ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1604 ศิษย์พี่รังเกียจ
ปัง! จีเอ้อร์เหนียงตกลงไปในซากปรักหักพัง
และมู่เฉียนซีก็ค้ำไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จากนั้นก็มีเงาร่างสีดำทะมึนร่างหนึ่งปรากฎอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี และได้ประคองมู่เฉียนซีเอาไว้
“ศิษย์น้อง!”
มู่เฉียนซีรีบกลืนยาลูกกลอนเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ และในขณะนี้ฉู่หลีก็ได้จ้องไปที่จีเอ้อร์เหนียง
จิตสังหารที่เย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมา และฉู่หลีก็คิดอยากที่จะจัดการจีเอ้อร์เหนียงไปซะ
เมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ดวงตาทั้งสองของจีเอ้อร์เหนียงก็เบิกโพลงขึ้นอย่างมีไหวพริบ ดวงตาปีศาจคู่นั้นสบเข้ากับดวงตาที่ดำสนิทอีกคู่หนึ่ง
“ฟู่!” นางอ้าปากหอบหายใจ
ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณจะหมดไปกับการใช้จัดการกับมู่เฉียนซีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไร้พลังเหมือนอย่างเช่นตอนนี้
เลือดสีดำคั่งค้างอยู่ในดวงตาอันมืดมิดทั้งคู่ของนาง จากนั้นนางจึงหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด
เมื่อการโจมตีของฉู่หลีมาถึง ลำแสงสีดำก็ห่อหุ้มจีเอ้อร์เหนียงเอาไว้ จากนั้นก็ยกนางขึ้นและไม่สนการโจมตีระดับต่ำทั้งหมดที่คุกคามเอาชีวิตของนาง
ฉู่หลีหยุดมือลง เพราะถึงจะฆ่าคนไปก็ถูกแว้งกัดอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงขี้เกียจที่จะโจมตีอีก
ปัง! จีเอ้อร์เหนียงร่วงลงมาอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่ยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ในเวลานี้ เจ้าสำนักจีได้ร้องเอะอะขึ้นมาว่า “มู่เฉียนซีของสำนักลั่วเยว่และศิษย์พี่ของเขาละเมิดกฎการแข่งขัน ฉะนั้นการแข่งครั้งนี้ ถือว่าเป็นชัยชนะเป็นของสำนักฉางฮวนของพวกเรา!”
เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าวว่า “เจ้าสำนักจี ท่านเห็นแก่หน้าตนเองหน่อยได้หรือไม่? เมื่อครู่นี้ลูกสาวของท่านไม่ได้ใช้พลังของตนเอง นั่นถือว่าได้ละเมิดกฎไปแล้ว! ตกรอบ การแข่งขันครั้งนี้ มู่เฉียนซีเป็นฝ่ายชนะ”
“ท่านถือหางให้มู่เฉียนซี!” เจ้าสำนักจีกล่าวด้วยความโกรธเคือง
“ผู้คนมากมายในสถานที่แห่งนี้ต่างก็มองดูอยู่ ข้าจะไปถือหางได้อย่างไรกัน! มีคนประทับรอยวิญญาณไว้บนร่างกายลูกสาวของท่าน หากเกิดอันตรายถึงชีวิตมันก็จะตอบโต้ทันที! นั่นเป็นพลังที่แข็งแกร่งมากเพียงใด ทุกคนที่อยู่ที่นี่ย่อมรู้ดีที่สุด!”
“ข้าคือผู้ตัดสินการแข่งขันในครั้งนี้ ฉะนั้นข้าคือผู้มีอำนาจ!”
“เปิดสนามแข่งขันชั่วคราว และเริ่มการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย! เริ่มการประลองด้วยศูนย์คะแนน! เตรียมพร้อมได้!”
ในช่วงของการแข่งขันรอบต่อไป ฉู่หลีได้ส่งมู่เฉียนซีไปพักผ่อน
การแข่งขันรอบคัดเลือกครั้งต่อไปของนาง คาดว่าจะต้องรอถึงพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนนี้ถึงจะทราบผล
มู่เฉียนซีกำลังปรับลมหายใจ ในขณะที่ฉู่หลีกำลังเฝ้าประตูเอาไว้ คิ้วของเขาขมวดมุ่น ดูราวกับว่ามีเรื่องกลัดกลุ้มที่ยากจะแก้ไขได้
ยาลูกกลอนของแพทย์ปีศาจมีไม่ขาด สรรพคุณดีเลิศ แม้ว่าในครั้งนี้จะอ่อนแรงมากจนเกินไป และได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่เบา แต่ทว่าหลังจากที่ปรับลมหายใจไปครึ่งวัน ก็สามารถที่จะฟื้นฟูได้แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ข้าฟื้นฟูไปได้ไม่น้อยแล้ว ท่านไม่ต้องมาเฝ้าแล้วล่ะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซีแล้ว ในที่สุดคิ้วของฉู่หลีก็คลายออกจากกัน เขาผลักประตู แล้วเดินเข้าไปข้างใน จากนั้นก็มองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตะลึงงัน
นี่คือศิษย์น้อง! ศิษย์น้องของเขา!
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องมองมาที่นางอยู่เช่นนั้น ซึ่งนั่นทำให้มู่เฉียนซีมีความประหลาดใจเล็กน้อย นางจึงถามว่า “ศิษย์พี่? เป็นอะไรไปหรือ? บนหน้าของข้ามีอะไรเช่นนั้นหรือ?”
พลังวิญญาณของฉู่หลีกระจายออกไป และพลังภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ปะทุออกมาโดยไม่ได้มีการรักษาเอาไว้แม้แต่น้อย
มันทำให้ผู้คนโดยรอบไม่สามารถที่จะเข้าใกล้มู่เฉียนซีและเขาได้ ท่านผู้เฒ่า กระซิบว่า “เจ้าเด็กน้อยฉู่หลีเป็นอะไรไปแล้ว?”
มู่เฉียนซีกะพริบตาปริบ ๆ มองไปที่ฉู่หลี ศิษย์พี่ค้นพบอะไรแล้วเช่นนั้นหรือ?
ฉู่หลีค่อย ๆ กล่าวว่า “ผู้พิทักษ์นิรันดร์ ศาลานิรันดร์ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ หม้อเทพนิรันดร์แล้วยังมีแหวนมังกรเทพวารี ทั้งหมดล้วนผูกพันธสัญญากับศิษย์น้อง ข้าควรคิดถึงให้เร็วกว่านี้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คิดอะไรเช่นนั้นหรือ?”
ดวงตาของฉู่หลีเคร่งขรึมไปเล็กน้อย เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “วิญญาณลิขิตสวรรค์ ศิษย์น้องเป็นเจ้าแห่งวิญญาณลิขิตสวรรค์”
ด้วยเบาะแสเพียงเล็กน้อยนี้ นางก็ถูกสังเกตเห็นเข้าแล้ว มู่เฉียนซีจำต้องชื่นชมดวงตาที่ร้ายกาจของศิษย์พี่สำนักเดียวกันกับนางผู้นี้จริง ๆ
“ข้าเกลียดวิญญาณลิขิตสวรรค์มาก ข้าคิดเช่นนั้นมาเสมอ”
เงาร่างสีฟ้าครามขวางอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี เมื่อมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าเกลียดเฉียน ร่างกายก็ได้พ่นลมหายใจออกมาเพื่อทำให้เขาหวาดกลัว
ฉู่หลีเดินไปทางมู่เฉียนซี และชิงอิ่งก็วางแผนที่จะเข้าโจมตีอยู่ตลอดเวลา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ชิงอิ่ง ถอยไป!”
“เฉียน!” ชิงอิ่งหันกลับไปมองมู่เฉียนซี
“ไม่เป็นไร!”
ชิงอิ่งหายตัวไปทันที และฉู่หลีก็เดินมาเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซี
“เพียงแต่ว่า เจ้าคือศิษย์น้องของข้า แล้วข้าจะไปสามารถเกลียดเจ้าได้อย่างไร! วิญญาณลิขิตสวรรค์แล้วอย่างไรล่ะ? สำหรับข้าแล้วเจ้าเป็นเพียงแค่ศิษย์น้องหญิงของข้าเท่านั้น” ฉู่หลีกล่าวอย่างจริงจัง
มู่เฉียนซีถามขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่ ท่านคิดอะไรอยู่กันแน่? เหตุใดต้องเกลียดด้วยเล่า?”
ถูกศิษย์พี่ที่ดีต่อตัวเองเป็นอย่างมากรังเกียจ เหตุผลเพราะวิญญาณลิขิตสวรรค์ มันทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกงุนงงมากเช่นกัน
ฉู่หลีส่ายศีรษะ “มันเป็นเพียงเพราะพลังวิญญาณตอนที่ศิษย์น้องกำลังจัดการกับคนผู้นั้นที่มีความผันผวนและยังมีฝีมือที่พิเศษนั่นอีกจึงทำให้ข้ารู้ได้ ผู้ที่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำให้ดวงตาปีศาจหมดปัญญาสู้ได้ อีกทั้งการโต้กลับที่งดงามเช่นนี้ ก็มีเพียงแต่ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากฟ้าดินของวิญญาณลิขิตสวรรค์เท่านั้นถึงจะทำได้”
“ในส่วนที่ว่าเพราะเหตุใดถึงเกลียด…”ดวงตาที่ดำสนิทคู่นั้นของฉู่หลีเผยความเจ็บปวดออกมา
“เรื่องนี้ศิษย์พี่ก็คิดไม่ออกเช่นกัน”
มู่เฉียนซีมองไปที่เขาแล้วถามว่า “ศิษย์พี่ แม้แต่คำโกหกท่านยังพูดไม่ได้ อีกทั้งยังเสแสร้งไม่เป็น เช่นนั้นก็อย่าโกหกเสียเลยดีกว่า”
“เพียงแค่ท่านไม่อยากพูด ข้าก็ไม่อาจบังคับท่านได้แล้ว!”
“เนื่องจาก วิญญาณลิขิตสวรรค์ต้องแบกรับหลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไป อีกทั้งยังมีเรื่องยุ่งยากมากมายที่ต้องจัดการ ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไร หลังจากนี้ไปศิษย์น้องอาจจะต้องลำบากมากมายก็ได้!” ฉู่หลีกล่าวอย่างไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เจ้าแห่งวิญญาณลิขิตสวรรค์ มันเป็นการดำรงอยู่ที่แม้แต่เทพเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องอิจฉาเช่นนั้น
ผลลัพธ์ที่ออกมาจากปากของฉู่หลี มีเพียงผลการประเมินเดียวเท่านั้น คือปัญหา!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ศิษย์พี่กลัวปัญหามากเช่นนั้นหรือ?”
“อื้ม!” ฉู่หลีพยักหน้าเล็กน้อย
เขากล่าวต่อไปว่า “อย่างไรก็ตามเรื่องของศิษย์น้อง มันไม่มีทางที่จะเป็นปัญหาสำหรับข้าได้เลย! เพียงแต่เรื่องวิญญาณลิขิตสวรรค์ของเจ้า จะต้องห้ามให้ผู้อื่นรู้อย่างเด็ดขาด”
ตั้งแต่ความโกลาหลออกมา ได้ก่อตัวเป็นรูปร่างของสวรรค์และโลกมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งมีวิญญาณเพียงดวงเดียวที่ได้รับการปกครองที่ถูกลิขิตมาจากสวรรค์และโลก และไม่รู้ว่ามีผู้คนที่ปรารถนามากมายเพียงใด
ยกเว้นก็แต่ฉู่หลี เพราะถึงแม้จะให้เขา เขาก็ไม่เอาหรอก!
“ศิษย์พี่มีดวงตาที่เฉียบแหลมจริง ๆ ราวกับหนังสือสารานุกรมเลยทีเดียว!” มู่เฉียนซีกล่าวประเมิน
มู่เฉียนซียังคงพักผ่อนต่อไป และการจัดลำดับที่อยู่ตรงหน้าก็ชัดเจนดีอยู่แล้ว
จีเอ้อร์เหนียงได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถที่จะเข้าร่วมการแข่งขันได้อีกแล้ว เช่นนั้นมันจึงเป็นการมีอยู่ที่ต่ำที่สุดท่ามกลางกลุ่มคนที่มีแปดคะแนน
ในวันที่สาม คนที่ได้สิบคะแนนก็ได้เข้าร่วมการแข่งขัน!
ทั้งหมดแล้ว มันมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น!
มีมู่เฉียนซี ฉู่หลี และอีกคนที่มีโชคที่ดีไม่น้อย ในการแข่งขันทั้งสิบสนามต่างก็ไม่ได้พบกับชายผู้เป็นยอดฝีมือจากกองกำลังระดับสี่เลยสักครั้ง
เขายิ้มยิงฟันแล้วกล่าวว่า “ข้าได้รับอันดับที่สามก็พึงพอใจมากแล้ว ไม่อยากหาทางที่หฤโหดอีก! พวกท่านศิษย์พี่ศิษย์น้องเล่นกันให้สนุกเถอะ”
เขาเดินลงไปจากสนามอย่างใจเย็น ล้อเล่นอะไรกัน ภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งคนหนึ่ง เขาจะไปสู้ได้อย่างไร!
แล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่ระดับต่ำมาก เป็นเพียงขั้นมหาจักรพรรดิเท่านั้น แต่พลังการทำลายล้างนั้น เทียบเท่ากับขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ง่าย ๆ เลย
ฉู่หลีกล่าวว่า “ศิษย์น้องเอาที่หนึ่งไป ข้ายอมแพ้! ข้าขี้เกียจที่จะสู้!”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย แล้วถามว่า “เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณแล้วมาต่อสู้กันสักตาหนึ่ง! แต่หากศิษย์พี่ต้องการใช้พลังวิญญาณ ข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอย่างแน่นอน”
ฉู่หลีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ศิษย์น้อง! ศิษย์พี่ไม่อยากขยับจริง ๆ ปล่อยข้าไปได้หรือไม่?”
ยิ่งสัมผัสกับฉู่หลีมากขึ้นเท่าไร มู่เฉียนซีก็ยิ่งค้นพบคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางเย็นชาของศิษย์พี่ของตนเองผู้นี้มากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็คือความเกียจคร้าน!
“ไม่อาจหาทางช่วยท่านได้จริง ๆ!”
สุดท้ายแล้วผลก็คือ …ฉู่หลียอมแพ้ มู่เฉียนซีได้ที่หนึ่ง และฉู่หลีก็ได้ที่สอง
เป็นครั้งหนึ่งที่สำนักลั่วเยว่อยู่ท่ามกลางผู้มีพรสวรรค์ของอาณาเขตหนานหลิง อีกทั้งยังได้เหมาเอาทั้งที่หนึ่งและที่สองมาจนหมด แต่เป็นเพียงแค่หนึ่งในสำนักกองกำลังระดับสามเท่านั้น แล้วก็ไม่รู้ว่าทำให้ผู้คนตกใจจนตาแตกไปมากน้อยเพียงใด
หลังจากที่การแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว ท่านเจ้าเมืองหนานเจ๋อก็เริ่มตะโกนก้องอย่างสุดเสียงว่า “ในลำดับต่อไป สำนักใดที่ข้านั้นได้เอ่ยชื่อ ให้อยู่ที่นี่ก่อนทั้งหมด ส่วนสำนักอื่น ก็สามารถไสหัวไปได้เลย! ไม่ส่ง!”
.