ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1643 เผชิญหน้ากับความตาย
ฉื้อลั่วอวี่กลับไม่กลัวเลยสักนิด แล้วกล่าวว่า “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้”
ถ้าเกิดว่าเกิดอันตรายใดต่อชีวิต ก็จะถูกเคลื่อนย้ายออกไปทันที!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าอยากที่จะถูกคัดออกไปจริง ๆ เช่นนั้นหรือ?”
สีหน้าของฉื้อลั่วอวี่แข็งทื่อ นางไม่อยากจะถูกคัดออก!
“ที่จริงแล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่?” ฉื้อลั่วอวี่กล่าวถาม
“ความจริงแล้ว หากต้องการให้ข้าปล่อยเจ้าก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้!”
“เจ้าจะใจดีมากขนาดนั้นเชียวหรือ!” หากว่าเป็นนาง จะต้องกำจัดคนผู้นี้อย่างรวดเร็วแน่นอน และไม่ให้โอกาสแก่ใครทั้งสิ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว ว่าไม่ใช่จะไม่มีเงื่อนไข! ดูจากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพชิ้นนั้นของเจ้า ดูท่าแล้วเผ่าหงส์เพลิงของพวกเจ้าน่าจะมั่งคั่งมากเลยทีเดียว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
“เจ้าต้องการมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพชิ้นนั้นของข้า!”
“เคล็ดวิชาที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างนั้น ใครจะไปต้องการ ข้าต้องการเคล็ดวิชาการฝึกฝนของพวกเจ้าเผ่าหงส์เพลิง! หากยังมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ และผลึกวิญญาณหงส์ก็ส่งมอบมาให้ข้าให้หมด”
“จะ…เจ้าเป็นโจรหรือ!”
“แค่จะปล้นเจ้า ว่าอย่างไรล่ะ?”
ฉื้อลั่วอวี่พูดอะไรไม่ออก เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอกับคนที่ปฏิบัติกับนางเช่นนี้
“ไม่อยากถูกคัดออก เช่นนั้นก็ส่งมอบของทั้งหมดนั้นออกมา”
“ตกลง! ข้าจะให้!”
เพื่อที่จะไปตามหาสมบัติของเผ่าหงส์ของพวกเขาในชั้นที่เก้า นางสูญเสียไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็เป็นสิ่งที่นางสามารถทนรับเอาไว้ได้อยู่แล้ว
เคล็ดวิชาถูกเอาไปจนว่างเปล่าแล้ว สมุนไพรวิญญาณก็ถูกเอาไปจนว่างเปล่าแล้ว แม้แต่ผลึกวิญญาณหงส์ มู่เฉียนซีก็สั่งให้ทิ้งไว้ให้นางด้วย
ฉื้อลั่วอวี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคยังดีที่มู่เฉียนซีไม่ได้แย่งยาลูกกลอนที่ล้ำค่าในตัวของนางไปด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
เมื่อฉื้อลั่วอวี่ได้รับอิสระ ก็ไปพุ่งออกไปในทันที เนื่องจากเกรงว่ามู่เฉียนซีจะกลับกลอก และลงมือกับนางอีก
ฉื้อลั่วอวี่ได้จากไป และมู่เฉียนซีก็ไม่ได้รีรออยู่ที่นี่ พุ่งตัวออกไปด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น เมื่อฉื้อลั่วอวี่ขึ้นมาถึงชั้นที่เก้า
เพียงชั่วเวลาที่ขึ้นมาถึงชั้นเก้าเท่านั้น ก็มีอัสนีสีดำม้วนตัวเข้ามา
หากว่าไม่มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ การต่อกรกับอัสนีสีดำนี้ นางก็ไม่มีช่องทางที่จะให้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย
“กรี๊ด!” มีเสียงกรีดร้องหนึ่งดังขึ้นมา
มู่เฉียนซีมาถึงได้ทันเวลาพอดี!
“เหตุที่ข้าปล่อยเจ้า นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่อาจทนต่อการทดสอบของชั้นที่เก้าได้อย่างแน่นอนอย่างไรล่ะ และเป็นมันก็เป็นอย่างที่คาดไว้จริง ๆ!”
ฉื้อลั่วอวี่โกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา ข้าวของของนาง ทำให้นางพ่ายแพ้เสียแล้ว!
“น่ารังเกียจนัก!”
“ที่จริงแล้วเจ้าเป็นคนที่น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”
“ข้าจะจำเจ้าไว้!”
ภายใต้การปกคลุมของอัสนีสีดำ ทำให้ฉื้อลั่วอวี่หายไปจากชั้นเก้าของหอหลอมอัสนี
เมื่อมู่เฉียนซีมองไปที่อัสนีสีดำที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น ก็สูดหายใจเข้าลึก และกล่าวว่า “สู้โว้ย!”
ครืน! ท่ามกลางการปกคลุมของอัสนีสีดำที่น่าสะพรึงกลัวนั้น มู่เฉียนซีก็ถูกทำให้จมลงไปแล้ว
ปัง! ที่ด้านนอก ฉื้อลั่วอวี่ที่ดำเหมือนถ่านหลุดออกมา
“นะ…นี่คือฉื้อลั่วอวี่แห่งเผ่าหงส์เพลิง!”
“โอ้พระเจ้า! ที่จริงแล้วชั้นเก้ามีอะไรกันแน่? แม้แต่นางก็ทนเอาไว้ไม่อยู่”
“เช่นนั้นก็กล่าวได้ว่า ตอนนี้คนที่เหลืออยู่ที่ชั้นเก้า ก็คือมู่เฉียนซีที่เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวแห่งเผ่าหงส์นิล!”
ผลลัพธ์นี้ โม่ชิงอู่ไม่เคยที่จะจินตนาการถึงมาก่อนเลย
ในบรรดาคนที่มาถึงหอหลอมอัสนี แน่นอนว่าจะต้องเป็นฉื้อลั่วอวี่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดอยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่านางจะถูกคัดออกมา และมู่เฉียนซีจะยังคงอยู่ข้างในนั้น
ฉื้อลั่วอวี่คว้าไปที่มือของฉื้อเมิ่งแล้วกล่าวว่า “รีบรายงานไปที่ท่านพ่อของข้า รายงานเขา!”
ตึง! ทันทีที่พูดจบ ฉื้อลั่วอวี่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายในทันที
มู่เฉียนซีผู้นี้เป็นคนแปลกมาก หากนางอยู่ชั้นที่เก้าอย่างปลอดภัยโดยไม่ได้รับความเสียหาย แล้วสามารถหาสมบัติของเผ่าหงส์เจอจะทำเช่นไร?
สมบัติ ไม่อาจที่จะตกอยู่ในมือของคนผู้นั้นได้อย่างเด็ดขาด
“คนผู้นั้น ที่จริงแล้วสามารถทำได้อย่างไรกัน?” เหล่าผู้คนที่อยู่ภายนอกต่างก็พากันสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
ฟู่!
ข้างใน มู่เฉียนซีตะคริวกินไปทั่วทั้งร่างด้วยความเจ็บปวด อัสนีสีดำนี้น่าหวาดกลัวกว่าชนิดอื่น ๆ เป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ ทั่วทั้งร่างของนางก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำราวถ่านหินแล้ว
โชคยังดีที่เคล็ดวิชาการฝึกร่างกายนั้นทรงพลังมาก และมันก็ยากมากกว่าจะรอดชีวิตมาได้ หลังจากนั้นมันก็มาอีกครั้งแล้ว!
ครืน!
ในก้าวสุดท้ายและในชั้นท้ายที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องรอดชีวิตไปให้ได้
เส้นทางการฝึกฝนร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวราวกับนรกนี้ นางถูกชำระล้างด้วยอัสนีสีดำสูงสุดครั้งแล้วครั้งเล่า และมู่เฉียนซีก็ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไรแล้ว
สิ่งเดียวที่สามารถรู้สึกได้ในตอนนี้ ก็คือร่างกายของนางนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก...
ตูม! สายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดลงมา สีดำทะมึนถูกทุบให้แตกละเอียด จนเผยให้เห็นผิวขาวราวกับหิมะที่โผล่พ้นออกมา
ครั้งนี้ ถึงแม้จะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด แต่ทว่ากลับสามารถทนได้
นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตนเอง เคล็ดวิชาการฝึกร่างกาย ในที่สุดก็ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้แล้ว!
ความแข็งแกร่งของร่างกายนางในตอนนี้ เทียบกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้แล้ว!
ถึงจะถือว่าเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาต้องการที่จะทำร้ายนาง ต่างก็ไม่ง่ายเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! มู่เฉียนซีพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็ว เพื่อตามหาคัมภีร์หมื่นคำสาป
มันมีความเป็นไปได้เพียงสามในหนึ่งเท่านั้น มู่เฉียนซีก็ไม่อาจยอมแพ้ในแต่ละสถานที่ได้
ประตูสีดำบานหนึ่งปรากฏขึ้นมากลางอากาศ เมื่อผ่านประตูหนีไป มู่เฉียนซีก็เห็นร่างที่สูงใหญ่ร่างหนึ่ง
ร่างที่สูงตระหง่าน มีพลังกดดันผู้คน!
“มนุษย์ที่บุกเข้ามาในหอหลอมอัสนีชั้นที่เก้าได้นั้น มีเพียงเจ้าเพียงคนเดียว เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว!” มีเสียงที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาดังขึ้น
“ในเมื่อท่านชื่นชมข้าถึงเพียงนี้ เช่นนั้นไม่มีรางวัลให้อย่างนั้นหรือ?” ในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับชายผู้ทรงพลังมากเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามนุษย์ เจ้าอยากได้รางวัลเป็นอะไรเช่นนั้นหรือ?” เขากล่าวถาม
“ยกตัวอย่างเช่น สมบัติของเผ่าหงส์ที่อยู่ภายในหอหลอมอัสนีนี้”
ทันทีที่มู่เฉียนซีพูดจบ แววตาของคนผู้นั้นก็แปรเปลี่ยนไปเป็นดุดันรุนแรงขึ้นมาทันที
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสมบัติของเผ่าหงส์ของพวกเราอยู่ที่นี่ ที่นี่ไม่มีหรอก?”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าว “ไม่มีจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“จะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ หากเจ้ารู้คำตอบที่แน่นอนอยู่แล้ว เช่นนั้นก็จำเป็นจะต้องรับข้าสักหนึ่งกระบวนท่าแล้วล่ะ” เขากล่าวตอบ
“รับหนึ่งกระบวนท่าของท่านอย่างนั้นหรือ? ได้เลย” มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว
“ข้าคือจักรพรรดิเฟิงเหลย เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะรับข้าหนึ่งกระบวนท่า”
พลังกดดันที่น่าประหลาดใจ ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
ถึงกระนั้น นางก็ยังคงยืนหยัดอย่างแน่วแน่ “ข้ามีเหตุที่จะต้องแน่ใจ เช่นนั้นไม่ว่าท่านจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ตาม ข้าก็จำเป็นที่จะต้องรับมือท่านหนึ่งกระบวนท่า”
มู่เฉียนซีพึ่งจะมาที่โลกของหงส์ จึงเข้าใจโลกของหงส์ไม่มากเท่าไรนัก
หากคนอื่นเมื่อได้ยินว่าคนผู้นี้คือจักรพรรดิเฟิงเหลยแล้วละก็ คาดว่าคงจะโกยแน่บไปแล้ว ไหนเลยจะยังตอบรับที่จะรับหนึ่งกระบวนท่าอยู่อีก
อย่างไรเสีย จักรพรรดิเฟิงเหลยก็เคยเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากนักบุญในตำนานที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าหงส์
การจะบีบจักรพรรดิพระองค์หนึ่งให้ตาย มันง่ายเสียยิ่งกว่าบีบมดตัวหนึ่งอีก
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ยอมแพ้ไปซะ แล้วข้าจะให้สมบัติชิ้นอื่นแก่เจ้าหนึ่งชิ้น เป็นรางวัลให้เจ้า!” จักรพรรดิเฟิงเหลยตรัส
“ข้าไม่อาจยอมแพ้ได้! เข้ามาเถิด! ให้มันจบโดยไว จะได้รู้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสิ่งของชิ้นนั้นมันสำคัญมากสำหรับข้า” มู่เฉียนซีกล่าว
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จักรพรรดิอย่างข้า จะทำให้เจ้าได้สมความปรารถนาก็แล้วกัน!”
เขาเพียงแค่โบกมือเบา ๆ เท่านั้น มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ถึงพลัง ที่ทำให้กระดูกในร่างกายของนางแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
แม้ว่าเคล็ดวิชาการฝึกร่างกายจะเลื่อนขั้นไปแล้ว ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับนี้ ก็ยังคงแตกต่างกันมากเกินไปอยู่ดี
สุ่ยจิงอิ๋งกำลังหลับลึก ครั้งนี้ เขากำลังจะทำให้นางถึงแก่ชีวิตจริง ๆ แล้ว
แต่ทว่า โอกาสเช่นนี้ นางไม่อาจที่จะยอมแพ้ไปได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกัดฟันแน่น ร่างของนางถอยหลังไป และมีเลือดสดไหลออกมาจากมุมปาก แววตาของนางยังคงมองไปที่จักรพรรดิเฟิงเหลยอย่างแน่วแน่
สูญเสียสายตาไป และเริ่มสูญเสียสัญชาตญาณทั้งหมดไป จากนั้นก็ถูกความตายเข้าครอบงำ
พลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ไม่ได้ให้โอกาสวิญญาณบริสุทธิ์ของเด็กน้อยได้ดิ้นรนเลยแม้แต่น้อย และทางด้านนี้ก็คือ พลังของจักรพรรดิเฟิงเหลย