างในชุดดำร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้น ก่อนจะตบร่างของหมาป่าวายุคลั่งจนกระเด็นลอยออกไป
“เจ้ามดปลวก กล้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
ปัง!
หมาป่าวายุคลั่งถูกตบจนบาดเจ็บอาการเป็นตายเท่ากัน!
มันคือหมาป่าทมิฬที่มีรูปร่างสูงใหญ่เทียบเท่ากับภูเขาครึ่งลูก และสิ่งที่น่ากลัวไปยิ่งกว่านั้นก็คือเงาร่างของมันสามารถกลายเป็นอาวุธในการโจมตีได้
อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ทำร้ายหมาป่าวายุคลั่งให้ได้รับบาดเจ็บนั้นก็คือเงาร่างของมันต่างหาก!
มันเองก็สังเกตเห็นมู่เฉียนซีแล้ว แม่นางน้อยร่างบอบบางเนื้อนุ่มนิ่มเช่นนี้ จะต้องเป็นอาหารอันโอชะของมันแน่นอน
มันยิ้มพลางกล่าว “เห็นแก่ที่เจ้านำพาอาหารอันโอชะมาให้ข้า รออีกหน่อยข้าค่อยฆ่าเจ้าก็แล้วกัน”
ทันใดนั้นเงาร่างสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังมู่เฉียนซี และยื่นมือไปจะบีบคอของนางไว้
มู่เฉียนซีโคจรพลังแห่งมิติใช้การเคลื่อนไหวภายในชั่วพริบตาหลบหลีก เนื่องจากทักษะร่างของนางนั้นช้าเกินไปจึงไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีนี้ได้ทัน
นี่ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดที่สามารถควบคุมเงาร่างได้ด้วย ช่างรับมือได้ยากยิ่งนัก
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “พลังแห่งมิติทำให้เจ้าหลบหลีกได้ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก!”
สำหรับอาหารอันโอชะเช่นนี้แล้ว มันมีความอดทนที่จะรอ!
เงาร่างสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งไปที่มู่เฉียนซี กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งตัดผ่านอากาศ เปลวไฟสีแดงฉานฟันไปที่เงาร่างสีดำเหล่านั้น
พลังธาตุอัคคีของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณนั้นไม่อาจดูหมิ่นได้เลย
“ห้ะ! นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีเปลวไฟที่สามารถเผาทำลายเงาร่างของข้าได้”
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะมีของล้ำค่าไม่ธรรมดาอยู่มากมาย แต่หมาป่าทมิฬก็ไม่คิดว่ามู่เฉียนซีจะหนีรอดพ้นเงื้อมมือของมันไปได้
หลังจากที่เลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดได้ ผู้บำเพ็ญภูตที่มีพลังต่ำกว่าขั้นปราชญ์แห่งภูตก็เป็นเพียงแค่มดปลวกในสายตามันเท่านั้น
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งออกมา หมาป่าทมิฬแยกเงาร่างหลายเงาและห้อมล้อมบัวอัคคีนี้เอาไว้
ภายในชั่วพริบตาเดียวบัวอัคคีก็ดับลง ไม่สามารถทำให้หมาป่าทมิฬได้รับบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
หมาป่าทมิฬยิ้มพลางกล่าวว่า “ช่างดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์จริง ๆ”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะโยวจั๋ว!”
ปัง ปัง ปัง! เงาร่างของมันมีการโจมตีที่แข็งแกร่ง การป้องกันก็แข็งแกร่ง กระบวนท่าการโจมตีเหล่านี้ของมู่เฉียนซีใช้กับมันไม่ได้ผลเลยสักนิด
“แม่นางน้อย เจ้าเล่นพอหรือยัง? ถึงตาข้าบ้างแล้วล่ะ!”
“เงาหมาป่าพิโรธ!”
โฮ่ก ๆ ๆ!
เงาร่างนับไม่ถ้วนพลันเปลี่ยนเป็นหมาป่าทมิฬที่แสนโหดร้ายและพุ่งโจมตีเข้าหามู่เฉียนซี ชั่วพริบตาเดียวร่างของมู่เฉียนซีอันตรธานไปจากที่เดิม แต่จู่ ๆ ร่างหมาป่าทมิฬตัวหนึ่งก็ปรากฏกายอยู่ด้านหลังของนาง และนางก็ทำได้เพียงโคจรพลังแห่งมิติหลบหลีกไปอีกครั้ง
นี่คือสัตว์วิญญาณที่รับมือได้ยากมากตัวหนึ่ง ระหว่างการตอบโต้กลับที่ดุเดือดและอันตรายนี้ มู่เฉียนซียังคงใช้การเคลื่อนไหวภายในชั่วพริบตาหลบหลีกการโจมตี
ปัง ปัง ปัง!
ลมพายุนับไม่ถ้วนพัดกระโชกเข้ามา ทำลายการป้องกันของมู่เฉียนซีและพัดพาร่างของนางกระเด็นลอยออกไป
“นายท่าน ให้ข้าลงมือเอง! ให้ข้าลงมือเถอะขอรับ! กล้ารังแกนายท่านของข้า ข้าจะแก้แค้นให้นายท่านเอง”
นายท่านเสียเปรียบ อู๋ตี้โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
ตอนนี้มันเลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดได้แล้ว ต่อให้หมาป่าทมิฬมีความสามารถพิเศษเพียงใด แต่หากมันเป็นคนรับมือด้วยแล้วก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ อย่าเพิ่งใจร้อน ข้ารับมือได้!”
มู่เฉียนซีหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ภายใต้การโจมตีอันดุเดือด ความเร็วของมู่เฉียนซีก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง
ตูม!
ในขณะที่มู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีที่จะคร่าชีวิตนี้อย่างสุดชีวิต นางก็ได้เลื่อนขั้นพลังวิญญาณเป็นขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามแล้ว!
พลังเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับก็ยังไม่สามารถพลิกผันสถานการณ์นี้ได้
หมาป่าทมิฬยังมีโอกาสชนะได้อย่างท่วมท้น แต่มันเริ่มหมดความอดทนแล้ว มันเริ่มหมดความอดทนแล้วจริง ๆ!
แต่ไหนแต่ไรมามันไม่เคยเสียเวลากับเหยื่อนานเช่นนี้มาก่อนเลย
หมาป่าทมิฬเก็บเงาร่างของมันกลับมา กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของมัน พลังในการกดขี่ข่มเหงนั้นทำให้หมาป่าวายุคลั่งถึงกับต้องสั่นสะท้าน
เจ้ามนุษย์ที่ไล่ล่ามันมานานผู้นี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะถูกฆ่าสักที
แต่หากหลังจากนางตาย ก็จะเป็นตาของมัน ตอนนี้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจนวิ่งหนีไม่ไหวแล้ว
หมาป่าวายุคลั่งรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
เผชิญหน้ากับพลังอำนาจเช่นนี้ มู่เฉียนซีก้มหน้าลง ทันใดนั้นเข็มยานับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปจากปลายนิ้ว!
เสียงตัดผ่านอากาศดังมาจากทั่วทุกสารทิศ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาหลบหลีก มู่เฉียนซีจึงโคจรพลังแห่งมิติใช้กระบวนท่าเคลื่อนไหวภายในชั่วพริบตาไปปรากฏกายอยู่ตรงหน้ามัน
เสียง ฟึ่บ ฟึ่บ! ดังขึ้นสองครั้ง เข็มยาสองเข็มแทงเข้าดวงตาคู่นั้นของหมาป่าทมิฬ
พรวด!
“โฮ่ก! เจ้ามนุษย์ เจ้ารนหานที่ตาย!”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา พลังนี้เพียงพอที่จะบดขยี้เนื้อบางส่วนให้แหลกสลายลงได้
ร่างของมู่เฉียนซีกระเด็นลอยออกไป ลำแสงสีฟ้าอ่อนห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้ นางกระเด็นลอยออกไปไกลถึงสามร้อยเมตรก่อนจะกระแทกลงบนพื้นดิน
หมาป่าวายุคลั่งตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เช่นนี้แล้วยังไม่ตายอีก นึกไม่ถึงเลยนางจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ปกป้องตัวเองมากมายถึงเพียงนี้
หมาป่าวายุคลั่งรู้สึกว่า การที่ตนเองล่วงเกินมนุษย์ผู้วิปริตผู้นี้ เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียใจภายหลังมากจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้มันไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่านั้นยังมาไม่ถึง
ด้วยระดับพลังของหมาป่าทมิฬแล้ว แม้ว่าดวงตาทั้งสองข้างของมันจะมองไม่เห็น แต่ก็ยังมีกำลังในการต่อสู้อันแข็งแกร่งมาก
แม้ว่าอาวุธลับนั้นจะมีพิษร้ายแรง แต่พิษนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด
แต่นี่มันอะไรกัน? นึกไม่ถึงเลยว่าพลังจิตที่ไม่ค่อยมั่นคงของหมาป่าทมิฬจะเห็นเงาร่างของตัวเองนับไม่ถ้วนกำลังโจมตีตัวเองอยู่
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งภายใต้เงาร่างนับไม่ถ้วนนั้น ทำให้หมาป่าทมิฬล้มลงไป และไม่อาจพยุงตัวลุกขึ้นมาได้
จากนั้นเงาร่างเหล่านั้นก็อันตรธานหายไป
เมื่อหมาป่าวายุคลั่งเห็นถึงขั้นนี้แล้ว มันจึงหลบมุมสั่นสะท้านอยู่
เจ้าจงไม่เห็นข้า จงไม่เห็นข้า…ไม่เห็น…
นี่เป็นเพียงแค่การสะกดจิตตัวเองก็เท่านั้น มู่เฉียนซีไล่ตามมันนานถึงเพียงนี้ จะไม่เห็นมันได้อย่างไรกัน
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าเล็กน้อยว่า “เฮ้อ! เจ้าหนีไม่พ้นหรอก! ให้ข้าช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้าดีหรือไม่ เจ้าจะได้หนีต่อ!”
“เจ้านี่นะ ช่างขี้ขลาดตาขาวมากเกินไปแล้วจริง ๆ แต่อย่างไรเสียเจ้าก็ช่วยข้าได้เยอะเลยนะ หาคู่ต่อสู้มาให้ข้าได้มากมายเพียงนี้ โดยเฉพาะคู่ต่อสู้สุดท้ายผู้นั้น ต่อสู้ได้สะใจข้ามาก จนข้าสามารถเลื่อนขั้นพลังวิญญาณได้ อันที่จริงข้าต้องขอบใจเจ้ามากกว่า” มู่เฉียนซีกล่าวเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
หมาป่าวายุคลั่งมองไม่ออกถึงความขอบคุณของมนุษย์ผู้นี้เลย มันกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “มะ ไม่ ไม่ต้อง! เจ้า…เจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ให้ข้าได้ตายอย่างสงบสุขเถอะ”
เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้มันได้รู้แล้วว่ามนุษย์ผู้นี้น่าหวาดกลัวมากเพียงใด