ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1595 มีพวกเจ้าอยู่เคียงข้าง
พวกเขาทั้งห้าได้ตื่นขึ้นแล้ว ทะเลแห่งวิญาณครึกครื้นเป็นพิเศษ มู่เฉียนซีคิดว่าหากพวกเขาทั้งห้าล้วนออกมาพร้อม ๆ กัน เกรงว่าคงจะวุ่นวายจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
พิฆาตวิญญาณกล่าว “เจ้าแมวน้อย เจ้าอยากจะทำอะไรก็จงทำตามที่ใจเจ้าต้องการ แต่หากเจ้าคิดจะสังหารผู้ใด แล้วสังหารไม่ได้ เจ้าก็จงปลุกข้าให้ตื่นขึ้นก็พอ! เจ้าอยากสังหารเท่าไร ข้าก็จะช่วยเจ้าสังหารตามนั้น เพียงแต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่อย่างเดียวเท่านั้น…”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเป็นทาสของข้า ยังคิดจะยื่นข้อเสนอกับข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ดูแลตัวให้ดี นี่แหละเงื่อนไขของข้า!”
พวกเขาล้วนถูกปลุกขึ้นจากการตัดสินใจของมู่เฉียนซีที่เกี่ยวพันไปถึงความปลอดภัยของชีวิต ทว่าก็เป็นการตื่นขึ้นเพียงเสี้ยวเวลาเท่านั้น และพิฆาตวิญญาณก็น่าเวทนาที่สุด เพราะมันได้หลับใหลไปนานที่สุดนั่นเอง
จากนั้นก็เป็นมังกรวารี มังกรวารีกล่าว “มังกรวารีจะอยู่เคียงข้างนายท่านไปตลอดชีวิต! นายท่านต้องการสิ่งใดก็สั่งการมังกรวารีมาได้ทุกเมื่อ”
“อื้ม!”
“เจ้าหนูน้อย! ข้ายังมีเวลาอีกเยอะ! หากเจ้าอยากเป็นนักปรุงยาอันดับหนึ่ง ต่อจากนี้ข้าจะสอนเจ้าเอง ให้เจ้าสยบศัตรูทั่วทั้งใต้หล้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นิรันดร์ ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง!”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ปลีกวิเวกมาร่ำเรียนและฝึกฝนการปรุงยา
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าของนิรันดร์แล้ว นางจึงไล่ให้เขาไปพักผ่อนในทันที!
“ข้ายังไม่อยากไปพักนี่! ข้ายังอยากอยู่กับที่รักให้มาก ๆ ที่รัก ข้ารู้สึกว่าข้าฟื้นฟูจนใกล้กลับมาเป็นปกติแล้ว! ถึงยามนั้นเจ้าจะต้องหลงรักข้าผู้ที่ทำให้ผู้คนหลงใหลอย่างแน่นอน!”
“จะนอนก็รีบนอน เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรของเจ้าอยู่น่ะ!” มู่เฉียนซีกระตุกมุมปากเล็กน้อย
“นี่ข้าจริงจังอยู่นะ หวานใจ หวานใจของข้า…”
มู่เฉียนซีขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว และในที่สุดนิรันดร์เองก็เริ่มสงบลงมาแล้ว
หลับไปสองวันเต็ม! เงาสีเขียวอ่อนวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาถิงปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้ามู่เฉียนซี แววตาสีเขียวอ่อนได้จ้องเขม็งมายังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ข้าสามารถใช้พลังเวลาทำให้เจ้ากลายเป็นเด็กทารกได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะได้ไม่ต้องไปก่อความวุ่นวายอีก”
มู่เฉียนซีรีบสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ แล้วยื่นมือออกไปหยิกหูอาถิงในทันที
“เจ้าช่างบังอาจนัก แม้กระทั่งเจ้านายเจ้าก็ไม่เว้นรึ!”
“หญิงอัปลักษณ์ เจ้ากล้าทำร้ายข้ารึ รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!”
“หากต้องการให้ข้าปล่อยมือ ก็จงทำตัวมีสัมคารวะด้วย!”
“ฝันไปเสียเถอะ!”
โครม!
ปัง!
มู่เฉียนซีกับอาถิงก็ได้ผลัดกันแลกเท้าแลกหมัดอย่างดุเดือด ฉู่หลีที่รอมานานสองนานหลังจากที่ศิษย์น้องได้ปลีกวิเวกไป ครั้นเดินเข้ามาก็พบว่าศิษย์น้องกำลังทุบตีอยู่กับวิญญาณรูปงามดวงหนึ่งอยู่
เมื่อเขาได้เห็นหน้าตาของผู้รูปงามผู้นั้นชัดเจนแล้ว ปฏิกิริยาแรกที่วาบเข้ามาในหัวของเขาก็คือ สถานะของคนผู้นี้!
“ศาลานิรันดร์ ศาลาเรือนรางเก้าชั้น!”
นอกจากหวงจิ่วเยี่ยที่จะจำหน้าตาของเขาได้แล้ว บุรุษผู้นี้ก็เป็นคนที่สองที่จำเขาได้
อาถิงรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง “หญิงอัปลักษณ์ นี่เจ้า…เจ้าบอกเรื่องข้ากับคนอื่นอย่างนั้นรึ เจ้า…เจ้ามันชั่วช้า”
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้องไม่ได้บอกอะไรข้าทั้งสิ้น! ข้า…”
“ข้าเพียงแค่เคยเจอเจ้ามาก่อนก็เท่านั้น ศาลานิรันดร์”
อาถิงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย คนที่เคยพบเจอเขาก็มีแต่คนเก่าแก่อย่างพวกนั้นเท่านั้น!
เพียงแต่…
อาถิงสังเกตดูฉู่หลีแล้วกล่าว “ข้าพอคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเจ้าอยู่บ้าง หรือว่าเจ้าจะเป็น…”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าคงถูกหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ยั่วโทสะจนเสียสติไปแล้วเป็นแน่ ถึงได้คิดว่าเจ้าเหมือนเขาคนนั้น”
อาถิงแข็งแกร่งกว่าพิฆาตวิญญาณและคนอื่น ๆ อยู่ไม่น้อย ในตอนนี้เขาฟื้นฟูขึ้นได้มากแล้ว และสามารถออกมาอยู่ภายนอกได้นานพอสมควร
อาถิงกล่าว “หญิงอัปลักษณ์ ข้าหิวแล้ว!”
ฉู่หลีกล่าวกับอาถิง “ห้ามด่าว่าศิษย์น้องนะ!”
“หึ! เจ้าไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนี้มันน่าโมโหมากแค่ไหน นี่ถือว่าข้ามีคุณธรรมมากแล้วหรอกนะ”
“เจ้าก็รู้นี่ว่าอะไรคือคุณธรรม! อาถิง!”
อย่างไรเสียในช่วงไม่กี่วันนี้อาถิงก็ได้ล่องลอยอยู่ภายนอก เจ้าสำนักก็มีพวกเขาเป็นอาจารย์ศิษย์เพียงสามคนเท่านั้น ดังนั้นหากที่นี่มีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ก็ไม่มีผู้ใดผิดสังเกตแต่อย่างใด
นอกจากจะกล่าววาจาบางอย่างที่ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกไม่พึงพอใจแล้ว อาถิงก็รู้จักขอบเขตเป็นอย่างดี ถึงแม้เจ้านี่จะมีความซุกซนและหัวดื้อเหมือนชายหนุ่มทั่วไปแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าหน้าที่ที่สำคัญกว่าคืออะไร?
อาถิงกล่าว “หึ! ได้เห็นหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ทุกวัน ข้าก็อยากสั่งสอนนางทุกวัน ข้าคิดว่าข้าควรกลับไปฝึกตนต่อในมิติจะดีกว่า!ถึงตอนนั้นเจ้าหญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าก็คงเอาตัวไม่รอด หวงจิวเยี่ยก็พึ่งพาไม่ได้ เจ้าจงรอวันที่เจ้าต้องคลานเข่ามาขอให้ข้าช่วยก็แล้วกัน!”
“ข้าเองก็รู้สึกรำคาญลูกตาที่ต้องเห็นเจ้าลอยไปก็ลอยมา ไสหัวไปฝึกตนเสียไป! อย่าให้ถึงยามที่แม้แต่พิฆาตวิญญาณ ทาสของข้าเจ้าก็สู้ไม่ได้ แล้ววิ่งมากอดขาข้าร้องไห้นะ”
“ไม่มีทางอยู่แล้ว!”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “ในช่วงไม่กี่วันมานี้ซีเอ๋อร์ผ่อนคลายไปเยอะเลย”
เมื่อต้องจดจ่ออยู่กับการฝึกปรุงยา อีกทั้งยังต้องคอยปวดศรีษะกับอาถิงอีก อารมณ์ที่ขุ่นมัวของนางก็พลันสว่างสดใสขึ้นมาทันตา
มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! มีพวกเจ้าอยู่ด้วยแล้วดีจริง ๆ!มันดีจริง ๆ”
สุ่ยจิงอิ๋งเผยรอยยิ้มบางออกมา “พวกเราเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับซีเอ๋อร์”
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้อง ข้ารู้ว่าเจ้ามีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่แนะนำให้เจ้าออกไปเสี่ยงอยู่ดี”
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ ข้าได้คิดไว้หมดแล้วเจ้าค่ะ หากข้าใช้นามเดิมของข้า มันก็อาจจะดูโอ้อวดเกินไปสักหน่อย หากข้าคิดจะลงมือจริง ๆ ละก็ ข้าก็จะเปลี่ยนนามเป็นมู่เฉินซีเป็นอย่างไร?”
ฉู่หลีกล่าวด้วยเสียงบางเบา “เฉินซี นามที่ศิษย์น้องตั้งไพเราะจริง ๆ!”
เมื่อเสี่ยวหงได้ยินที่ฉู่หลีกล่าวมาแล้วก็แทบจะร้องไห้ออกมาประเดี๋ยวนั้น!
ชื่อมันน่าไพเราะตรงไหน ไม่เห็นจะเพราะเอาเสียเลย น่าชังยิ่งนัก!
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่ได้ตั้งเองหรอก พี่ชายของข้ามีนามว่ามู่ชิงเฉิน ข้ามีนามว่ามู่เฉียนซี เมื่อนำมารวมกันแล้ว หากท่านพ่อใคร่ครวญสักหน่อยก็น่าจะคิดออก ถึงแม้ยากที่จะคิดได้ ทว่าหากข้าสามารถสยบมู่หลินหลางและเป่ยกงได้ นั่นก็นับว่าเป็นตัวแทนของพวกเขาด้วย”
ศัตรู ศัตรูของศัตรูนับว่าเป็นสหายเรา ท่านพ่อจะต้องส่งคนมาคอยใกล้ชิดข้าจึงจะถูก
“ถึงแม้จะเปลี่ยนนามแล้ว! แต่…” ฉู่หลีทอดมองไปยังใบหน้าของมู่เฉียนซี
ศิษย์น้องดูดีจริง ๆ! ดูดีสุด ๆ ไปเลย!
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว เขาจึงรีบใช้พลังวิญญาณข่มเอาไว้อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องได้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเขา
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเองก็อึดอัดใจ ทั้ง ๆ ที่ความสัมพันธ์ก็ห่างกันอยู่หลายทอดแล้ว แต่เหตุใดจึงยังมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับมู่หลินหลางถึงเพียงนั้นได้ หรือเป็นเพราะสายเลือดของตระกูลมู่มันเข้มข้นขนาดนั้นเลยหรือ?”
“แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ยาลูกกลอนแปลงกายของข้ามีมากมายไป! เพียงแค่เปลี่ยนโฉมหน้าไปก็สิ้นเรื่อง แต่ที่มีปัญหาที่สุดก็คืออาวุธและทักษะวิญญาณของข้านี่แหละ”
นางเคยปะทะกับเป่ยกงจั๋วและมู่หลินหลางมาก่อน ทักษะวิญญาณที่นางชำนาญที่สุด พวกเขาก็น่าจะรู้หมดแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าต้องฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ใหม่ และต้องฝึกอาวุธใหม่อีกด้วย ข้าไม่อาจเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าได้ในสถานะผู้บำเพ็ญภูต แต่ต้องเป็นในฐานะนักรบเท่านั้น”
“ที่นี่มีอาวุธอยู่มากมาย แต่ไม่มีอันไหนที่เหมาะสมเป็นพิเศษ! อย่างไรเสียคนที่นางต้องการสู้รบด้วยก็คือมู่หลินหลาง หากอ่อนแอเกินไปก็คงไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องคล้ายทักษะโยวจั๋วที่เป็นทักษะการต่อสู้ข้ามขั้นจึงจะได้!”
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้องจะฝึกฝนทักษะวิญญาณหรือ? ให้ศิษย์พี่ได้คิดสักประเดี๋ยว ไม่นานก็คิดออกแล้ว”
มู่เฉียนซีตกตะลึงไปเล็กน้อย นางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าในหัวของศิษย์พี่มีอุโมงค์เวลาอยู่หรืออย่างไร เหตุใดจึงได้รู้ไปเสียหมด ไม่ต้องรีบร้อนนะเจ้าคะ อย่างไรเสียก็ยังไม่ได้จะปะทะกันเร็ว ๆ นี้!”
ครั้นมู่เฉียนซีจะต้องก้าวเข้าสู่ความอันตราย แน่นอนว่านางก็ต้องแจ้งให้หุ้นส่วนของนางทราบก่อน ทว่าเมื่อโม่ซวนได้รับจดหมายที่มู่เฉียนซีส่งมาแล้ว เขาก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง!
.
.