ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1652 เลี้ยงไม่ไหวแล้ว
ไป๋ฉางไม่ชอบมู่เฉียนซีมาโดยตลอด เพียงแต่เขารู้จักตนเองดี และรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี เช่นนั้นหลังจากที่กลับมาจากแคว้นหลอมอัสนีแล้วเขาก็ไม่กล้าเข้าไปหาเรื่องมู่เฉียนซีอีกเลย
แต่ในตอนนี้มาเจอมู่เฉียนซีที่โรงประมูลหวางเฉิง ในที่สุดโอกาสที่เขาจะได้บีบนางก็มาถึงเสียที
“คุณสมบัติ! ขวงจวิ้นอ๋องส่งคนมามอบบัตรแสดงตัวตนให้กับข้า แล้วเจ้าคิดว่าข้ามีคุณสมบัติหรือไม่ล่ะ?”
มู่เฉียนซีหยิบบัตรแสดงตัวตนใบหนึ่งออกมา และนั่นก็คือการโจมตีเขาให้ตายได้ภายในครั้งเดียว
สีหน้าของไป๋ฉางบูดบึ้งเป็นอย่างมาก และมู่เฉียนซีก็เดินนำหน้าเขาเข้าไปในงานก่อนก้าวหนึ่ง
หลังจากที่ทำการตรวจสอบบัตรแสดงตัวตนแล้ว เด็กรับใช้ก็กล่าวว่า “แม่นางมู่ ห้องส่วนตัวที่ชั้นสี่ได้จัดเตรียมไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว เชิญด้านบน!”
ไป๋ฉางบีบบัตรแสดงตัวตนของเขาไว้แน่น บัตรแสดงตัวตนของเขาใบนี้สามารถขึ้นไปได้เพียงแค่ชั้นสองเท่านั้น
ไป๋ฉางหันหน้ากลับไปมองโม่ชิงอู่ที่อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งพลางกล่าวว่า “ชิงอู่ เหตุใดพ่อบุญธรรมของเจ้าช่างเลือกที่รักมักที่ชังเช่นนี้ สามารถเอาบัตรแสดงตัวตนที่อยู่ชั้นสี่ให้กับมู่เฉียนซีได้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะไม่ให้เจ้าด้วย”
โม่ชิงอู่กล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ท่านพ่อบุญธรรมต้องการที่จะทำอะไร? แน่นอนว่าจะต้องเป็นการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะตัดสินใจได้”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ!” โม่ชิงอู่เดินเข้าไปข้างในแล้ว ขณะเดียวกันสีหน้าของไป๋ฉางก็มีแต่ความรู้สึกขุ่นเคืองใจ
ตอนที่เข้าไปในห้องส่วนตัว อยู่ ๆ เจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างกะทันหัน และในตอนนี้กลับมีชายที่สวมชุดสีดำคนหนึ่ง นั่งอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี
“ขะ…เขา…” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยเบิกตาโพล่งขึ้น
ไม่มีผู้ใดที่สามารถลักลอบเข้ามาในโรงประมูลหวางเฉิงได้ แต่ทว่าชายผู้นี้กลับเข้ามาได้แล้ว
การมีอยู่ของจิ่วเยี่ย มู่เฉียนซีก็ไม่อาจที่จะปิดบังเจ้าเมืองโม่เชวี่ยที่ให้ความร่วมมือกันอยู่ตลอดได้ เช่นนั้นจึงได้พูดเรื่องนี้ออกมาก่อน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ย เขาคือจิ่วเยี่ย อาจจะอยู่ข้างกายของข้าตลอดเวลา ท่านจะต้องเคยชินเข้าไว้! แต่ทว่าการมีอยู่ของเขา ท่านห้ามพูดออกไป มิฉะนั้นอย่าโทษว่าข้าโมโหโดยไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้นก็แล้วกัน”
“ขอรับ! ข้าไม่พูดจาส่งเดชอย่างแน่นอน” โม่เชวี่ยกล่าว
เสียงเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยดังขึ้นมาว่า “คำแนะนำของซี ไม่ครอบคลุมเอาเสียเลย! ข้าก็คือว่าที่สามีของซี”
จิ่วเยี่ยเอามู่เฉียนซีมากอดไว้ในอ้อมกอด และใช้ท่าทางที่ใกล้ชิดมากที่สุด เพื่อแสดงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของเขาทั้งสองคน
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยอยู่ในฐานะที่เป็นก้างขวางคอ และยังรู้สึกได้ถึงความอันตรายและความน่าเกรงขามของผู้ยิ่งใหญ่ ฉะนั้นจึงทำได้เพียงแค่ลดความรู้สึกการมีตัวตนอยู่ของตนเองลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ไปขวางหูขวางตาเขาผู้นั้น
งานประมูลใกล้ที่จะเริ่มขึ้นแล้ว และสิ่งของที่จะเป็นประโยชน์ต่อเผ่าหงส์มากมายหลากหลายต่างก็จะถูกนำออกมาประมูลด้วยเช่นกัน
อย่างเช่นพวกนทีแห่งวิญญาณของสายเลือดบริสุทธิ์เอย! ยาเสริมความแข็งแกร่งเป็นต้นเอย…
ยาลูกกลอน ขายได้ราคาแพงมากจริง ๆ
ดังนั้นนี่ก็เป็นโอกาสในการหาเงินที่ง่ายมากที่สุด ซึ่งมู่เฉียนซีเกือบจะพลาดไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ย จำเป็นที่จะต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง ถึงจะสามารถส่งยาลูกกลอนไปขายในงานประมูลได้”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวว่า “สิ่งนั้นไม่ใช่ระดับที่ข้าสามารถเอื้อมไปถึงได้ ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ว่าข้าจะพยายามไปสอบถามมาให้”
“อื้ม!”
หลังจากนั้น ก็มีสมุนไพรวิญญาณแบบพิเศษก็ถูกนำออกมาประมูล ซึ่งมู่เฉียนซีก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
หากอยู่ที่แดนซวนเทียนหรือเป็นผู้บำเพ็ญภูตระดับสี่ พวกเจ้าบ้านตระกูลคหบดีคงลงมือใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยไปนานแล้ว
แต่ทว่าตอนนี้มันกลับแตกต่างออกไปแล้ว ขวงจวิ้นอ๋องไม่รู้ว่านางคือนักปรุงยา เช่นนั้นสิ่งของที่เขาพูดถึง ก็คงจะไม่ใช่สมุนไพรวิญญาณอย่างแน่นอน แต่เกรงว่าจะเป็นเคล็ดวิชาที่เหมาะสมกับเจ้าเสี่ยวโม่โม่เสียมากกว่า
ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงแค่ยั้งมือไว้เท่านั้น แต่ผลลัพธ์ก็คือ…มีเสียงที่เย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยดังขึ้นมา
“ห้าสิบล้าน!”
ทันทีที่จิ่วเยี่ยเสนอราคา ทั่วทั้งงานต่างก็เงียบเสียงลงทันที และในที่สุดเขาก็ได้ประมูลสิ่งนี้ไป
ถึงแม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้จะขายสมุนไพรวิญญาณแล้วทำเงินมาได้ไม่น้อย เพียงแค่ห้าสิบล้านหยกวิญญาณหงส์ก็ยังพอที่จะจ่ายไหว แต่หลังจากนี้หากเจอเคล็ดวิชา แล้วเงินทุนของนางหดหายไปจนประมูลมาไม่ได้จะทำอย่างไรล่ะ?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านมีเงินหรือ?”
“ข้าไม่มี ซีมี เจ้าบอกว่าจะเลี้ยงข้า” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างราบเรียบเป็นอย่างมาก
“ใช่แล้ว! ข้าบอกแล้ว ซื้อก็ซื้อ!”
“ซีชอบก็ซื้อเถอะ” จิ่วเยี่ยพูดที่ข้างหูของมู่เฉียนซี
ไม่ใช่สิ! เมื่อโม่เชวี่ยได้ยินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ไม่มีเงินนี่!
ท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่ดูแล้วมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเพียงผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินคนหนึ่งเท่านั้นเอง
เมื่อเจ้าเมืองโม่เชวี่ยได้ยินจิ่วเยี่ยกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่าไม่มีเงินและจะให้มู่เฉียนซีเลี้ยง ทำให้สายตาของเขามีความพูดยากขึ้นเล็กน้อย
ราชาจิ่วเยี่ยจะมีเงินหรือไม่นั้นไม่สำคัญ เพราะเขาก็ยังคงเสนอราคาอย่างร่ำรวย และสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดก็ได้รวมมาอยู่ในกระเป๋าของเขาแล้ว
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง “หวงจิ่วเยี่ย ท่านที่เป็นเช่นนี้ดูเหมือนว่าข้าจะเลี้ยงไม่ไหวเสียแล้ว”
“ไม่มีปัญหา!” จิ่วเยี่ยพ่นตัวอักษรที่มีค่าดั่งทองออกมา
ในช่วงสุดท้าย ซึ่งในที่สุดก็ถึงช่วงที่สำคัญที่สุดแล้ว และสิ่งสำคัญตอนสุดท้ายก็ทำให้คนทั้งเผ่าหงส์นิลต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ผู้ประมูลกล่าวว่า “สิ่งของที่จะนำมาประมูลต่อไปนี้ก็คือเคล็ดวิชาฝึกฝนของบรรพบุรุษหงส์นิล นั่นคือเคล็ดวิชาโม่หยวนนิพพาน”
ในตอนที่เคล็ดวิชานั้นถูกหยิบออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแล้วกล่าวว่า “เหตุใดถึงพังเสียแล้วล่ะ?”
“ไม่สมบูรณ์!”
“นี่เป็นเพียงส่วนที่เหลืออยู่เท่านั้น ยังคงมีอยู่อีกครึ่งหนึ่ง! ในเมื่อมันเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว ฉะนั้นก็ไม่มีราคามากนัก สำหรับท่านใดที่สนใจแล้วละก็ เช่นนั้นก็มาประมูลอย่างเต็มที่ บางทีหลังจากที่ได้ฝึกฝนมันแล้ว ตระกูลของพวกท่านอาจจะถือกำเนิดผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหงส์นิลขึ้นมาก็ได้” ผู้ประมูลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เคล็ดวิชาฝึกฝนของบรรพบุรุษนั้นดึงดูดผู้คนมากเกินไปแล้ว แม้ว่าจะต้องใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมด แต่ก็จะต้องเอามาให้ได้
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย “การประมูลนี้ช่างไร้ยางอายเกินไปแล้ว จงใจที่จะโอ้อวด เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าราคาจะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน!”
“จิ่วเยี่ย เคล็ดวิชานี้เป็นเช่นไร?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เหมาะสมกับเจ้าตัวน้อยนั่น ต้องประมูลมาอยู่แล้ว!” จิ่วเยี่ยตอบกลับ
แววตาของเขามองไปที่เคล็ดวิชานั้น แล้วกล่าวว่า “พันล้าน!”
“โอ้!” ทุกคน
จิ่วเยี่ยเป็นผู้เสนอราคาเป็นคนแรก เมื่อเสนอราคาแรกออกไป มันก็ทำให้คนอื่นตื่นตกใจจนอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว นี่มันไม่มุทะลุดุดันเกินไปหน่อยหรือ!
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยตกอกตกใจยกใหญ่ “ท่านมู่…นี่…พันล้าน!”
จิ่วเยี่ยบอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีเงิน แต่ทว่าทรัพย์สินของมู่เฉียนซีก็ไม่ได้มีมากมายถึงเพียงนั้น ซึ่งมันเกิดปัญหาแล้ว
“ท่านมู่ หากว่าประมูลมั่วซั่วในงานประมูลของเมืองหลวงแล้วสุดท้ายไม่มีเงินจ่ายแล้วละก็ อาจจะโดนเข้าบัญชีดำของโรงประมูลหวางเฉิงก็ได้นะขอรับ อีกทั้งยังมีจุดจบที่น่าเวทนาอีกด้วย พวกเรา…”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว มันก็คงจะไม่มีประโยชน์ที่มาบอกเรื่องนี้กับข้าแล้ว ปัญหาทุกอย่างมักมีทางออกเสมอ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องเอาของสิ่งนี้มาให้ได้”
ราคานี้ ก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะขวงจวิ้นอ๋องได้
“คนที่อยู่ในห้องส่วนตัวคนนี้ ที่จริงแล้วเป็นใครกันแน่?” ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวถาม
“บัตรใบนั้นเป็นของจวิ้นอ๋องที่มอบให้ เช่นนั้นคนที่เป็นเจ้าของก็คือมู่เฉียนซี แต่คนที่เสนอราคานั้นเป็นผู้ชาย น่าจะเป็นคนที่มู่เฉียนซีพาเข้ามาด้วยขอรับ”
สายตาของขวงจวิ้นอ๋องเป็นประกายทว่ามืดมน “สาวน้อยผู้นี้ มีเงินมากขนาดนั้นเลยหรือ? ดูท่าทางแล้วนางต้องการของสิ่งนี้ก็เพื่อผู้ผูกพันธสัญญาของนางเอง และแน่นอนว่าข้าไม่อาจให้นางเอาไปได้อย่างง่ายดายแน่”
“หนึ่งพันสิบล้าน!” ขวงจวิ้นอ๋องเสนอราคา
จิ่วเยี่ยเตรียมที่จะเสนอราคาต่อ แต่กลับถูกมู่เฉียนซีนำไปก่อนก้าวหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หนึ่งพันสิบเอ็ดล้าน”
ขวงจวิ้นอ๋องกระซิบกล่าวว่า “ที่แท้แล้วก็เป็นมู่เฉียนซี”
“หนึ่งพันยี่สิบล้าน!” ขวงจวิ้นอ๋องเพิ่มราคาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็มองไปยังห้องส่วนตัวที่มู่เฉียนซีอยู่พลางกล่าวว่า “แม่นางมู่ สิ่งของชิ้นนี้มีความจำเป็นต่อข้า! ถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วมันก็จะตกอยู่ในมือของเจ้า เนื่องจากข้ารู้ว่าผู้ใดคือผู้ที่เหมาะสมกับเคล็ดวิชานี้”
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล และต่างก็กล่าวกันอย่างประหลาดใจว่า “พระเจ้า! ขวงจวิ้นอ๋องเตรียมที่จะประมูลเคล็ดวิชาที่ราคาสูงเสียดฟ้านี้เพื่อส่งมอบให้กับคนอื่น!”