ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1651 ซีบอกจะเลี้ยงข้า
น้ำเสียงนี้ มู่เฉียนซีคุ้นเคยเป็นอย่างมาก และจะต้องเป็นขวงจวิ้นอ๋องอย่างแน่นอน
ขวงจวิ้นอ๋องได้รู้ว่าราชาโม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว และยังมีนักฆ่าบุกเข้ามาในวังอีกด้วย หลังจากที่เขาได้ยิน ก็รู้สึกจิตใจไม่สงบ และรีบเข้าไปที่วังทันที
เรื่องที่เผ่าหงส์นิลของพวกเขาปรากฏสายเลือดราชันย์ของหงส์นิล ไม่อาจให้รู้ไปถึงหูของราชาโม่ได้
หากได้ยินไปถึงหูของราชาโม่ แผนการของเขาก็จะต้องคว้าน้ำเหลวอย่างแน่นอน
ความเร็วของมู่เฉียนซีคือใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาในการหลบหนี
แต่ทว่าขวงจวิ้นอ๋องก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งอันดับที่สองของเผ่าหงส์นิล จะสลัดทิ้งไปได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน?
ในตอนที่นางถูกไล่ตามจนเกือบที่จะถูกจับได้นั้น ก็มีเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้นมา
ชุดคลุมสีดำกำลังปลิวว่อนอยู่ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ทันทีที่ร่างของเขาเคลื่อนไหว ก็ดึงมู่เฉียนซีมาถึงข้างกายของตนเองได้แล้ว และก็ได้หายไปจากสถานที่แห่งนั้นในทันที
เมื่อรอให้ขวงจวิ้นอ๋องไล่ตามขึ้นไป คนก็ได้หายไปแล้ว
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ความเร็วที่รวดเร็วเช่นนี้ หรือว่าจะใช้มิติเคลื่อนย้ายของอาวุธวิญญาณ”
เขาไล่ตามไปไม่ทันแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาในการไล่ตามไปด้วย เขากล่าวว่า “ไปดูตาแก่คนนั้นก่อนจะดีกว่า จะต้องทำให้แน่ใจว่าข้อมูลได้ถูกเปิดเผยไปแล้วหรือไม่!”
ขวงจวิ้นอ๋องพุ่งตรงไปยังทิศทางที่พำนักของราชาโม่
จิ่วเยี่ยได้อุ้มมู่เฉียนซีออกห่างจากวังจักรพรรดิหงส์นิล เขากล้บมองลงไปยังมู่เฉียนซี “ข้าเพิ่งออกไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ซีก็มาเสี่ยงอันตรายอยู่ที่นี่เสียแล้ว ดูท่าแล้วเมื่อคืนวานข้าจะทำให้ซีเหนื่อยไม่พอเสียกระมัง ซีว่าใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่ มันไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้ว” มู่เฉียนซีกล่าว
จิ่วเยี่ยมาเร็วกว่าที่ได้จินตนาการเอาไว้ อีกทั้งยังไม่ใช้สุ่ยจิงอิ๋งในการพามาอีกด้วย
“ไม่ใช่จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการมาต่อสู้กับมู่เฉียนซี แต่ทว่าภายใต้แรงกดดันที่แข็งแกร่งมากของราชาจิ่วเยี่ย จึงไม่กล้าออกมาทำให้อารมณ์เสีย และไม่กล้าไม่รบกวน
“ดึกมากแล้ว! พวกเรากลับกันเถอะซี” จิ่วเยี่ยพานางกลับไปด้วย
ในเวลานี้ จื่อโยวและคนอื่น ๆ ที่ได้มาถึงโลกของหงส์ก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยทอดทิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นแต่ละคนก็มาทำเรื่องของตัวเองกันเถอะ!
หากทำภารกิจไม่เสร็จเรียบร้อย จะต้องแย่มากแน่นอน!
จื่อโยวกล่าวว่า “เยี่ย เจ้าไร้น้ำใจไร้คุณธรรมและไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ได้อย่างไร เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงสามารถดื่มซุปเนื้อได้ทุกวัน ข้าแม้แต่เนื้อก็ยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ”
มู่เฉียนซีเสี่ยงภัยบุกเข้าไปในพระราชวังจนเกือบถูกขวงจวิ้นอ๋องจับได้อยู่แล้ว และตอนนี้ก็ถูกจิ่วเยี่ยจับได้อีก เพียงเท่านี้มู่เฉียนซีก็สามารถที่จะทำนายจุดจบของตนเองได้แล้ว
“ข้า…แม้ว่าจะอันตรายไปสักหน่อย แต่ว่าข้าก็ไม่ได้…อื้อ…”
ริมฝีปากถูกปิดผนึก ทำให้คำพูดไม่สามารถพูดออกมาได้
หลังจากที่จิ่วเยี่ยได้ลิ้มรสอย่างบ้าคลั่งแล้ว จากนั้นก็กล่าวว่า “ซีไม่ได้รับอนุญาตให้เถียง”
“อือ…”
…
ขวงจวิ้นอ๋องจ้องมองไปที่ราชาโม่ แล้วกล่าวอย่างกังวลใจว่า “ฝ่าบาท พระ…พระองค์เหตุใดถึงฟื้นขึ้นมาเร็วเช่นนี้ ไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ราชาโม่ตรัสว่า “ไม่เป็นไร! ร่างกายดีขึ้นไม่น้อยแล้ว ข้าก็ไม่อาจที่จะนอนอยู่ตลอดได้ จนต้องรบกวนให้เจ้าจัดการเรื่องทุกอย่างไปด้วย”
ราชาโม่ไม่ได้อยู่อย่างเก็บตัว และเขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องเก็บตัวเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเลย
เขาเพียงแค่ใช้วิชาลับในการหลับลึก และพยายามยืนหยัดไว้ช่วงเวลาหนึ่ง
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นสิ่งที่กระหม่อมควรทำพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ยินมาว่ามีนักฆ่าใจกล้า บุกเข้าไปในห้องหนังสือของพระองค์อย่างคาดไม่ถึงเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เป็นเพียงแค่ขโมยตัวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น และก็หนีไปหลังจากที่ถูกข้าพบเข้า ทั้งยังไม่ได้มีของอะไรหายไปด้วย เจ้าวิ่งมาหาข้ากลางดึกเช่นนี้ ช่างลำบากเจ้าเสียจริง” ราชาโม่กล่าว
ขวงจวิ้นอ๋องถามอย่างเปรียบเปรยแต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรเกิดขึ้น ราชาโม่จึงกล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าอาจจะหลับลึกต่อ วันนี้ก็ดึกมาแล้วเจ้ากลับไปก่อนเถอะ!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อได้ยินว่าราชาโม่ตัดสินใจที่จะหลับลึกไปอีกครั้ง ขวงจวิ้นอ๋องก็วางใจได้แล้ว
ภายในช่วงเวลานี้ เขาจะต้องจัดการมู่เฉียนซีและหงส์น้อยตัวนั้นให้จงได้
ขณะเดียวกันภายในห้อง มู่เฉียนซีก็ได้ขบฟันแน่นพลางกล่าวว่า “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”
“ข้าหารือเกี่ยวกับข้อเรียกร้องกับราชาโม่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปข้าอยากจะศึกษา ว่าจะถอนพิษและล้างคำสาปใ ห้เขาได้อย่างไรเสียหน่อย ท่านราชาจิ่วเยี่ย โปรดอย่าทำให้ลำบากใจ”
หลังจากที่มู่เฉียนซีทำแผนการรักษาเรียบร้อยแล้ว ขวงจวิ้นอ๋องก็ส่งคนมาอีกครั้ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ย ท่านไม่ได้บอกข้าว่ายุ่ง พบไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“ครั้งนี้สามารถไปพบได้แล้ว!” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว
“จริงหรือ?” มู่เฉียนซีเดินออกไป
พ่อบ้านของจวนขวงจวิ้นอ๋อง ได้มอบบัตรใบหนึ่งให้แก่มู่เฉียนซี “แม่นางมู่ ที่เมืองหลวงโม่หวงจะเปิดงานประมูลในวันพรุ่งนี้ นี่คือบัตรแสดงตัวตนที่ขวงจวิ้นอ๋องสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ให้ข้ามามอบให้ เมื่ออาศัยบัตรแสดงตัวตนนี้ ท่านสามารถไปเข้าร่วมงานประมูลของโรงประมูลหวางเฉิงได้ บางทีในงานประมูล อาจจะมีของที่ท่านต้องการอยู่ก็เป็นได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ขอบคุณท่านขวงจวิ้นอ๋องในความหวังดีนี้เป็นอย่างมาก ข้าจะรับมันไว้ ”
“ตกลง!” พ่อบ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่พ่อบ้านเดินจากไปแล้ว มู่เฉียนซีก็ถามขึ้นมาว่า “โรงประมูลหวางเฉิงอย่างนั้นหรือ?”
โม่เชวี่ยรู้ว่ามู่เฉียนซีต่างก็ยังไม่เข้าใจเรื่องราวอีกมากมายนัก เช่นนั้นจึงเริ่มอธิบายว่า “แต่ละแคว้นใหญ่ ต่างก็มีการจัดงานประมูลอย่างยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง! และในแต่ละครั้งที่การจัดงานประมูลก็ไม่ได้กำหนดพื้นที่ไว้ ในครั้งนี้น่าจะวนมาถึงแคว้นหงส์นิลของพวกเราแล้ว”
“หากต้องการที่จะเข้าไปซื้อขายที่โรงประมูลหวางเฉิง จำเป็นที่จะต้องมีบัตรแสดงตัวตนถึงจะได้! และผู้ที่ได้ครอบครองบัตรแสดงตัวนั้นทุกคนต่างก็เป็นผู้ที่มีความสามารถและมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมากเท่านั้น และเจ้าเมืองเมืองหนึ่งที่มีคุณสมบัติปานกลางเหมือนเช่นข้า แม้ว่าจะร่ำรวยเพียงใด ก็ไม่อาจทำบัตรแสดงตัวตนเช่นนี้ได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านพ่อบ้านของขวงจวิ้นอ๋องบอกเป็นนัยว่ามีของที่ข้าต้องการอยู่ เช่นนั้นมันจะมีอยู่จริงหรือไม่? พวกเขารู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับสินค้าการประมูลเช่นนั้นหรือ”
“ด้วยสถานะของขวงจวิ้นอ๋อ การจะรู้เรื่องของที่นำมาประมูลในงานประมูลบางส่วน นั่นคือเรื่องปกติมาก”
“วันนี้จะต้องคำนวณเงินทุนเสียหน่อย เพื่อที่จะได้ไปเข้าร่วมงานประมูลในวันพรุ่งนี้!” ที่ขวงจวิ้นอ๋องส่งบัตรใบนี้มาให้นาง เพราะจะต้องมีเป้าหมายอื่นอย่างแน่นอน
ถึงจะรู้ว่าเขามีเป้าหมาย แต่นางก็ไม่อาจที่จะไม่ไปได้ เนื่องจากนางไม่สามารถที่จะพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวว่า “ขอรับ!”
รายการสินค้าที่นำมาประมูลในโรงประมูลหวางเฉิงได้ตกลงกันเป็นการภายในเรียบร้อยแล้ว และไม่รับการประมูลจากของภายนอก เช่นนั้นมู่เฉียนซีจึงไม่มีทางที่จะรวบรวมยาลูกกลอนจากภายนอกเป็นเงินทุนได้ และโม่เชวี่ยไม่สามารถที่จะเพิ่มเงินด้วยการขายยาลูกกลอนที่รวบรวมมาได้ในตลาดใต้ดินจำนวนมากภายในวันเดียว
เมื่อจิ่วเยี่ยเห็นว่ามู่เฉียนซีรู้สึกเป็นกังวลกับเรื่องนี้เล็กน้อย จึงกล่าวกับนางว่า “ซียังมีข้าอยู่!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่าน? ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ท่านเพิ่งจะมายังเมืองหงส์ ท่านมีผลึกวิญญาณหงส์แล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ต้องไม่มีแน่นอนอยู่แล้ว ข้ามองว่าตอนนี้ท่านจนกว่าข้าเสียอีก จะให้ข้าเลี้ยงดู ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่?” บนใบหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
จิ่วเยี่ยนิ่งเงียบไป จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ซีกล่าวไม่ผิด ในตัวของข้าไม่มีผลึกวิญญาณหงส์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว”
“ข้ารู้อยู่แล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีไว้แล้วกล่าวว่า “ซีบอกจะเลี้ยงข้า เจ้าจะรักษาคำพูดหรือไม่?”
“ข้ามีผลึกวิญญาณหงส์ไม่ขาดมือ เลี้ยงท่านแค่คนเดียว จะต้องเลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
“อย่างไรก็ตาม ข้ามีความอยากอาหารเป็นอย่างมาก อยากมากจนอยากที่จะกลืนซีลงไปทั้งตัว ซียังยอมที่เลี้ยงข้าอยู่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี “ข้าเสียใจแล้ว ทะ…ท่านขุดหลุมให้ข้ากระโดดลงไป ช่างดีเสียจริงหวงจิ่วเยี่ย!”
ไม่ใช่ว่าเพิ่งหัวเราะเยาะว่าเขายากจนอย่างนั้นหรือ? ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกแก้แค้นกลับทันทีเช่นนี้
“ในเมื่อซีรับปากแล้ว ก็จะมาเสียใจไม่ได้อีกแล้ว!” ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยมีร่องรอยของรอยยิ้มแห่งชัยชนะแฝงอยู่ด้วย
งานประมูลของโรงประมูลหวางเฉิงได้เริ่มขึ้นแล้ว มู่เฉียนซีไปงานประมูลด้วยกันกับโม่เชวี่ย
เมื่อเข้าไปภายในงานแล้วก็ไปเจอเข้ากับไป๋ฉาง “มู่เฉียนซี เจ้ามาได้อย่างไร? เจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงมาเข้าร่วมงานประมูลของโรงประมูลหวางเฉิงเช่นนี้”