ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1640 นางถ่วงแข้งถ่วงขา
ในเวลานี้ มู่เฉียนซีก็ยังคงอยู่ที่ชั้นที่หก
ความยากลําบากได้รับการยกระดับเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับชั้นที่ห้า แต่ทว่าก็มีประโยชน์มากโดยตามธรรมชาติเช่นกัน
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่านางฝึกร่างกายอยู่ที่นี่มานานเท่าไร แต่ก็รู้สึกว่ากำลังของเปลวไฟนั้นค่อนข้างที่จะพร้อมแล้ว เช่นนั้นนางจึงวางแผนที่จะจากไป
ร่างเงาสีม่วงพุ่งผ่านไป มู่เฉียนซีไม่ได้สนใจชั้นน้ำแข็งที่อยู่ด้านล่าง ว่าจะมีสายฟ้าโผล่ออกมาหรือไม่ และได้แต่พุ่งตรงออกไปทันที
แกร่ก!
อัสนีน้ำแข็งนั้นสามารถแช่แข็งมู่เฉียนซีไว้ได้เพียงชั่วขณะ ก่อนจะถูกมู่เฉียนซีทุบจนแตกละเอียด จากนั้นมู่เฉียนซีก็พุ่งออกไปโดยที่ไม่มีอะไรมาขวางเอาไว้ได้
นางฝ่าอัสนีน้ำแข็งนับร้อยไปตลอดทาง และมู่เฉียนซีก็มาถึงม่านแสงอัสนีธาตุน้ำแข็งที่จุดบนสุดของชั้นที่หกได้อย่างราบรื่น
“มันช่างเร็วอะไรเช่นนี้!”
“นางเคลื่อนไหวแล้ว! ในที่สุดก็เคลื่อนไหวแล้ว ยังไม่ตาย!”
“เป็นไปได้อย่างไร? ชั้นที่หกอันตรายเช่นนั้น เหตุใดนางถึงมีความเร็วเช่นนี้ได้”
ผู้คนที่อยู่ข้างนอก ต่างก็เผยสีหน้าที่ช่างเหลือเชื่อออกมา
แต่พวกคนที่อยู่ในมิติเปลี่ยนถ่าย เริ่มรู้สึกหมดความอดทนไปเล็กน้อยแล้ว “รอนานถึงเพียงนี้แล้วก็ยังไม่มาอีก หากจะมาก็ควรมานานแล้ว! ที่จริงแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฉื้อลั่วอวี่กล่าวว่า “อย่าเพิ่งวู่วามให้อดทนรอดูเหตุการณ์ไปก่อนเถอะ!”
หากปราศจากการยอมรับ พวกเขาก็ไม่อาจขยับไปไหนได้ เช่นนั้นจึงทำได้แค่รอ ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
หลังจากที่มู่เฉียนซีฝ่าม่านแสงของชั้นที่หกมาได้แล้ว ทันใดนั้นก็มีลมพัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงนับไม่ถ้วน
ความเร็วของนางช้าไปก้าวหนึ่ง ทันใดนั้นบนร่างกายของนางก็มีบาดแผลที่เปื้อนเลือดมากมายนับไม่ถ้วนทันที
โครม!
ธาตุวายุนี้มันไม่เพียงแต่ทำให้เกิดบาดแผลเท่านั้น แต่สายฟ้าก็ยังสร้างความเสียหายให้นางอีกเป็นครั้งที่สองด้วย
อัสนีวายุ!
เดิมทีความเร็วของสายลมนั้นก็เร็วอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับความเร็วของสายฟ้าเข้าไปอีก เช่นนั้นจึงเร็วอย่างที่สุดเลยทีเดียว
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้สีหน้าของมู่เฉียนซีซีดเซียวลงไป และจากนั้นก็โดนโจมตีเข้าอีกครั้ง
สถานการณ์ในตอนนี้ หากไม่ใช้พลังของห้วงมิติในการหลบหนีแล้วละก็ อาจจะต้องถูกคัดออกอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีได้ใช้พลังของห้วงมิติ และครั้งนี้นับว่ารอดมาได้อย่างหวุดหวิด
มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่ต้องรักษาอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว และยังต้องใช้ร่างแยกในการหมุนเวียนพลังแห่งห้วงมิติในการหลบหนีอีกด้วย
หลังจากที่จัดการแผลที่บาดเจ็บจนเห็นกระดูกนั้นเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีต้องเผชิญหน้ากับสองทางเลือกที่สามารถไปได้
อย่างแรกคือการโกงโดยใช้พลังของห้วงมิติ และข้ามไปจนถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งนี่สามารถทำได้
อย่างที่สองก็คือ อยู่ที่นี่ต่อ จากนั้นก็ใช้อัสนีวายุนี้เพื่อยกระดับพลังกายต่อไป แต่ทว่าเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้ถึงเจ็ดส่วนที่จะถูกทำให้บาดเจ็บสาหัส และโดนคัดออกไปได้
อัสนีวายุของชั้นที่เจ็ดนั้นยากที่จะจัดการได้ แม้ว่าวิธีการฝึกร่างกายที่ชายลึกลับมอบให้นางนั้นจะทรงพลัง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ยงคงกระพันเสมอไป
มู่เฉียนซีแสวงหาความมั่งคั่งในความอันตราย เช่นนั้นจึงตัดสินใจที่จะเสี่ยง
นางตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกทางเลือกที่สอง!
อยู่ต่อ!
ถึงบาดแผลจะยังคงเจ็บอยู่ แต่ทว่าครั้งนี้มู่เฉียนซีไม่ได้ใช้พลังของห้วงมิติหลบหนีอีกแล้ว
ปัง!
อัสนีวายุ พุ่งเข้ามาบีบรัดมู่เฉียนซีอย่างไร้ความปรานี
มู่เฉียนซีรู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งร่างกายกำลังถูกสายลมนี้แยกชิ้นส่วนออกจากกันอย่างไรอย่างนั้น พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างต่อสู้กับมัน แต่ก็ยังคงไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
มีความแตกต่างมากเกินไปแล้ว!
นางได้รับบาดเจ็บหนักเกินไป อีกทั้งยังสูญเสียเลือดไปมากอีกด้วย สติของมู่เฉียนซีเริ่มเลือนรางไปเล็กน้อยแล้ว
นาง จะต้องถูกคัดออกไปจากที่นี่จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
ในชั่วพริบตานั้น หม้อเทพนิรันดร์ที่ถูกวางไว้ในห้วงมิติก็ปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน
“นิรันดร์!”มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงต่ำ
นิรันดร์นั้นยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลยว่าหม้อเทพนิรันดร์นั้นจะกำลังดูดซับพลังของธาตุวายุที่ทำให้มู่เฉียนซีต้องได้รับบาดแผลเต็มไปทั้งตัวเช่นนี้
มันไม่ได้ดูดซับไปทั้งหมด แต่เหลือพลังไว้ให้เพียงต่อการฝึกร่างของมู่เฉียนซีที่สามารถรับได้
ในชั่วเวลาที่หม้อเทพนิรันดร์ปรากฏตัวขึ้น อัสนีวายุที่แยกเขี้ยวยิงฟันเหล่านั้นของชั้นที่เจ็ด ก็พลันเงียบสงบลงไปในทันใด
มู่เฉียนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก วิกฤตได้ถูกขจัดเป็นการชั่วคราวแล้ว
หลังจากที่เสร็จสิ้นการฝึกร่างกายโดยใช้อัสนีวายุแล้ว มือของมู่เฉียนซีก็วางลงไปบนหม้อเทพนิรันดร์
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าเกือบลืมไปแล้ว ว่านิรันดร์ครอบครองพลังธาตุวายุอยู่ และก็กลับเป็นเจ้าที่ช่วยเหลือข้าครั้งใหญ่เลยทีเดียว”
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว มู่เฉียนซีก็ฝึกฝนร่างกายต่อ
มีหม้อเทพนิรันดร์อยู่ด้วย มู่เฉียนซีก็เหมือนมีเครื่องรางเพิ่มมาอีกหนึ่งอัน และไม่มีสิ่งใดในชั้นที่เจ็ดนี้ที่จะทำร้ายนางได้อีกแล้ว
หลังจากที่ปรับตัวอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ โดยไม่ได้ใช้หม้อเทพนิรันดร์ในการป้องกัน ความแข็งแกร่งของร่างกายมู่เฉียนซีก็ยกระดับขึ้นอีกครั้ง
ไม่เพียงแค่นั้นเท่านั้น มู่เฉียนซียังรู้สึกว่าภายในเส้นเอ็นของนางยังมีพลังวิญญาณของธาตุวายุตกค้างอยู่อีกด้วย
พลังวิญญาณนี้ นางไม่อาจที่จะควบคุมได้ชั่วขณะ และยังไม่สามารถที่จะนำมาใช้งานได้
มู่เฉียนซีกระซิบกล่าวว่า “รอให้นิรันดร์ฟื้นฟูระดับของทักษะความสามารถให้ถึงระดับหนึ่งก่อน ข้าถึงจะสามารถสืบทอดพลังวิญญาณของธาตุวายุได้! แต่ว่าเมื่อดูจากในตอนนี้แล้ว ก็น่าจะอีกไม่นานเท่าไรแล้ว”
“ดูเหมือนว่าจะเสียเวลาไปมากเกินไปแล้ว ควรจะออกเดินทางได้แล้วล่ะ!”
มู่เฉียนซีได้นำเอาหม้อเทพนิรันดร์ไปวางไว้ในห้วงมิติแล้ว อัสนีวายุนี้มีความเร็วที่รวดเร็วมาก แต่มู่เฉียนซีกลับมีความเร็วที่รวดเร็วยิ่งกว่า
ถึงจะไม่ทันระวังจนโดนฟ้าผ่า แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เพียงไม่นาน มู่เฉียนซีก็มาถึงม่านแสงของชั้นที่เจ็ด
ฉื้อลั่วอวี่และคนอื่น ๆ ที่รอกันอย่างร้อนใจเล็กน้อย ในเวลานี้ เมื่อมู่เฉียนซีก็ได้มาถึงยังใจกลางของจุดเปลี่ยนถ่าย
ครืน!
ประตูตรงกลางของจุดเปลี่ยนถ่ายที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา และประตูอีกสามบานก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ฉื้อลั่วอวี่จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เจ้านี่มันช่างถ่วงแข้งถ่วงขาเสียจริง!”
“เจ้ามาช้าเกินไปแล้ว!” ส่วนอีกสองคนก็บ่นนางขึ้นมาเช่นเดียวกัน
ผู้คนที่อยู่นอกหอหลอมอัสนีต่างพากันขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่!”
“ตาลายแล้ว! จะต้องตาลายอย่างแน่นอน”
“……”
คนที่อยู่ด้านนอกต่างก็เห็นว่ามู่เฉียนซีหยุดอยู่ที่ชั้นเจ็ดเป็นเวลานานมาก แต่ทว่านี่ผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมู่เฉียนซีสามารถไปรวมตัวกับพวกของฉื้อลั่วอวี่ได้แล้ว
“รวดเร็วราวกับว่าเห็นภาพหลอนอย่างไรอย่างนั้น!”
ฉื้อเมิ่งกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้น จะต้องใช้กลอุบายอะไรบางอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะสามารถที่จะเร็วขนาดนั้นได้เช่นไรกัน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าได้มีเวลาที่เพียงพอ หรือว่าไม่ชอบเช่นนั้นหรือ? และข้าก็ไม่ได้มาเส้นทางเดียวกับพวกเจ้าด้วย ไม่ได้ถ่วงแข้งถ่วงขาเสียหน่อย”
ทันทีที่พูดจบ มู่เฉียนซีก็พุ่งเข้าไปที่ประตูบานแรกทันที!
ฉื้อลั่วอวี่กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “จะ…เจ้า เจ้าขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย ยังจะกล้าแย่งประตูบานแรกไปอีกเช่นนั้นหรือ!”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้กันล่ะ?”
ฉื้อลั่วอวี่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ต้องการตำแหน่งนี้ เช่นนั้นก็เอาชนะข้าให้ได้สิ”
ในเวลานี้ มีคนหนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นมาว่า “ฉื้อลั่วอวี่ ข้าสามารถที่จะช่วยให้เจ้าเอาชนะหญิงสาวจากเผ่าหงส์นิลผู้นี้ได้ เพียงแต่ว่าเจ้าจะต้องทำสัญญาปีศาจกับข้า! เจ้าจะต้องส่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่อยู่บนตัวของเจ้า มาให้กับข้า!”
ฉื้อลั่วอวี่กล่าวว่า “เหตุใดข้าจะต้องทำข้อตกลงเช่นนี้กับเจ้าด้วย หญิงผู้นี้ข้าสามารถจัดการด้วยตนเองได้”
“ต่างก็ว่ากันว่าชั้นที่แปดนั้นอันตรายที่สุด ข้าก็คิดว่าเจ้าคงไม่อยากที่จะเปลืองพลังอยู่ที่นี่! ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าและคนผู้นั้น และทางเลือกนี้มันก็ดีกับทั้งสำหรับเจ้าและข้า”
ฉื้อลั่วอวี่กล่าวว่า “ตกลง! ข้ารับข้อเสนอของเจ้า! มู่เฉียนซีนี้ข้าปล่อยให้เจ้าจัดการแล้วกัน”
ฉื้อลั่วอวี่และอีกคนหนึ่งพุ่งเข้าไปในประตูสองบาน และชายที่สวมชุดเทาผู้นั้นก็พุ่งตรงเข้ามาหามู่เฉียนซี ราวกับภูเขาลึกแผ่กระจายพลังที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ออกมา
เขามองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “มู่เฉียนซีแห่งเผ่าหงส์นิลใช่หรือไม่! เจ้าจะต้องจำไว้ว่า คนที่เอาชนะเจ้าได้คือฮุยจี้แห่งเผ่าหงส์ไฟ”
มู่เฉียนซีหัวเราะน้อย ๆ แล้วกล่าวว่า “เอาชนะข้า? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำได้เช่นนั้นหรือ?”
“เจ้าต้องลำบากลำบนถึงเพียงนั้นกว่าจะสามารถผ่านชั้นหกและชั้นเจ็ดมาได้ ความสามารถจะไปสูงสักเท่าไรกันเชียว การเอาชนะเจ้าได้ ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้น” ฮุยจี้กล่าวอย่างดูถูก