ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1597 ได้พบเจอคนวิปริต
“เริ่มได้!” ครั้นสุ้มเสียงของเจ้าเมืองหนานเจ๋อจางหาย ทุก ๆ คนแทบจะพุ่งปรี่ออกไปยังผืนน้ำบนทะเลสาบในทันที!
ทันใดนั้นทะเลสาบหนานเจ๋อก็มีหมอกหนาเข้ามาปกคลุมในฉับพลัน!
ยามหมอกหนาปรากฏขึ้น ทุก ๆ คนต่างก็รู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งบริเวณใต้เท้าตนเอง
ตู้ม! มีคนผู้หนึ่งที่ไม่ทันระวังแล้วตกน้ำไป สภาพไม่ต่างจากลูกสุนัขตกน้ำแต่อย่างใด!
การแข่งขันในรอบนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดไว้แน่นอน
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ผู้ใดที่ไม่อาจควบคุมพลังวิญญาณของตนเองได้ ก็ล้วนตกลงในทะเลสาบทั้งสิ้น
และการที่พวกเขาจะเหาะเหินขึ้นมาจากผืนน้ำนั้น ก็เป็นอะไรที่ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาทำได้เพียงลอยไปลอยมาอยู่บนผืนน้ำราวกับเป็ดได้เท่านั้น!
ทว่ามู่เฉียนซีในตอนนี้นั้นก็ยังไม่ออกตัวแต่อย่างใด!
มู่เฉียนซีนำขนมออกมาแล้วกล่าว “ศิษย์พี่ การแข่งขันในรอบนี้จัดขึ้นฉุกละหุกเกินไป ช่างน่าเกลียดเสียจริง! พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลยนะ!”
“เมื่อครู่ข้าได้ซื้อขนมมาระหว่างทาง ดูน่ากินไม่น้อย! ศิษย์พี่ลองชิมดูสักหน่อยดีหรือไม่?”
ฉู่หลีรับขนมมาแล้วกล่าว “อื้ม!”
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันก็ไม่ได้เป็นคนประเภทใจร้อนไปเสียทั้งหมด
พวกเขารอสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวของคนอื่น ๆ อยู่บนริมฝั่ง ให้คนอื่นได้ลองเคลื่อนตัวไปบนผืนน้ำก่อน จากนั้นจึงจะมาคิดแผนการแล้วค่อยออกตัวไปทีหลัง!
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวไปไหน ทว่าสายตาและจิตใจของพวกเขาก็จดจ่ออยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลสาบอยู่ทุก ๆ ห้วงเวลา
ไหนเลยจะมานั่งรับประทานขนมกันอย่างสบายใจเฉิบเหมือนมู่เฉียนซีและฉู่หลีเช่นนี้ ไม่มีแม้แต่ผู้เดียว!
แท้จริงแล้วผู้คุมการแข่งขันในรอบนี้ก็คอยสังเกตุการณ์มาโดยตลอดเช่นกัน เมื่อได้ยินวาจาของมู่เฉียนซี และท่าทางการกินขนมของพวกเขาที่ดูผ่อนคลายสบายใจเช่นนี้ ผู้คุมก็แทบจะสำลักตายเสียประเดี๋ยวนั้น
นี่มัน…
“เจ้าเด็กสองคนนี้อยากจะโดนคัดออกหรืออย่างไร?ช่างไม่เห็นความสำคัญของการประลองในครั้งนี้เอาเสียเลย!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ข้ารู้สึกว่าเจ้าเด็กสองคนนี้ทำตัวสุขุมและควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก สักวันจะต้องเฉิดฉายกว่าผู้อื่นเป็นแน่!”
จากนั้นก็มีสุ้มเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้น “ข้าเองก็…หิวแล้วเหมือนกัน!ใครก็ได้ไปซื้อขนมมาให้ข้าหน่อยสิ! ทำอะไรฉุกละหุกเช่นนี้ ช่างไม่เข้าท่าเอาเสียเลย!”
“อ้า! ช่วยด้วย!” เสียงร้องให้ช่วยดังขึ้นอย่างน่าอนาถ
สิ่งที่อันตรายถึงชีวิตไม่ใช่หมอกหนาที่เข้าปกคลุมผืนทะเลสาบ ทว่าเป็นสัตว์วิญญาณจำนวนหนึ่งที่จอมงั่งกลุ่มหนึ่งได้ปล่อยออกมาในทะเลสาบ
ยามที่พวกเขาเหาะเหินผ่านไป พวกสัตว์วิญญาณเหล่านั้นก็เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่งในทันที
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตกลงไปในทะเลสาบอีกครั้งและอีกครั้ง!
พวกสัตว์วิญญาณขนาดใหญ่ก็พอจะรับมือได้ ทว่าหากเป็นสัตว์วิญญาณขนาดเล็ก มันก็มีขนาดเล็กเสียยิ่งกว่ายุงเสียอีก
แค่เพียงถูกพวกมันกัด ทั่วทั้งร่างก็จะมีอาการชาวาบไปอย่างรวดเร็ว แล้วตกลงไปในทะเลสาปในทันที
มีเหตุการณ์ในทะเลสาบเกินขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ผู้ที่คอยสังเกตการณ์อยู่ริมชายฝั่งก็พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้แล้ว เมื่อเหลือเวลาอีกไม่มาก พวกเขาจึงต้องรีบออกจากจุดเริ่มต้นเสียที!
เนื่องจากทราบแล้วจุดใดมีอันตรายอย่างไรบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางไปได้ปลอดภัยกว่าพวกที่ออกไปก่อนหน้านี้ไม่น้อย
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่แล้ว บริเวณลานข้างริมทะเลสาบก็หลงเหลือเพียงมู่เฉียนซีและฉู่หลีเท่านั้น
ใช่แล้ว! พวกเขายังคงรับประทานกันต่อไป!
บรรดาผู้คุมที่คอยเฝ้าดูอยู่ต่างก็รู้สึกหิวไปตาม ๆ กัน หากไม่ใช่เพราะต้องรักษาหน้าตาไว้ เกรงว่าพวกเขาคงจะเดินเข้าไปแย่งชิงของกินมาจากมู่เฉียนซีและฉู่หลีแล้ว
“เห็นทีเด็กสองคนนั้นคงคิดจะสละสิทธิ์กระมัง! เวลาผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว ยังไม่ออกตัวเลย”
“ไม่รู้ว่าพวกเขาถือดีหรือเชื่อมั่นในตัวเองกันแน่!”
“……”
บรรดาผู้คุมต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา
เหลือเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ได้นำไก่ย่างกลิ่นหอมรัญจวนตัวหนึ่งออกมา แล้วกล่าว “ไก่ย่างนี่ข้าซื้อมาระหว่างทาง แต่มันมันไปสักหน่อย ข้าขอไม่กินก็แล้วกัน ผู้อาวุโสทุกท่านจัดการแข่งขันขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้พวกท่านเองก็ไม่ได้กินอะไรไปด้วย ต้องลำบากพวกท่านแล้ว! ไก่ย่างตัวนี้ข้าขอมอบให้พวกท่านก็แล้วกัน”
ไก่ย่างซึ่งห่อไว้ด้วยใบบัวได้ลอยไปยังสถานที่ที่บรรดาผู้คุมทั้งหลายกำลังเร้นกายอยู่อย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงต้องรีบไปรับไก่ย่างห่อใบบัวไว้อย่างรวดเร็ว
เมื่อรับไก่ย่างมาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย “เด็กน้อยคนนั้นรู้ได้อย่างไรว่าเราซ่อนตัวกันอยู่ตรงนี้?”
“ช่างเถอะน่า! นางคงจะได้ยินที่พวกเราพูดคุยกันกระมัง”
พวกเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มือฉมังในระดับต่าง ๆ ทั้งนั้น การที่พวกเขากำลังเร้นกายแล้วแอบพุดคุยกัน เด็กน้อยอย่างมู่เฉียนซีก็ไม่น่าจะได้ยินได้ ทว่าตอนนี้…
พวกเขากลับถูกเจอตัวเข้าแล้ว!
พวกเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง “เป็นไปไม่ได้!”
“การประลองในครานี้ พวกเราโชคดีที่ได้พบเจอกับคนวิปริตเข้าแล้ว!”
“การที่พบเจอตัวพวกเราได้ นั่นก็หมายความว่าพลังวิญญาณของนางจะต้องวิปริตจนไม่รู้จะวิปริตอย่างไรแล้ว”
“เห้อ! นางไปไหนเสียแล้วล่ะ?”
ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่นั้น ภายในลานกว้างก็ไร้เงาของคนทั้งสองแล้ว
พวกเขาไม่ทันสังเกตแม้แต่น้อย ว่ามู่เฉียนซีกับฉู่หลีออกตัวจากลานกว้างไปตั้งแต่เมื่อใด
“วิปริต! ช่างวิปริตจริง ๆ!”
“ได้พบเจอคนวิปริตเข้าแล้ว!”
“เห็นทีการประลองในครั้งนี้คงจะสนุกไม่เบา!”
“ไก่ย่าง! เจ้านี่! พวกเจ้ากล้าแอบกินรึ!”
“เอาน่องไก่มาให้ข้า!”
“เจ้าจะหน้าหนาให้มันน้อยลงสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
บรรดาผู้คุมซึ่งเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็ทุบตีแย่งชิงไก่ย่างเพียงตัวเดียว แทบจะเป็นอะไรที่ตลกและแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง
หมอกหนาทำให้แรงถ่วงบนทะเลสาบเพิ่มมากขึ้นไปอีก ทว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมู่เฉียนซีและฉู่หลีแต่อย่างใด
ไม่เพียงแต่เท่านั้น หมอกหนากลุ่มนี้ก็ยังส่งผลต่อการจำแนกทิศทางอีกด้วย ทำให้พวกเขาไม่อาจจำแนกทิศทางได้อย่างถูกต้อง
ปัง ปัง ปัง!
ส่วนสัตว์วิญญาณที่คอยโจมตีอยู่เหล่านั้น ก็ถูกโจมตีกลับไม่เว้นแม้แต่ตัวเดียว!
ไม่ว่าสัตว์วิญญาณตัวนั้นจะตัวเล็กมากเพียงใด ทว่าก็ไม่อาจรอดจากประสาทสัมผัสทั้งห้าของมู่เฉียนซีไปได้อย่างแน่นอน!
ตลอดเส้นทางในการแข่งขันล้วนราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง!
สวี่ฝูได้เร้นกายอยู่บริเวณเส้นชัยมาโดยตลอด และรอการมาถึงของมู่เฉียนซี
จีหว่านเหนียงกล่าว “การจัดการมู่เฉียนซีด้วยวิธีนี้ไม่มีความหมายอันใดเลยสักนิด การที่ได้สังหารนางบนแท่นประลองต่างหาก จึงจะมีความหมาย! น้องรองเจ้าว่าจริงหรือไม่!”
“อื้ม!” สตรีร่างอรชรในอาภรณ์สีดำพยักหน้าเล็กน้อย
สวี่ฝูจงใจสวมอาภรณ์ที่สามารถเก็บซ่อนกลิ่นอายได้ และได้พกพาอาวุธวิญญาณที่ดีที่สุดมาด้วยเช่นกัน สิ่งของและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นางตระเตรียมมาล้วนเป็นสิ่งของชั้นดีที่สุดของสำนักในกองกำลังระดับสี่จะมีได้
ทุกสิ่งที่นางตระเตรียมมาก็เพื่อใช้กำจัดมู่เฉียนซี ทำให้มู่เฉียนย่อยยับดับสลาย!
เมื่ออยู่ภายใต้ประสาทสัมผัสความรู้สึกอันแรงกล้าของพลังวิญญาณแล้ว ดูเหมือนสิ่งเหล่านี้แทบจะไม่ได้มีประโยชน์อันใดมากนัก!
ยิ่งเข้าใกล้สวี่ฝูมากเท่าไหร่ มู่เฉียนซีก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่กำลังเร้นกายโดยมีเจตนาร้ายได้อย่างชัดเจน
ฟึ่บ!
ก่อนที่จะเข้าใกล้อีกฝ่ายไปมากกว่านี้ เข็มยาเล่มหนึ่งของมู่เฉียนซีก็ได้พุ่งออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อ้า!”
พรวด!
ปรากฏว่ายังไม่ทันจะได้ลอบโจมตีมู่เฉียนซี สวี่ฝูก็ได้พลัดตกลงไปในทะเลสาบเสียแล้ว!
ร่างของนางแข็งทื่อราวศิลาแลง ครั้นอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือก็ทำไม่ได้!
แค่ก แค่ก แค่ก!
เมื่อนางตกลงไปในทะเลสาบแล้ว นางก็สำลักน้ำไม่หยุด!
ส่วนมู่เฉียนซีก็ได้เดินไปบนผิวน้ำ แล้วเข้าเส้นชัยไปในที่สุด
“ฝูเอ๋อร์ล่ะ! เจ้าทำอะไรฝูเอ๋อร์?” เมื่อมู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้น บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาประจันหน้ามู่เฉียนซีด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว
มู่เฉียนซีกล่าว “ฝูเอ๋อร์อะไรของเจ้า เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไร!”
ฉู่หลีจึงเดินเข้ามาแล้วกล่าว “คนเสียสติ หลีกให้ห่างศิษย์น้องของข้าไว้”
สีหน้าของสวี่กังเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที จากนั้นเขาก็ย้อนกลับไปยังทะเลสาบ
เขารีบดำลงไปช่วยน้องสาวของเขาที่จมลงไปยังก้นบึ้งทะเลสาบทันที เนื่องจากนางได้กลืนน้ำเข้าไปไม่น้อย ทำให้ท้องของนางป่องราวกับตั้งครรภ์มาสิบเดือนก็มิปาน
“ฝูเอ๋อร์ เจ้าฟื้นขึ้นมาสิ! ฟื้นเดี๋ยวนี้!”
สภาพของสวี่ฝูในตอนนี้ นับว่าได้ตกรอบแล้ว
นักปรุงยาคนหนึ่งจึงได้รีบเข้ามาช่วยชีวิตสวี่ฝูในทันที ทำให้สวี่ฝูสามารถฟื้นตื่นขึ้นมาได้ในที่สุด
นางกล่าวด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง “มู่เฉียนซี นังผู้หญิงใจโฉด นาง…นางลอบทำร้ายข้า! ผู้คุม มู่เฉียนซีลอบทำร้ายผู้อื่น พวกท่านจะต้องคัดนางออกจาการประลองนะเจ้าคะ!”
เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าว “เด็กน้อย ข้าไม่ได้กล่าวสักหน่อยว่าห้ามลอบทำร้าย!”
“อีกอย่าง! เจ้าฉวยโอกาสไม่สำเร็จ แล้วยังถูกผู้อื่นเล่นงานกลับ แล้วยังจะมีหน้ามาฟ้องข้าอีกรึ เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าก็น้อยนักที่จะหน้าหนาหน้าทนอย่างเจ้า ไม่รู้ว่าจะมีผู้ใดกล้าสู่ขอเจ้าหรือไม่ เห้อ!”
เมื่อได้ยินเจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าวมาเช่นนี้ สวี่ฝูก็โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ นางหายใจเข้าออกถี่ระรัว ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้นจนขาวโพลน และเป็นลมสลบไปอีกครา!
.