ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1607 สุนัขรับใช้ชั้นต่ำ
ปัง ปัง ปัง! ไม่ว่าพลังของเจ้าสำนักจีจะน่าหวาดกลัวเพียงใด แต่ทว่าแสงสว่างสีฟ้านั้นก็สามารถปิดกั้นการโจมตีทั้งหมดของเขาเอาไว้ได้
สีหน้าของทุกคนในสำนักฉางฮวนต่างก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจขึ้นมา แม้ความแข็งแรงทางกายภาพของการป้องกันจะยังไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่คาดคิดเลยว่าสาวน้อยคนนี้จะยังมีอาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์ที่มีประสิทธิภาพอยู่อีกด้วย มิแปลกใจเลยที่นางจะกล้ากำเริบเสิบสานได้มากถึงเพียงนี้
จากนั้นก็มีเสียงราวกับตัดผ่านอากาศแหลมสูงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะไม่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการโจมตีของเจ้าสำนักจีแต่อย่างใด แต่ทว่าชิงอิ่งก็ยังคงโกรธมากอยู่ดี
“ท่านเจ้าสำนัก ระวังขอรับ!”
มีผู้อาวุโสคนหนึ่งได้เข้ามาขวางการโจมตีของชิงอิ่งเอาไว้ได้ มันจึงทำให้เจ้าสำนักจีหนีเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของชิงอิ่งไปได้
พรวด!
คนใกล้ชิดของตัวเองถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ มันทำให้สีหน้าของเจ้าสำนักจีมืดมนไปทันที
ขณะนี้อาการบาดเจ็บบนร่างกายเริ่มกำเริบขึ้น และไม่รู้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของมู่เฉียนซีชิ้นนั้นจะสามารถป้องกันการโจมตีได้กี่ครั้ง ซึ่งเขาก็ไม่อาจเดิมพันกับมันได้เลย
เจ้าสำนักจีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปเถอะ!”
ไม้ตายของมู่เฉียนซีมีมากเกินไป ความไม่รอบคอบเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ตายอยู่ที่นี่ได้ ซึ่งนั่นมันก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
ในที่สุดก็ไม่ต้องต่อสู้อย่างบ้าระห่ำอีกแล้ว ผู้อาวุโสของสำนักฉางฮวนต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และล่าถอยไปพร้อมกับเจ้าสำนักของพวกเขา
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! พวกเขาใช้ความเร็วที่รวดเร็วที่สุดในการหลบหนีออกไป
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฆ่าข้าไม่สำเร็จ แล้วคิดจะหนี มันจะไปมีเรื่องดีเช่นนั้นได้อย่างไร!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ตามไป!”
เมื่อตอนที่อู๋ตี้และเสี่ยวหงพุ่งออกไป มู่เฉียนซีและชิงอิ่งก็ไล่ตามไปด้วยเช่นกัน
ฟึ่บ! เข็มยาจำนวนนับไปถ้วนพุ่งตามหลังพวกเขาออกไป ในมุมที่ชำนาญ
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักฉางฮวนไม่ทันระวังจนผิวหนังถูกทำให้เกิดรอยขีดข่วน และพิษของหมอปีศาจ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่บาดแผลเล็ก ๆ แต่นั่นก็ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน
พรวด!
ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งกระอักเลือดสีดำออกมา และร่วงลงมาจากท้องฟ้าลงสู่เบื้องล่าง
“ผู้อาวุโสสิบ!”
“ท่านผู้เฒ่าสิบ!”
คนของสำนักฉางฮวนเหล่านั้นโกรธจนเบ้าตาแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว เจ้าสำนักจีกล่าวว่า “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าได้เหี้ยมโหดให้มันเกินไปนักเลย ข้านั้นเป็นผู้คุมหางเสือของกองกำลังระดับสี่อยู่ หากเจ้ากำจัดข้าจนสิ้นซาก มันจะไปมีประโยชน์อะไรสำหรับเจ้ากัน?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างยิ้มเยาะว่า “หากปล่อยให้พวกท่านมีชีวิตรอดแล้วกลับมาแว้งกัดข้าทีหลัง เช่นนั้นจะไม่ยิ่งไร้ประโยชน์กว่าหรือ! ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ! ท่านเจ้าสำนักจี?”
นั่นทำให้เจ้าสำนักจีรู้ดีว่า วันนี้มู่เฉียนซีได้หมายมั่นแล้วว่าจะต้องฆ่าเขาให้ตายให้จงได้
“หนีเร็วเข้า!”
“ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้พวกเจ้าทั้งสอง จะสามารถสังหารพวกข้าทั้งหมดนี้ได้” เจ้าสำนักจีกัดฟันกล่าว
“ไม่อาจฆ่าได้หมด เช่นนั้นฆ่าได้เท่าไรก็เท่านั้น!”
จากเดิมที่คนจากสำนักฉางฮวนไล่ล่ามู่เฉียนซี แต่ผลลัพธ์ในตอน กลับกลายเป็นว่ามู่เฉียนซีไล่ล่าคนจากสำนักฉางฮวน จนทุกท่านต้องรีบหลบหนีกันอย่างหัวซุกหัวซุน
ในขณะที่มู่เฉียนซีและชิงอิ่งกำลังไล่ล่าเจ้าสำนักจีด้วยกำลังทั้งหมด ทันใดนั้นก็มีลูกธนูแหลมคมดอกหนึ่งพุ่งออกมาจากความมืด
ทันทีที่ร่างเงาสีม่วงก็หายไปกลางอากาศ มันก็ทำให้การลอบโจมตีนั้นคว้าน้ำเหลวไป
มู่เฉียนซีตกอยู่ในอันตราย ฉะนั้นชิงอิ่งจึงไม่ได้ไล่ล่าเจ้าสำนักจีและพรรคพวกอีกต่อไป แต่กลับมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีในทันที
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
มีเสียงแหวกอากาศของการจู่โจมนับไม่ถ้วนพุ่งมาจากทั่วทุกทิศทางดังขึ้น แต่ผลสุดท้ายก็คือ ลูกธนูที่แหลมคมทั้งหมดเหล่านั้นถูกชิงอิ่งคว้าเอาไว้ได้!
ปัง ปัง ปัง!
ด้วยการสะบัดมือของชิงอิ่งเพียงครั้งเดียว เขาก็ได้ส่งลูกธนูทั้งหมดเหล่านั้นกลับคืนไป แต่ทว่ามันกลับพลาดเป้าหมาย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่ออยากจะฆ่าข้า เช่นนั้นก็อย่าทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แล้วโผล่หัวออกมาซะ”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
มีร่างเงาหลายคนโผล่ออกมาจากความมืด ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้มีระดับสูงกว่าคนของสำนักฉางฮวนเสียอีก
คนเหล่านี้ ทุกคนต่างก็เป็นหญิงสาวที่แต่งกายอย่างสวยสดงดงามเป็นอย่างยิ่ง
“ก่อนหน้านี้ พวกข้าคิดอยากที่จะฆ่าเจ้า! แต่ทว่าตอนนี้ ข้าเปลี่ยนความคิดนั้นแล้ว”
ผู้นำคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะมีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของหญิงสาวคนนี้กลับเกือบถึงขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว
“พรสวรรค์ พลังการต่อสู้ และความสามารถในการตอบสนองของเจ้านั้นไม่เลวเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่อีกด้วย พวกข้ามองเห็นแนวโน้มที่ดีมากของกำลังที่ซ่อนอยู่ของเจ้า เช่นนั้นเจ้าสามารถที่จะเข้าร่วมสำนักของพวกข้าได้หรือไม่?” นางกล่าวต่อ
“สำนักของพวกเจ้าหรือ? คือสำนักอะไรล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม ถึงแม้ว่าภายในใจของนางจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ตาม
หญิงสาวที่สวมชุดสีชมพูกล่าวว่า “พวกเราคือกองกำลังระดับสี่ สำนักหลินเยว่ กองกำลังระดับสี่ก็ยังมีระดับสาม ห้าและเก้า แต่ก็ไม่รู้ว่าสำนักหลินเยว่ของพวกเราแข็งแกร่งกว่ากองกำลังระดับสี่ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งอาณาเขตหนานหลิงของพวกเจ้ามากน้อยเพียงใดเช่นกัน”
“สำนักที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะสังเกตเห็นอาณาเขตเล็ก ๆ อย่างอาณาเขตหนานหลิงนี้ได้ด้วย มันช่างทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึงยิ่งนัก!” แววตาของมู่เฉียนซีมืดมนลง
จะต้องมีผู้แจ้งเบาะแสอย่างแน่นอน!
“สำหรับคนที่มีพรสวรรค์ พวกข้าค่อนข้างที่จะให้ความสนใจมากกว่า! เป็นเช่นไรบ้าง? จะตอบรับหรือว่าไม่ตอบรับกันล่ะ?” ทุกคนต่างก็ดูเหมือนว่าเป็นสตรีที่อ่อนโยนและงดงาม แต่ภายในแววตากลับแฝงไปด้วยการคุกคาม
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตอบรับอย่างนั้นหรือ? ถูกพวกเจ้านำเข้าไปในสำนักหลินเยว่ และหลังจากที่ถูกใช้ประโยชน์เสร็จแล้วก็ถูกฆ่าอย่างนั้นใช่หรือไม่? เจ้าคิดว่าข้าโง่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
“ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าปฏิเสธพวกข้า รนหาที่ตายเสียจริง!”
ทันใดนั้น ก็มีคนผู้หนึ่งที่อดทนไม่ไหวแล้วเริ่มลงมือกับมู่เฉียนซีทันที
คนเหล่านี้แตกต่างกับเจ้านายของพวกเขาไม่มากนัก หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดเหล่านี้กลายเป็นเป้าหมายที่พวกเขาต้องกําจัดทิ้ง
เท่าที่พวกเขารู้ สาวน้อยคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่เท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการต่อสู้ที่ก้าวกระโดดที่ทำให้คนยากจะเชื่ออีกด้วย ช่างเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่เสียจริง!
ก่อนที่การโจมตีที่ร้ายแรงถึงชีวิตจะเกิดขึ้น มู่เฉียนซีก็ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาหลีกเลี่ยงการโจมตีของพวกนาง และกวาดล้างออกไปในทันที
“ชิงอิ่ง พวกเราไปกันเถอะ!”
ได้ต่อสู้ครั้งใหญ่กับคนของสำนักฉางฮวนไปแล้ว และในตอนนี้พวกเขาไม่ควรที่จะเผชิญหน้าต่อสู้กับกลุ่มคนที่แข็งแกร่งกว่าอีกแล้ว
อนาคตยังอีกยาวไกลนัก!
คนจากสำนักหลินเยว่เหล่านี้ สีหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นมาในฉับพลัน หลังจากถูกพัดออกไปอย่างรุนแรง
“พวกเราสำนักหลินเยว่เชื้อเชิญเจ้าเข้ามายังสำนักหลินเยว่อย่างจริงใจ ไม่คาดคิดเลยว่าจะไม่รักษาน้ำใจกันถึงเพียงนี้!”
“สำนักหลินเยว่ก่อตั้งขึ้นด้วยมือขององค์หญิงหลินหลางเพียงคนเดียว การตัดสินใจของเจ้าในวันนี้ เจ้าจะต้องเสียใจในภายหลังไปชั่วชีวิต”
“……”
คำปฏิเสธของมู่เฉียนซี ทำให้ผู้ติดตามเหล่านั้นโกรธจนแทบบ้าคลั่งขึ้นมาเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีหัวเราะเยาะพลางกล่าว “พวกเจ้าก็เป็นเพียงกลุ่มคนที่น่าสมเพชกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกเจ้าบูชามู่หลินหลางเช่นนี้ ผลก็คือแม้จะจมอยู่กับสำนักหลินเยว่มานานถึงเพียงนี้ แต่รูปร่างหน้าตาของมู่หลินหลางเป็นเช่นไรเกรงว่าพวกเจ้าคงไม่รู้เลยด้วยซ้ำกระมัง!”
หากได้รู้แล้วละก็ เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของนาง เป็นไปไม่ได้ที่จะนิ่งเฉยอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าเป็นสุนัขรับใช้ชั้นต่ำที่สุด หยุดมาเห่าหอนอยู่ตรงหน้าข้าได้แล้ว! พวกเจ้านี่ช่างไร้สาระเสียจริง”
“สารเลว! เจ้าตายซะเถอะ!”
“รนหาที่ตายเสียจริง!”
“……”
คำพูดของมู่เฉียนซี ดูเหมือนว่าจะกระทบเข้ากับจุดที่เจ็บปวดของพวกนาง ใบหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้นในทันที
ไม่ว่าพวกนางจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจและพัฒนาความแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่หนทางก็ยังอีกยาวไกลจากการกลายเป็นองครักษ์ขององค์หญิงหลินหลาง อีกทั้งยังมีความแตกต่างเป็นอย่างมากอีกด้วย
แม้แต่คุณสมบัติที่จะได้ไปเข้าพบองค์หญิงหลินหลางยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
พลังชีวิตโดยรอบถูกบิดเบือนไปเนื่องจากความเดือดดาลของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตกลุ่มนี้ และความพยายามในช่วงพริบตาเดียว ก็ทำให้พวกเขาเข้ามาประชิดมู่เฉียนซีจนได้ และหลังจากนั้นก็เริ่มเปิดการโจมตีที่รุนแรงกับมู่เฉียนซีทันที
ปัง ปัง ปัง!
อย่างไรก็ตาม การโจมตีเหล่านี้ ต่างก็ถูกชิงอิ่งสกัดกั้นเอาไว้ได้ทั้งหมดอยู่ดี
พวกนางจ้องมองด้วยความตะลึงงัน “เป็นไปได้เช่นไรกัน?”
“บัดซบ! ชายผู้นั้นมิใช่คน แต่น่าจะเป็นหุ่นเชิดที่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมาก”
พวกนางมาจากกองกำลังระดับสี่ของสำนักหลินเยว่ มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง หุ่นเชิดที่ใกล้เคียงกับมนุษย์อย่างไม่มีขีดจำกัดเช่นนี้ พวกนางจะต้องรู้จักอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
“พวกเจ้าตรึงหุ่นเชิดนี้เอาไว้ และพวกเราอีกสองสามคนจะเข้าไปโจมตีสาวน้อยคนนั้น!”
หลังจากที่พวกนางมีการโต้ตอบกลับมา มู่เฉียนซีและชิงอิ่งก็ทิ้งระยะที่ห่างออกไปมากจากพวกเขาอีกครั้ง
“ตามไป!” คำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกดังขึ้นมา