ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1634 มาถึงเป็นคนแรก
จนกระทั่งมู่เฉียนซีพบว่าเปลวไฟอัสนีนี้ยิ่งทำให้ผลของการฝึกร่างกายของนางเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “พอประมาณแล้วก็แล้วกัน ได้เวลาไล่ตามกองกำลังใหญ่พวกนั้นไปแล้ว”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทางด้านหน้าย่อมมีอัคคีที่ฟาดฟันลงมาแน่นอน มู่เฉียนซียังคงเดินหน้าต่อไป ไม่หลบหลีก และนางก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น
เนื่องจากไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอัคคีที่ฟาดฟันลงมาแล้วนั้น มู่เฉียนซีจึงเดินทางมาได้รวดเร็วมาก
ภายในเวลาเพียงแค่ไม่นานก็มาถึงจุดสิ้นสุดของชั้นที่หนึ่งแล้ว และได้เห็นกับม่านแสงของชั้นที่หนึ่งนั้น
ไม่นานนัก นางก็ตามคนอื่น ๆ ที่กำลังเดินอย่างช้า ๆ ในม่านแสงนี้ทัน
“เป็นคนผู้นั้น นะ นาง นางไม่เป็นอะไร!”
“ข้าต้องตาฝาดไปเป็นแน่!”
“ใช่! คนของเผ่าหงส์นิลผู้นั้น นางถูกสายฟ้าฟาดจนเป็นธุลีไปแล้วมิใช่หรอกเหรอ”
การปรากฏตัวของมู่เฉียนซีทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง!
แต่เมื่อพวกเขาเห็นนางเดินอยู่ท่ามกลางอัสนีพลังธาตุอัคคีด้วยท่วงท่าที่สบาย ใบหน้าของพวกเขาก็เผยความเหลือเชื่อออกมา
“เป็นไปได้ยังไง?”
“นางเดินผ่านสายฟ้าเหล่านั้นได้โดยที่ไม่ได้ใช่พลังวิญญาณต้านทานเลย นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่?”
ทุกคนต่างเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา และในตอนนี้มู่เฉียนซีก็ตามโม่ชิงอู่และไป๋ฉางทันแล้ว
“มู่เฉียนซี!” ไป๋ฉางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จ้องมองไปที่ร่างอันคุ้นเคยร่างนั้น พลางกัดฟันกรอดเอ่ยชื่อมู่เฉียนซีออกมา
“เป็นไปได้ยังไง! นางยังไม่ตาย!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูท่า เจ้าคงจะตกใจมากนะที่ข้าไม่ตาย!”
“ข้าจะพ่ายแพ้ไปตั้งแต่ชั้นแรกได้อย่างไรกันล่ะ ข้าขอตัวไปก่อนก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็นำหน้าห่างจากพวกเขาไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ
ความเร็วของนาง ไม่เหมือนกับการเดินในสถานที่ที่อันตรายเลย แต่เหมือนกับเดินในทางธรรมดา ๆ ทั่วไป
ไป๋ฉางกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “ชิงอู่ เรารีบตามไปเร็วเข้า! อย่าให้นางได้ลำพองใจเกินไปกว่านี้เลย”
โม่ชิงอู่ก็จนปัญญามากแล้วจริง ๆ ความเร็วของมู่เฉียนซีไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากจะวิ่งตามแล้วจะตามทันได้
อัสนีพลังธาตุอัคคีในชั้นแรกนี้ สำหรับเผ่าหงส์เพลิงแล้วมีผลกระทบต่อพวกเขาน้อยมาก เดิมทีพวกเขาก็สามารถควบคุมพลังธาตุอัคคีได้ ดังนั้นจึงต้านทานได้อย่างง่ายดาย
ฉะนั้น เผ่าหงส์เพลิงจึงนำหน้าต่อสู้
“ท่านพี่หญิงลั่วอวี่ อีกไม่นานพวกเราก็จะขึ้นชั้นสองได้แล้ว” ฉื้อฉินกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ฉื้อเมิ่งกล่าว “พวกเผ่ากระจอก ๆ เหล่านั้นคิดจะเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับเผ่าหงส์เพลิงของพวกเรา! การผ่านในชั้นแรก สำหรับพวกเรากับลั่วอวี่เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก พวกเราต้องขึ้นไปในชั้นสองเป็นคนแรกแน่นอน”
ทว่า ทุกเรื่องก็อย่าได้กล่าววาจาเชื่อมั่นมากจนเกินไป
เชื่อมั่นมากเกินไป สุดท้ายถูกหักหน้า มันจะเจ็บ
ร่างในชุดสีม่วงร่างหนึ่งพุ่งมา ชั่วพริบตาเดียวก็ตามพวกเขาทันแล้ว และภายในชั่วพริบตาเดียวก็นำพวกเขาไปก่อนแล้ว
เสียงล้อเลียนของมู่เฉียนซีดังขึ้น “ดูท่าพวกเจ้าคงไม่ใช่คนแรกที่ถึงชั้นที่สองก่อนแล้วล่ะ เว้นเสียแต่พวกเจ้าจะตามข้าทัน”
ฉื้อเมิ่งเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ “หญิงสาวผู้นั้น หญิงสาวผู้นั้นเป็นคนของเผ่าหงส์นิล”
ฉื้อฉินกล่าว “เป็นไปได้ยังไง เหตุใดนางถึงได้รวดเร็วขึ้นเพียงนั้น แม้แต่ท่านพี่หญิงลั่วอวี่ก็…”
ในฐานะที่เป็นความภาคภูมิใจของเผ่าหงส์เพลิง ถูกมนุษย์คนหนึ่งเหยียบย่ำเช่นนี้ สำหรับลั่วอวี่แล้วเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง
ร่างของลั่วอวี่ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามไป!”
“เจ้าค่ะ!”
ม่านพลังสายฟ้าอัคคีนี้อันตรายมากเกินไป และไม่รู้ว่าความสามารถของฉื้อลั่วอวี่จะแข็งแกร่งเพียงพอหรือไม่?
แต่เนื่องจากฉื้อเมิ่งไม่ทันระวัง จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บเข้าจนได้
พรึ่บ!
ปีกบนร่างกายของนางถูกเผาไหม้เป็นบริเวณกว้าง หากนางไม่เสียสละสมบัติออกมาปกป้องร่างกายตนเอง คาดว่าคงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่งกว่านี้
ฉื้อเมิ่งขบฟันอย่างรุนแรงพลางกล่าวว่า “ให้ตายเถอะ! ต้องโทษหญิงนางนั้น”
ฉื้อลั่วอวี่นำหน้าไปเพียงคนเดียว ทำให้ระยะห่างของนางกับมู่เฉียนซีใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่กำลังไล่ตามมู่เฉียนซีขึ้นไปอยู่นั้น มู่เฉียนซีก็เร่งความเร็วมากขึ้นไปอีก
มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เผ่าหงส์เพลิงคิดอยากที่จะขึ้นชั้นที่สองเป็นคนแรก แต่นางดันทำให้พวกเขาไม่มีทางสมความปรารถนาเสียอย่างนั้น
ฉื้อลั่วอวี่ไม่หยุดที่จะไล่ตามไป จนอีกไม่นานก็จะถึงชั้นที่สองอยู่แล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว มู่เฉียนซีก็เป็นคนแรกที่มาถึงชั้นที่สอง และฉื้อลั่วอวี่ ก็ช้าไปเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
แรงดันอากาศรอบตัวหญิงสาวผู้มีพรสวรรค์ของเผ่าหงส์เพลิงนี้ต่ำลงไปเล็กน้อย
ภายในสายตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ และจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างกินเลือดกินเนื้อ
นางกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีแปลกประหลาดที่เป็นพิเศษอะไรในการผ่านด่านขึ้นมายังชั้นที่สองนี้ได้ แต่ทว่า จะต้องไปบนชั้นที่สองก่อนเจ้าอย่างแน่นอน!”
ชั้นที่สองจะต้องแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แม้ว่าจะใช้วิธีแปลกประหลาดในการผ่านด่านชั้นที่หนึ่งมาได้ แต่ในชั้นที่สอง ไม่สามารถใช้ได้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “อ๋อ!”
ฉื้อลั่วอวี่ใช้ความเร็วที่รวดเร็วที่สุดพุ่งออกไป และมู่เฉียนซีก็เช่นเดียวกัน
“ท่านพี่หญิงลั่วอวี่ รอพวกเราด้วย!”
พวกของฉื้อเมิ่งไม่ได้รับการคุ้มครองเหมือนฉื้อลั่วอวี่ จึงได้เปลี่ยนไปตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะรีบไล่ติดตามฉื้อลั่วอวี่ให้ทัน
พวกเขารู้ได้อย่างชัดเจนว่า หากไม่รีบเข้าไปกอดขาฉื้อลั่วอวี่เอาไว้ เป็นไปได้มากว่าพวกจะต้องถูกคัดออกไปต่อหน้าต่อตาเช่นกัน
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าฟาดดังอยู่กลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
ซู่ ซู่ ซู่! ไม่เพียงแต่เท่านี้ และในชั้นที่สองนี้ยังมีสายฝนเทกระหน่ำลงมาอีกด้วย
พวกเขาใช่พลังวิญญาณในการกำบังฝนเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปีกของพวกเขาต้องเปียก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ชั้นที่สองมีพลังธาตุวารีเข้มข้นมากเช่นนี้ หรือว่าอัสนีในชั้นนี้ จะเป็นวารีอัสนี เป็นพลังอัสนีธาตุวารี”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
อย่างที่คาดไว้ ว่ามีมังกรเงินตัวหนึ่งลงมาก นอกจากมังกรเงินแล้วยังมีอสรพิษวารีอีกตัวหนึ่งด้วย ทั้งยังสะสมพลังธาตุวารีที่แข็งแกร่งอย่างหาที่สุดมิได้อีกด้วย
ฉื้อเมิ่งกล่าวว่า “ให้ตายเถอะ! อัสนีธาตุวารีมาแล้ว ระวังด้วย!”
“หลบเร็วเข้า!”
“……”
คนของเผ่าหงส์เพลิงพยายามหลบซ่อนกันอย่างสุดชีวิต แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับพุ่งตรงเข้าไปได้เลย
นางกล่าวพึมพำว่า “ลองอัสนีธาตุวารีนี่หน่อยสิ ว่ามันจะเป็นเช่นไร?”
ดวงตาของพวกฉื้อเมิ่งและฉื้อฉินต่างเบิกกว้าง
“ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือ! อยากตายหรืออย่างไร?”
“สมองของนางมีปัญหาหรือไม่?”
ตูม! สายฟ้าห่อหุ้มทั่วทั้งร่างของมู่เฉียนซีขึ้นมา
นอกจากผิวหนังแล้ว อวัยวะภายใน รวมไปถึงกระดูกต่างก็เจ็บปวดราวถูกฉีกออก และมู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกในหัวใจ
พลังธาตุวารีนี้ ไม่ได้อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย ทั้งพลังยังแปรปรวนเหมือนธาตุอัสนีอีกด้วย
มู่เฉียนซีรีบร้อนหมุนเวียนพลังวิญญาณของนางในการต่อต้านทันที
เมื่อมองเห็นมู่เฉียนซีถูกสายฟ้าห่อหุ้มร่างกายจนมองไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว ฉื้อเมิ่งก็กล่าวว่า “นะ…นางตายแล้วหรือ?!”
ฉื้อเมิ่งกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ตายไปเช่นนี้ กลับดีเกินไปสำหรับนางด้วยซ้ำ! พวกเรารีบตามท่านพี่หญิงลั่วอวี่ไปกันเถอะ แล้วเอาข่าวดีนี้ไปบอกให้กับท่านพี่หญิงลั่วอวี่ได้รู้กัน”
“อื้ม!”
คนของเผ่าหงส์เพลิงไล่ตามฉื้อลั่วอวี่ไป แล้วนำข่าวที่มู่เฉียนซีถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ไปแจ้งให้กับฉื้อลั่วอวี่ได้รู้
ฉื้อลั่วอวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ไม่คิดเลยว่านางจะถูกคัดออกไปแล้ว”
ฉื้อเมิ่งกล่าวอย่างปีติยินดีว่า “ใช่แล้ว! คนที่เข้าชั้นที่สองมาเป็นคนแรกก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ทันทีที่เข้ามาก็ถูกสังหารไปในชั่วพริบตาเดียว ช่างน่าตลกเสียจริง”
เดิมทีแล้วฉื้อลั่วอวี่ตัดสินใจว่าจะไปชั้นที่สามให้เร็วกว่ามู่เฉียนซี ก้าวหนึ่ง แต่ตอนนี้คนกลับตายไปแล้ว ดูเหมือนว่าคำพูดเมื่อครู่นี้จะไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ทั้งนางยังลืมตัวเสียกริยากับมนุษย์ที่อ่อนแอเช่นนั้น ที่เดิมก็ไม่มีค่าพอจะทำให้นางโกรธได้อยู่แล้ว