ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1654 รับลมยามค่ำคืน
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “เจ้านี่เด็กเกินไปแล้ว ตอนนี้ผู้ดูแลคงจะไปปรึกษากันว่าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร และเมื่อถึงตอนที่ผลของการปรึกษากันออกมาแล้ว ก็จะไม่เหลือทางหนีให้เจ้าอีก เจ้าจะต้องคิดให้ชัดเจนถี่ถ้วนนะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าคิดอย่างชัดเจนดีแล้ว ข้าไม่อยากให้เสี่ยวโม่โม่เป็นลูกสาวบุญธรรมของท่าน เชิญท่านกลับไปเถิด!”
“ขวงจวิ้นอ๋อง เชิญท่านไปเถิด!”
มู่เฉียนซีไล่คนออกไป และคนที่อยู่ข้างนอกที่ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายก็ได้ช่วยเชิญขวงจวิ้นอ๋องให้ออกไปด้วยเช่นกัน
ขวงจวิ้นอ๋องก้าวมาข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”
“ขวงจวิ้นอ๋องคิดมากเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าข้าไม่น่าจะเสียใจภายหลังนะ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
เมื่อตอนที่ขวงจวิ้นอ๋องถูกเชิญให้ออกไปนั้น เขาก็ได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ “ดูท่าแล้วเจ้าเด็กน้อยผู้นี้จะยังลำบากไม่มากพอ จึงไม่ยอมรับน้ำใจจากข้าในตอนนี้ เมื่อถึงเวลานั้นก็อย่ามาขอร้องข้าก็แล้วกัน”
หรือว่า…เดิมทีแล้วมู่เฉียนซีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขอร้องเขาอย่างนั้นหรือ?
ผู้ดูแลโรงประมูลหวางเฉิงได้นำสิ่งของที่มู่เฉียนซีต้องการมามอบให้ “นายหญิง ท่านลองดูว่ายังมีสิ่งที่ต้องการอยู่อีกหรือไม่?”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ยอดเยี่ยมมาก! ข้าพอใจมากทีเดียว”
นางเอาขวดยาลูกกลอนออกมาจากแหวนมังกรเทพวารีสองสามขวดพลางกล่าวว่า “ข้าพูดแล้วว่าจะไม่เอาเปรียบโรงประมูลของพวกเจ้า ก็จะไม่ปฎิบัติต่อพวกเจ้าอย่างขาดความมโนธรรม! ขวดยาลูกกลอนเหล่านี้ เจ้ารับไปแล้วเอาไปขายประมูลในครั้งต่อไปเถอะ!”
เมื่อตอนที่ผู้ดูแลเปิดขวดยา ต่างก็ตะลึงงันไปในทันที
“นี่คือยาพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต! ทันทีที่นายหญิงหยิบออกมา มันเป็นของที่ล้ำค่ามากจริง ๆ! สิ่งนี้พวกเราไม่อาจรับเอาไว้ได้”
ถึงแม้ว่าจะอยากได้เป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงกล่าวปฏิเสธอย่างกระมิดกระเมี้ยนอยู่ดี
ของสิ่งนี้เขาจะกล้ารับได้อย่างไร?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “รับไปซะ! หากว่ามันขายดีแล้วละก็ บางทีข้าอาจจะส่งมาเข้าประมูลที่โรงประมูลหวางเฉิงอีกก็ได้”
“นี่…” ผู้ดูแลยังคงไม่กล้าอยู่ดี
ในเวลานี้หวงจิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “รับไปซะ!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
คำว่าจิ่วเยี่ยสองคำนี้ มีประโยชน์มากกว่าอะไรทั้งหมดจริง ๆ
เคล็ดวิชาของเสี่ยวโม่โม่มาอยู่ในมือแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม และสมุนไพรวิญญาณก็มาอยู่ในมือแล้วเช่นกัน ในตอนนี้มู่เฉียนซีวางแผนที่จะจากไปแล้ว
และนางก็ได้วางแผนไว้อีกด้วยว่าจะกลับไปฟังคำอธิบายของจิ่วเยี่ย! ว่าเอาโรงประมูลหวางเฉิงที่ทำกำไรได้มากที่สุดของโลกหงส์มาได้อย่างไร
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปกันเถอะ!”
เมื่อตอนที่เจ้าเมืองโม่เชวี่ยเดินออกมาจากโรงประมูล เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในความฝันอย่างไรอย่างนั้น และคนทั้งคนนั้นก็ตกอยู่ในภวังค์ไปโดยสิ้นเชิง
แม้ภายในใจจะมีข้อสงสัยที่อยากถามมากมาย แต่ทว่าเขาก็รู้ว่าสิ่งใดควรถาม และสิ่งใดที่ไม่ควรถาม
มู่เฉียนซีกลับออกมาจากโรงประมูลหวางเฉิงได้อย่างปลอดภัย และสิ่งนี้ก็ทำให้ขวงจวิ้นอ๋องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“อะไรกัน? นางออกมาจากโรงประมูลหวางเฉิงอย่างปลอดภัยได้อย่างไรกัน?”
“ขวงจวิ้นอ๋อง พวกเราได้ไปสอบถามมาแล้ว! แต่ทางโรงประมูลหวางเฉิงบอกมาว่าเป็นความลับของลูกค้า เช่นนั้นจึงพูดออกมาไม่ได้! ข้าคิดว่านางน่าจะเอาสมบัติอะไรบางอย่างมาค้ำประกันเอาไว้ โรงประมูลหวางเฉิงถึงได้ปล่อยนางออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้”
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “ข้าดูถูกนางมากเกินไปแล้วจริง ๆ!”
“เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปได้อีกแล้ว จำเป็นที่จะต้องลงมือให้นางส่งมอบหงส์น้อยตัวนั้นมาให้ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อกลับมาถึงที่พักของพวกเขาแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ตอนนี้ท่านน่าจะอธิบายเรื่องจริงมาได้แล้วนะ!”
หวงจิ่วเยี่ยกล่าวว่า “ที่เผ่าเทพมีคนของข้าอยู่ และเขาก็เพิ่งจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเจ้านายโรงประมูลหวางเฉิงพอดี เช่นนั้นโรงประมูลนี้ก็ถือว่าเป็นของข้า เรื่องในวันนี้ ข้าให้จื่อโยวเป็นคนจัดการแล้ว”
จิ่วเยี่ยยังกล่าวต่อไปอีกว่า “ในเมื่อต้องการที่จะหาคัมภีร์หมื่นคำสาปในเผ่าหงส์ มันก็เป็นไปได้มากว่าจะต้องเปิดสงคราม! ข้าได้ให้จื่อโยวไปเตรียมการแล้ว”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เปิดสงครามอย่างนั้นหรือ จิ่วเยี่ยท่านมีความมั่นใจมากแค่ไหนกัน?”
“พวกเขาไม่ตาย! ก็ออกไปจากเผ่าหงส์อย่างสมบูรณ์” ดวงตาของหวงจิ่วเยี่ยเปล่งประกายเย็นยะเยือก
“ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจิ่วเยี่ยจะมั่นใจในตนเองมากเหลือเกิน ข้าจะคอยดูท่าน!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มีดวงตาหลายคู่ของเผ่าหงส์กำลังจับตามอง คิดอยากจะหาคัมภีร์หมื่นคำสาป ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องวางแผนอย่างสมบูรณ์เพียบพร้อม
ในตอนแรกนางคิดถึงสถานการณ์ของเผ่าหงส์ง่ายจนเกินไปแล้ว
เมื่อได้สมุนไพรวิญญาณมาจากโรงประมูลแล้ว มู่เฉียนซีก็เริ่มทำการกลั่นยาแก้พิษในทันที
หลังจากที่ทำการสกัดยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในคืนที่มืดมิดและลมพัดแรง มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ออกไปรับลมกันไหม?”
จิ่วเยี่ยโอบกอดมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ยามค่ำคืนเช่นนี้ ข้ามีความสุขที่จะกอดซีแล้วก็พักผ่อนไปด้วย และไม่ใช่การออกไปรับลมข้างนอก”
“แต่ว่า ข้ามีเรื่องที่จะต้องทำนิดหน่อย! ท่านไปเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?”
ครั้งที่แล้วตอนบุกเข้าไปในวังจักรพรรดิหงส์นิลตอนกลางดึกจนเกือบจะถูกจับได้ และยังถูกจิ่วเยี่ยสั่งสอนบทเรียนให้อย่างหนักอีกด้วย ครั้งนี้จึงไม่กล้าที่จะแอบไปลับหลังเขาอีก ฉะนั้นแน่นอนว่าเลยต้องลากเขาออกไปด้วยกัน
จิ่วเยี่ยตอบกลับมาว่า “แน่นอนว่าหากซีขอร้อง ข้าก็ยินดีที่จะไปเป็นเพื่อนอยู่แล้ว!”
จิ่วเยี่ยกอดเอวของมู่เฉียนซีเอาไว้นั้น จากนั้นเงาดำก็หายไปในชั่วพริบตา
ด้วยการเดินทางราวจรวดของหวงจิ่วเยี่ยในร่างมนุษย์ มู่เฉียนซีก็เข้ามาถึงกลางห้องหนังสือของราชาโม่ได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่าด้านนอกจะมีองครักษ์เฝ้าอยู่หลายชั้น แต่กลับไม่มีผู้ใดค้นพบเลยสักคนเดียว ไม่ยุ่งยากเหมือนครั้งที่แล้วเลย
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อมู่เฉียนซีหาประตูใหญ่ห้องมืดนั้นเจอแล้ว ก็เข้าไปเคาะประตูก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูบานนั้นก็เปิดออก ราชาโม่เดินออกมาจากข้างในนั้น แล้วมองมายังมู่เฉียนซีอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะมาจริง ๆ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แน่นอนสิ”
“ครั้งนี้ เจ้าไม่ถูกคนพบเห็นเลยจริง ๆ สินะ!”
“ความล้มเหลวที่เหมือนกัน ไม่อาจเกิดขึ้นได้เป็นครั้งที่สอง”
ราชาโม่กล่าวว่า “แต่เป็นเพราะครั้งที่แล้วเจ้าบุกเข้ามาในพระราชวัง องครักษ์ในครั้งนี้เลยเข้มงวดมากยิ่งขึ้นไปอีก”
“นั่นก็แสดงให้เห็นว่าข้าเก่งกาจมากยิ่งขึ้นแล้วอย่างไรล่ะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มีราชาจิ่วเยี่ยเพิ่มมาด้วยอีกคนหนึ่ง ไม่เปลี่ยนเป็นเก่งกาจขึ้นก็แปลกประหลาดเกินไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าต้องการจะทำการรักษาให้ท่าน แต่ว่าที่นี่ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ไปที่ห้องลับของท่านจะเหมาะสมมากกว่า สามารถเข้าไปได้หรือไม่?”
“ห้องลับก็ไม่ได้มีความลับอะไรหรอก เจ้าว่าเหมาะสม ก็ถือว่าเหมาะสม”
จากนั้นราชาโม่ก็เดินนำทางไป แล้วนำมู่เฉียนซีเดินเข้าไปภายในห้องลับนั้น
ภายในห้องเรียบง่ายมาก นอกจากเตียงน้ำแข็งที่ดูล้ำค่ามากเตียงหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีของอย่างอื่นอีกเลย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มีเตียงน้ำแข็งยิ่งดีเลย ท่านขึ้นไปนอนบนนั้นก่อนเถอะ!”
“อื้ม!”
หลังจากที่ราชาโม่นอนลงไปแล้ว มู่เฉียนซีก็หยิบเลือดออกมาถ้วยหนึ่ง มันคือเลือดของสัตว์เทพ ที่ได้ให้โรงประมูลหวางเฉิงไป
ธาตุวารีไหลวน เลือดของสัตว์เทพนั้นก็ออกมาจากถ้วย แล้วเปลี่ยนเป็นมีลวดลายลายหนึ่ง
ปึง! ราชาโม่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที และกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนของเผ่าคำสาป”
ราชาโม่มีชีวิตมานานมากขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องเคยเห็นนักเล่นคาถาอาคมแสดงการร่ายคำสาปอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีตอบกลับไปว่า “ราชาโม่ ท่านใส่ร้ายข้าแล้ว! ข้าเป็นเพียงคนที่รู้จักการร่ายคาถาครึ่ง ๆ กลาง ๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ใช่คนของเผ่าคำสาป หากต้องการให้ร่างกายของท่านดีขึ้น จำเป็นต้องร่ายคำสาปขจัดออก”
“ไม่คิดเลยว่าข้าจะถูกร่ายคำสาป!” ราชาโม่ชะงักไปครู่หนึ่ง ในตอนนี้ เขาไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่มีคนสังเกตเห็นอีกด้วย
ราชาโม่มองไปที่มู่เฉียนซีอย่างละเอียด แม่นางน้อยคนนี้มีภูมิหลังไม่ธรรมดา แต่ทว่าบรรยากาศบนร่างกายของนางไม่เหมือนกับคนของเผ่าคำสาปเลยแม้แต่นิดเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าอยู่ในอาณาเขตของท่านแล้ว หากไม่มีท่านคอยนำทาง เกรงว่าข้าคงจะไม่อาจหาทางออกไปจากห้องลับนี้ได้ เป็นอย่างนี้แล้วราชาโม่ยังไม่เชื่อใจข้าอีกเช่นนั้นหรือ?”
ราชาโม่กล่าวว่า “ตกลง! ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ใช่คนของเผ่าคำสาป เพียงแต่เจ้าบอกว่าเจ้ารู้เพียงแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ การแก้คำสาปของนักเล่นคำสาปหากผิดพลาดมันจะสะท้อนกลับไปได้ แม่สาวน้อย เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะเสี่ยงกับคนที่ใกล้จะลงโลงคนหนึ่งอย่างข้าเช่นนั้นหรือ?”