ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1592 อาจารย์ดวงตามืดบอด
เจ้าสำนักจีหัวเราะราวกับคนเสียสติ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ตายไปให้หมด!”
ตูม!
เสียงของการปะทะยังคงดังสนั่นอย่างไม่หยุดหย่อน
ยามสายฟ้าสีเงินกลืนกินร่างของทั้งสองไปจนไม่เห็นเงา และเมื่อแสงสีเงินเรืองรองได้จางหายไปแล้วนั้น คนของสำนักฉางฮวนก็หัวเราะไม่ออกอีก
ทั้งสองยังคงปลอดภัย ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด!
ไม่มีแม้แต่บาดแผล
ฉู่หลีสังเกตดูมู่เฉียนซีอย่างละเอียด “ศิษย์น้องกำลังฝึกตนอยู่!”
“วิธีฝึกตนที่อันตรายแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน?”
แววตาแสนเย็นชามีประกายแห่งความเจ็บปวดใจวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
ตอนนี้เขาอยากจะเข้าไปซัดกับคนที่มอบวิธีฝึกตนที่อันตรายแบบนี้ให้กับศิษย์น้องเป็นอย่างยิ่ง ศิษย์น้องของเขาจะรับไหวได้อย่างไร
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่! ตอนนี้ข้าก็ยังปกติดีอยู่ไม่ใช่หรือ?ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“แต่คนเหล่านี้…”
ก้นบึ้งดวงตาของฉู่หลีมีประกายแห่งความเด็ดเดี่ยวและเย็นชาวาบผ่าน “ศิษย์พี่จะจัดการเอง!”
ภายในชั่วพริบตา ฉู่หลีก็พุ่งปรี่ออกไปอย่างรวดเร็ว!
“ก็แค่เด็กน้อยที่เพิ่งบรรลุระดับขั้น จะหยิ่งทะนงไปถึงไหนกัน!”
“จัดการเขาให้ข้า!”
โครม!
ถึงแม้ฉู่หลีจะเพิ่งบรรลุระดับได้ไม่นาน ทว่าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรดาผู้อาวุโสที่บรรลุระดับขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มาสักระยะแต่อย่างใด
ปัง! ฉู่หลีโจมตีคนผู้หนึ่งจนกระเด็นถอยหลังไปไกล การโจมตีของเขาเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นเขาจึงจะหันมาโจมตีคนอื่น ๆ ต่อ
มีผู้คนที่ถูกสายฟ้าฟาดไปจำนวนไม่น้อย ตอนนี้สำนักลั่วเยว่มียอดฝีมือผู้วิปริตเช่นนี้ ทำให้สถานการณ์ของสำนักฉางฮวนย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
โครม!
ในขณะที่ผู้คนของสำนักฉางฮวนได้รับบาดเจ็บและล้มตายไปเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเสียงหนึ่งดังขึ้น
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “สำนักฉางฮวนที่เป็นสำนักในกองกำลังระดับสี่ช่างน่าไม่อายเสียจริง นี่ยังกล้าเรียกกำลังเสริมมาอีก!”
“หากเขายังรักเกียรติและศักดิ์ศรีอยู่บ้าง ก็คงไม่มาถึงสำนักลั่วเยว่ของเราเช่นนี้! สู้กับพวกมันให้ตายกันไปข้าง!”
กลิ่นอายของความน่าเกรงขามปรากฏขึ้นอีกครา บัดนี้สถานการณ์ของสำนักลั่วเยว่เองก็ไม่สู้ดีเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นเรื่องระหว่างกองกำลังระดับสามและสี่ ไม่มีการก้าวล้ำกันเป็นอันขาด
ตราบใดที่กลายเป็นเรื่องใหญ่โต สำหรับสำนักในกองกำลังระดับสามแล้ว มันก็นับว่าเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้!
ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกนออกไปในทันที “เจ้าฉู่หลี! พาศิษย์น้องของเจ้าหนีไป! เร็วเข้า! หนีไปตอนนี้ยังคงทัน!”
เจ้าสำนักจีกล่าว “คิดจะหนีอย่างนั้นรึ! ฝันไปเสียเถอะ! ห้ามปล่อยให้เจ้านั่นกับเด็กสาวนั่นหนีไปได้เป็นอันขาด ฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้!”
ปัง ปัง ปัง!
ฉู่หลีเพียงผู้เดียวไม่อาจต้านทานคนจำนวนมากเช่นนี้ได้ มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามคนหนึ่งกำลังพุ่งปรี่เข้าหามู่เฉียนซี
ร่างสีเขียววาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ปัง!
ชิงอิ่งเข้ามาขวางการโจมตีของคนที่พุ่งเข้ามาปะทะมู่เฉียนซีไว้
สถานการณ์ในตอนนี้ ชิงอิ่งทำได้เพียงป้องกันไว้เท่านั้น เขาจะบุกเข้าโจมตีอีกไม่ได้ เนื่องจากสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการปกป้องมู่เฉียนซี
“สาวน้อยมู่ รีบไป!”
พรวด!
ฉู่หลีถูกผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามคนหนึ่งทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
เจ้าสำนักจีกล่าว “วันนี้สำนักลั่วเยว่จะต้องพังพินาศ! หากพวกเจ้าจะกล่าวโทษ ก็กล่าวโทษมู่เฉียนซีที่มาทำร้ายบุตรสาวของข้า กล่าวโทษที่สำนักของพวกเจ้ามีคนวิปริตอย่างนาง”
โครม!
กลางท้องนภามีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นอย่างน่าตกใจ!
“สำนักลั่วเยว่มีคนบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว!”
“ท่านเจ้าสำนัก ในที่สุดท่านเจ้าสำนักก็ปรากฎตัวแล้ว!”
“ท่านเจ้าสำนัก…”
เปรี้ยง!
มังกรเงินได้พุ่งลงมาจากท้องนภา ร่างสีน้ำเงินก็ได้เหาะเหินอยู่กลางอากาศ
“ผู้ใดกันที่กล้าทำลายสำนักลั่วเยว่ของข้า?!”
อาภรณ์พัดไสวไปตามสายลม เจ้าสำนักฉู่เหาะเหินอยู่กลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีเจ้าสำนักจีในทันที
โครม!
เจ้าสำนักจีกล่าว “ก็แค่มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ผุดมาหนึ่งคนเท่านั้น คิดว่าแกร่งกล้ามากนักหรือ ฆ่ามัน!”
เจ้าสำนักฉู่ทอดมองไปยังพวกเขาเหล่านั้นด้วยท่าทางสุขุม แล้วกล่าว “กลุ่มคนจากสำนักกองกำลังระดับสี่บุกมาเข่นฆ่าคนของสำนักลั่วเยว่ คิดว่าจะรังแกสำนักลั่วเยว่ของข้าได้ง่าย ๆ อย่างนั้นรึ?”
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมีไพ่ไม้ตายเหลืออยู่อีก?”
“แน่นอนว่าพวกข้ายังมีไพ่ไม้ตายเหลืออยู่!” เจ้าสำนักฉู่ได้นำอาวุธที่มีลักษณะสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดสีดำออกมาหนึ่งชิ้น แล้วกล่าว “ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่อยากลิ้มลองของสิ่งนี้เป็นแน่!”
“สายฟ้าพิฆาต!”
เมื่อได้เห็นของสิ่งนั้นแล้ว คนของสำนักฉางฮวนต่างก็ขวัญกระเจิงไปตาม ๆ กัน!
พรึ่บ พรึ่บ! แต่ละคนรีบหลบหนีไปด้วยความเร็วเต็มอัตรา
มู่เฉียนซีเองก็จ้องมองไปยังสิ่งของสิ่งนั้นด้วยสีหน้าท่าทางที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ของสิ่งนี้มีพลังแห่งความน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง!
เจ้าสำนักจีกล่าว “เจ้ากล้ารึ?”
“เหตุใดข้าจะไม่กล้า! เจ้าคิดจะฆ่าข้าและศิษย์สำนักข้า ทำลายสำนักของข้า และเจ้าก็ได้ทำลงไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะลงนรกไปพร้อมกับพวกเจ้าเลย ไม่ดีหรอกหรือ?”
“เจ้ามันน่าชังนัก!” เจ้าสำนักจีกล่าวด้วยความเคียดแค้นเต็มประดา
เขาไม่คิดไม่ฝันแม้แต่น้อยว่า เจ้าสำนักลั่วเยว่ที่เร้นกายไปบำเพ็ญตนเป็นเวลานาน จะมาปรากฎตัวในยามนี้ได้
และเขาก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า สำนักในกองกำลังระดับสาม จะมีสิ่งของที่น่าเกรงขามเช่นนั้นไว้ครอบครอง
พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องถอนกำลังออกไปก่อน หากต้องการสังหารใครคนหนึ่ง ก็ไม่ควรทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้
เจ้าสำนักฉู่กล่าว “หากคนของสำนักข้าต้องตายด้วยน้ำมือคนของสำนักเจ้า ข้าสาบานได้เลยว่า ข้าจะแฝงกายเข้าไปในสำนักเจ้า แล้วนำสายฟ้าพิฆาตมอบให้กับคนของเจ้า พวกเจ้าจงทำตัวดี ๆ ไว้ด้วย!”
“นี่เจ้ากล้าขู่ข้ารึ!”
“ก็ขู่เจ้าอย่างไรล่ะ! เจ้าจงไสหัวไปเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะจุดระเบิดประเดี๋ยวนี้”
เจ้าสำนักจีคับแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เขาคิดว่าคนผู้นี้เสียสติไปแล้ว อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ควรทำอะไรวู่วามในตอนนี้
“ถอนกำลัง!” เจ้าสำนักจีกล่าว
ในมือของอีกฝ่ายมีอาวุธที่ทำให้พวกเขากลับบ้านเก่าได้ทุกเมื่อ แล้วพวกเขาจะกล้ารั้งรอให้ความตายมาถึงอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร พวกเขาแต่ละคนล้วนรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น!
เมื่อคนของสำนักฉางฮวนได้จากไปแล้ว เจ้าสำนักฉู่ที่ดูน่าเกรงขามและน่าเชื่อถือผู้นั้น ก็ได้ทอดมองไปยังฉู่หลีด้วยสีหน้าราวกับฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลายก็มิปาน
“อา อา อา! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่หลี เจ้าบรรลุระดับขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เร็วกว่าข้าเสียอีก เช่นนี้แล้วยังจะเหลือทางให้อาจารย์เดินอีกได้อย่างไร? นี่เจ้าจงใจพุ่งชนข้าเลยใช่หรือไม่!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็พากันเบี่ยงหน้าไปยังทิศทางอื่น พวกเขาไม่กล้ามองเจ้าสำนักที่กำลังอับอายขายขี้หน้าอยู่
ฉู่หลีกล่าวด้วยความเย็นชา “ท่านฝึกตนช้าเองนี่!”
จากนั้นเขาก็เดินไปหามู่เฉียนซีโดยไม่เหลียวมองเจ้าสำนักฉู่แม้แต่น้อย “ศิษย์น้องหญิง อาจารย์ปรากฎตัวแล้ว”
“ศิษย์น้อง! เจ้าฉู่หลีตัวดี นี่เจ้าฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่เกี้ยวศิษย์น้องรึ เจ้า…”
เมื่อเจ้าสำนักฉู่เบี่ยงหน้าไปมองมู่เฉียนซี และได้เห็นใบหน้าของมู่เฉียนซีอย่างชัดเจนแล้วนั้น เขาก็เกิดเหม่อลอยไปชั่วขณะ
จากนั้นโทสะของเขาก็ปะทุออกมาดั่งภูเขาไฟ!
“เจ้าฉู่หลี นี่เจ้ารับมู่หลินหลางเป็นศิษย์น้องอย่างนั้นรึ เจ้ายังเห็นข้าเป็นอาจารย์อยู่หรือไม่ เจ้าระวังตัวไว้ให้ดี ข้าจะหักข้าเจ้าทิ้งเสีย!”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าที่อึดอัดใจอยู่ไม่น้อย นี่ท่านเจ้าสำนักเร้นกายบำเพ็ญตนจนเสียสติไปแล้วหรือ?
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีและมู่หลินหลางล้วนมีสกุลมู่เหมือนกัน ทว่าสาวน้อยมู่จะเป็นองค์หญิงหลินหลางของราชวงศ์ตงหวงผู้สูงส่ง ผู้มากความสามารถที่หนึ่งในแดนซวนเทียนได้อย่างไร?
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้องหญิง! ไม่ต้องสนใจเขา พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
ที่นี่มีผู้คนอยู่มากมาย แน่นอนว่าไม่ใช่สถานที่ที่จะสามารถพูดคุยอะไรได้สะดวก!
เจ้าสำนักฉู่เป็นคนแรกที่ตั้งแต่นางได้มาถึงแดนซวนเทียนที่เห็นนางเป็นมู่หลินหลาง เห็นทีเจ้าสำนักฉู่คงจะเคยพบเจอมู่หลินหลางมาก่อน
“หยุดอยู่ตรงนั้น! เจ้าเด็กบ้า เจ้ายังเห็นข้าเป็นอาจารย์อยู่หรือไม่?”
“ท่านเจ้าสำนักสติเลอะเลือนแล้ว เดี๋ยวส่งให้บรรดาศิษย์มาช่วยจัดการก็แล้วกัน!”
“การรักษาของแม่นางมู่ล้ำเลิศมาก! น่าจะรักษาได้ไม่ยาก”
“……”
บรรดาผู้อาวุโสต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงจะเข้าไปจัดการกับสถานการณ์อันแสนอึดอัดที่อยู่เบื้องหน้า
เมื่อมาถึงสำนักแล้ว เจ้าสำนักฉู่ก็ยังคงด่าว่าไม่เลิกรา ฉู่หลีจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “ห้ามด่าว่าศิษย์น้อง!”
“นี่เจ้าปกป้องนางรึ ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะปกป้องใครมาก่อน? ฉู่หลี่เจ้า…”
“ใครจะไปตาบอดเหมือนท่านกัน!” ฉู่หลีกล่าวย้อนไปในทันที
.