ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1577 ชีวิตแห่งเทพพฤกษา
โครงกระดูกโครงนั้นกำลังนั่งอยู่บนขอนไม้โบราณ ภายในมีสิ่งของที่มู่เฉียนซีคุ้นเคยและรังเกียจเป็นที่สุดอยู่
คำสาป ทั้งหมดล้วนเป็นคำสาป
เนื่องจากนางได้อ่านคำภีร์หมื่นคำสาปจบไปถึงสองม้วนแล้ว นางจึงมีความเข้าใจในการร่ายคาถาสาปแช่งเหล่านี้อยู่บ้าง
หากบุกเข้าไป ก็มีแต่จะต้องย่ำเข้าประตูผีไปอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อพลังวิญญาณอันแสนแกร่งกล้าแผ่ขยายออกมา มันก็สามารถป้องกันคำสาปของสถานที่แห่งนี้ได้ทั้งหมด ทำให้มู่เฉียนซีสามารถเดินเข้าไปข้างในได้
มีกระดาษสีเหลืองตกกระจายอยู่ทั่วพื้น เมื่อมู่เฉียนซีหยิบแผ่นกระดาษเหล่านั้นขึ้นมาดูแล้ว นางก็พบว่ามันคือแผนที่ของสถานที่ต่างๆ ดูสะเปะสะปะเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีลายมือของเผ่าคำสาปที่ดูสลับซับซ้อนอีกด้วย
มู่เฉียนซีไม่รู้จักตัวอักษรของเผ่าคำสาป ทว่านางก็สามารถที่จะเรียนรู้ได้
ไม่ว่าจะเพื่อหาทางออกไปจากที่นี่ หรือเพื่อหาทางถอนคำสาปให้กับจิ่วเยี่ย นางก็จะต้องเรียนรู้ตัวอักษรของเผ่าคำสาปให้ได้เสียก่อน
มู่เฉียนซีที่ได้รับคัมภีร์หมื่นคำสาปมาแล้วสองม้วน หากจะให้เรียนรู้ตัวอักษรของเผ่าคำสาป ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด นางจึงค่อย ๆ อ่านตัวอักษรเหล่านั้นด้วยความสงบ
ในที่สุดนางก็อ่านตัวอักษรบางตัวออก
“ชีวิตแห่งเทพพฤกษา ณ ดินแดนซวนเทียน…”
“ข้าพยายามใช้คำสาปสาปแช่งองค์ชายจิ่วเยี่ยเพื่อจักรพรรดิเทพ คาดไม่ถึงว่าจักรพรรดิเทพจะหักหลังข้า ในฐานะหัวหน้าเผ่า ข้าสามารถสาปแช่งองค์ชายจิ่วเยี่ยได้ ทำให้เขาตายทั้งเป็น และสามารถสาปแช่งจักรพรรดิเทพได้เช่นกัน”
“หึ หึ หึ! เขากลัวแล้ว!”
“ถูกหักหลัง ถูกไล่ฆ่า คำสาปย้อนคืนกลับใส่เจ้าของ ทำให้ข้าต้องหลบหนีมายังแดนซวนเทียน และสวรรค์ย่อมมอบทางออกให้เราเสมอ ข้าได้รับข่าวคราวของเทพพฤกษา ตราบใดที่ได้ครอบครองพระแม่แห่งเทพพฤกษา คำสาปที่ย้อนกลับก็ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด”
มู่เฉียนซีตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่ทำให้จิ่วเยี่ยต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ก็คือเจ้านี่เองน่ะหรือ
เมื่อต้องมีจุดจบที่ย่ำแย่เช่นนั้น มู่เฉียนซีก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจคนผู้นี้แม้แต่น้อย
เพียงแต่หากคำสาปย้อนกลับได้ผลกับชีวิตแห่งเทพพฤกษา เช่นนั้นมันก็จะช่วยถอนคำสาปให้จิ่วเยี่ยได้ด้วยใช่หรือไม่
เพียงแค่มีเบาะแสเพียงเล็กน้อย หรือความเป็นไปได้แม้เพียงน้อยนิด มู่เฉียนซีก็ไม่คิดปล่อยผ่าน
แผนที่เหล่านี้ล้วนเป็นที่สถิตของชีวิตแห่งเทพพฤกษาที่เจ้านั่นคาดเดาเอาไว้ มันสะเปะสะปะมากเกินไป ทำให้นางสับสนไปชั่วขณะ
มู่เฉียนซีจึงเก็บแผ่นกระดาษเหล่านี้มาทั้งหมด ถึงแม้นางจะไม่เข้าใจ ทว่าอีกประเดี๋ยวเมื่อจิ่วเยี่ยมาถึง ก็สามารถช่วยกันครุ่นคิดพิจารณาได้
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังโครงกระดูกโครงนั้น และขอนไม้ที่โครงกระดูกนั่งทับอยู่
เมื่อนางยื่นมือเข้าใกล้ นางก็สัมผัสได้ถึงพลังของคำสาปที่แกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง
พลังของมันไม่ได้แผ่ซ่านออกมาจากโครงกระดูก ทว่าแผ่ซ่านออกมาจากขอนไม้โบราณผุพังขอนนั้นต่างหาก มันดูไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย
พลังวิญญาณได้ห่อหุ้มมือของมู่เฉียนซีเอาไว้ นางจึงสามารถยื่นมือเข้าไปใกล้ ๆ ขอนไม้นั้นได้
เพียงปลายนิ้วของนางสัมผัสลงบนขอนไม้ขอนนั้น พลังแห่งความดำมืดก็รายล้อมออกมาทั่วบริเวณ ทว่าจุดที่ลึกที่สุดกลับมีพลังชีวิตแผ่ซ่านออกมาอย่างบางเบา
นางรู้สึกคุ้นเคยกับพลังชีวิตนี้มาก!
มู่เฉียนซีตกตะลึงไปชั่วขณะ “นะ…นี่คงไม่ใช่เสี้ยวชีวิตแห่งพฤกษาหรอกกระมัง!”
มู่เฉียนซีงัดขอนไม้นั้นออกมา และเพื่อพิสูจน์สิ่งที่นางคาดเดาอยู่ในตอนนี้ นางจึงคิดจะลบล้างพลังคำสาปที่อยู่บนท่อนไม้ท่อนนี้เสียก่อน
นางได้นำหม้อเทพนิรันดร์ออกมา แล้วเริ่มกลั่นยาในทันที
เมื่อปรุงยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็จะโยนมันลงในยาเพื่อที่จะลบล้างคำสาปออกไปให้หมด!
“ฟุ่บ! ฟุ่บ!”
เมื่อยาเริ่มเดือดจนเกิดฟองแล้ว ขอนไม้ผุพังนั้นก็เริ่มมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ
เมื่อลบล้างคำสาปออกไปแล้ว ขอนไม้ก็เล็กลงจนมีขนาดเหลือเพียงหัวนิ้วโป้งเท่านั้น และมันก็ไม่มีพลังคำสาปหลงเหลืออยู่อีกต่อไป ทว่ากลับกลายเป็นกิ่งไม้ที่มีพลังชีวิตกิ่งหนึ่งแทน
มู่เฉียนซีเก็บมันไว้ในกล่องหยกเย็น ก่อนจะกล่าวว่า “ที่ของสิ่งนี้สามารถประคับประคองชีวิตของเจ้านั่นไปได้ในแต่ละวัน ก็เพราะฤทธิ์จากกิ่งไม้กิ่งนี้นี่เอง ใช้มันดูดกลืนพลังคำสาป จึงยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้!”
“เพียงแต่เมื่อพลังชีวิตได้ถูกใช้ไปจนไม่เหลือหลอ และหากเขายังหาที่สถิตของเทพพฤกษาไม่เจอละก็ เขาก็คงทำได้เพียงดับสิ้นไปอยู่ตรงนี้เท่านั้น”
คนผู้นี้เคยเป็นหัวหน้าเผ่าคำสาปมาก่อน แน่นอนว่าจะต้องมีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อย นางพบแหวนมิติหนึ่งวง
บนแหวนมิติวงนี้มีรอยประทับวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ หากคิดจะลบล้างมันออกไป แม้กระทั่งมู่เฉียนซีในตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่ามันอันตรายเป็นอย่างมาก
เพื่อให้ความล้มเหลวลดน้อยลง มู่เฉียนซีจึงกลั่นยาลูกกลอนให้ตนเองหนึ่งเม็ด เมื่อกลืนยาลูกกลอนลงไปแล้ว นางก็เริ่มใช้พลังวิญญาณลบล้างรอยประทับบนแหวนมิติออก
หน้าผากมนมีเม็ดเหงื่อละเอียดผุดขึ้นเต็มไปหมด ท้ายที่สุดแล้วรอยประทับวิญญาณก็ได้ถูกลบล้างออกไปได้สำเร็จ
มู่เฉียนซีได้ประทับตราวิญญาณของตนเองลงไปแทน เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในแล้ว นางก็รู้สึกว่าการที่อุตส่าห์ลบรอยประทับวิญญาณออกไปด้วยความยากลำบากเมื่อครู่ ก็เป็นอะไรที่ไม่เสียแรงเลยจริง ๆ
ภายในมีของล้ำค่าอยู่มากมาย มีสิ่งของอีกหลายชิ้นที่นางในตอนนี้ก็ยังไม่อาจใช้ได้ ทว่าข้อมูลต่าง ๆ ในการร่ายคาถา รวมไปถึงสมุดจดบันทึกสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ล้วนแต่มีประโยชน์สำหรับนางเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อนางเก็บสิ่งของเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็ทอดมองไปยังโครงกระดูกโครงนั้น!
นางได้นำกล่องออกมาหนึ่งใบ แล้วเก็บกระดูกเหล่านั้นกลับไปด้วย!
ภายในมิติได้เก็บเป่ยกงจั๋วที่แช่อยู่ในยาน้ำไว้แล้วหนึ่งคน บัดนี้นางก็ได้เก็บโครงกระดูกของหัวหน้าเผ่าคำสาปไว้อีกหนึ่งโครง
นางไม่ได้ชอบเก็บสะสมศัตรูไว้อย่างแน่นอน ทว่าเนื่องจากคำสาปนี้มาจากหัวหน้าเผ่าคำสาป ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะส่งตัวคนผู้นี้ไปให้จิ่วเยี่ยจัดการ ถึงแม้ตอนนี้การเฆี่ยนตีศพจะทำไม่ได้แล้วก็ตาม
เมื่อเข้าใจในสิ่งที่เขาเขียนแล้ว มู่เฉียนซีก็สามารถหาทางออกได้อย่างราบรื่น
ป่าหมอกพิษผืนนี้ก็เป็นเพราะพลังคำสาปย้อนกลับของหัวหน้าเผ่าคำสาปที่ได้แผ่ซ่านออกไปภายนอก แสดงให้เห็นว่าหัวหน้าเผ่าคำสาปในกาลก่อนน่าเกรงขามมากเพียงใด!
สำหรับมู่เฉียนซีแล้ว ครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการได้รับผลประโยชน์ด้วยความบังเอิญ
เมื่อมู่เฉียนซีได้กลับออกมาจากป่าไม่หวนคืนแล้ว จากนั้นนางก็เพียงแค่ต้องออกจากป่าหมอกพิษก็เป็นอันเสร็จสิ้น
“รีบหนีเร็วเข้า!”
เสียงอึกทึกครึกโครมดังสนั่นไปทั่ว
“พวกเราวิ่งไม่ไหวแล้ว ศิษย์พี่ ต่อสู้กับพวกมันไปเลยดีกว่า”
สุ้มเสียงการปะทะแว่วดังมาจากเบื้องหน้า พวกเขาถูกสัตว์ร้ายล้อมไว้ทุกทิศทาง
ยิ่งแบ่งกำลังออกโจมตีเท่าไร สัตว์ร้ายเหล่านี้ก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น ถึงแม้พลังของคนเหล่านั้นจะแข็งแกร่งอยู่พอสมควร ทว่าพวกเขาก็ยังไม่อาจต้านทานสัตว์ร้ายเหล่านั้นได้อยู่ดี
มู่เฉียนซีหยุดชะงักฝีเท้าลง นางรู้สึกคุ้นหูกับน้ำเสียงของคนเหล่านั้นพอสมควร
คนกลุ่มนั้นเองก็เห็นมู่เฉียนซีแล้วเช่นกัน “นั่น…นั่นไม่ใช่แม่นางที่เข้าป่าไม่หวนคืนหรอกหรือ? นี่พวกเราเจอผีกันหรืออย่างไร?”
“เจ้าอย่าพูดจาซี้ซั้ว แม่นางผู้นั้นยังสบายดีอยู่เลย!”
หากสามารถกลับออกมาจากป่าไม่หวนคืนได้ นั่นก็แสดงว่าพลังของนางคงแกร่งกล้าไม่เบา
ตอนนี้พวกเขาจนตรอกแล้ว และทำได้เพียงร้องขอความช่วยเหลือเท่านั้น!
“แม่นาง การที่แม่นางกลับออกมาจากป่าไม่หวนคืนได้ แสดงว่าแม่นางจะต้องมีพลังที่แกร่งกล้ามากเป็นแน่ ดังนั้นได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด ข้าและศิษย์น้องยังไม่อยากตาย หากแม่นางสามารถช่วยได้ละก็ พวกเราก็ยินดีที่จะทำเรื่องที่พวกเราสามารถทำได้สามเรื่องให้แม่นาง”
“พวกเราเป็นศิษย์สำนักฉางยวนกองกำลังระดับสี่”
ก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกดูแคลนบรรดาศิษย์ที่อาศัยว่าตนเองอยู่ในกองกำลังระดับสี่ แล้วโอ้อวดไปทั่ว ทว่าเมื่อเข้าตาจนแล้ว พวกเขาก็จำเป็นจะต้องกล่าวออกมา
สำนักที่อยู่ในกองกำลังระดับสี่ในแดนซวนเทียน นับว่ามีความสำคัญอยู่ไม่น้อย
เมื่อพวกเขาได้กล่าวออกมา มู่เฉียนซีก็หวนนึกอะไรขึ้นได้
ยามที่นางกำลังจะเข้าไปในป่าไม่หวนคืนนั้น พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นคนที่กล่าวเตือนนางถึงอันตรายที่อยู่ภายใน
สำนักที่อยู่ในกองกำลังระดับสี่นับว่ามีความสำคัญไม่น้อย หากนางจะมีสหายเพิ่มอีกสักคน มันก็คงจะดีต่อหอหมอปีศาจที่กำลังขยายความรุ่งเรืองในอาณาเขตหนานหลิงอยู่ในตอนนี้ อีกอย่างสำนักฉางยวนก็มีชื่อเสียงในอาณาเขตหนานหลิงไม่น้อยเช่นกัน
พวกเขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง และกลัวว่ามู่เฉียนซีจะไม่ช่วยพวกเขา หากมู่เฉียนซีไม่ช่วย พวกเขาก็คงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เป็นแน่!
.