ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1662 ไม่วางใจมากที่สุด
ฉื้อเหยียนเซียวเป็นคนกระตือรือร้นมาก และมู่เฉียนซีก็ได้รู้ข้อมูลจากเขามาไม่น้อยเลยทีเดียว
ท่าทางที่แปลกประหลาดของฉื้อเหยียนเซียวนี้ จิ่วเยี่ยได้ให้คำอธิบายว่า “เผ่าหงส์เพลิงถูกจื่อโยวยึดมาได้แล้ว”
เผ่าเทพกำลังแทรกซึมไปยังเผ่าต่าง ๆ ทั่วทั้งโลกของหงส์ ความแตกต่างของพวกเขาไม่มากมายนัก เป็นเช่นนี้ถึงสามารถได้รับฐานที่มั่นมากขึ้น ได้รับข่าวสารมากขึ้น เมื่อถึงตอนที่ต้องเปิดสงคราม ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีกำลังคน
“พวกเขาไม่กล้าที่จะทรยศหรอก ซีสามารถวางใจได้” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
มู่เฉียนซีจับจิ่วเยี่ยเอาไว้แล้วกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าไม่วางใจมากที่สุด ก็คือท่านนั่นแหละ! จิ่วเยี่ยท่านมาที่โลกของหงส์นานขนาดนี้แล้ว รู้สึกไม่สบายบ้างหรือไม่?”
สภาพชีพจรปกติ พลังวิญญาณปกติ
ถึงแม้เมื่อมองดูผิวเผินแล้วจะไม่มีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย แต่ทว่ามู่เฉียนซีก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
ถึงอย่างไรเสียคำสาปนี้ของจิ่วเยี่ย ก็จัดการได้ไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย
จิ่วเยี่ยโอบมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมแขน แล้วกล่าวปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร”
“ผลการชำระล้างครั้งที่แล้วดีมาก ซีไม่ต้องกังวลหรอก”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่เพียงแค่ผลของการชำระล้างนั้นแข็งแกร่งหรือไม่ แต่เป็นเพราะว่าคัมภีร์หมื่นคำสาปของเผ่าหงส์นั้นค่อนข้างที่จะปลอดภัย! แต่หากมีปัญหาใด ต้องรีบบอกมาทันทีนะ เพราะข้าคือหมอของท่าน”
มุมปากของจิ่วเยี่ยกระตุกขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “น้อมรับคำสั่ง!”
หลังจากที่ช่างกวานซูเยว่จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้มาบอกพวกเขาว่า พรุ่งนี้เป็นวันที่จะได้เข้าไปในค่ายฝึกเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์
นางกล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้เนื้อหาที่ใช้ในการฝึกฝนอย่างจำเพาะเจาะจง พวกเจ้าทั้งสี่คน ก็สู้เขาล่ะ!”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ!”
ค่ายฝึกเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์อยู่นอกเมืองจื่อเฟิ้ง เมล็ดพันธุ์อัจฉริยะทั้งหมดของเผ่าหงส์ผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้เข้าไปแล้ว ชิงเสี้ยวเทียนแห่งเผ่าหงส์หยกและพวกเขาก็มองไปที่มู่เฉียนซีอย่างตกตะลึง “ผู้หญิงคนนี้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะมาด้วย เช่นนั้นก็ดีนะสิ!”
ชิงอ้าวเทียนกล่าวว่า “ใช่แล้ว! เมื่อมาที่นี่แล้ว ยังกลัวว่าจะจัดการนางไม่ได้อย่างนั้นหรือ? คาดว่าฉื้อเหยียนเซียวก็ไม่อาจปกป้องนางได้”
เดิมทีคิดว่ามู่เฉียนซีที่ผูกพันธสัญญากับหงส์น้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตัวหนึ่ง คงไม่มีคุณสมบัติที่ครบถ้วนเพียงพอจะมาที่นี่ได้ แต่ทว่าในเมื่อมาแล้วก็ดีเลย
มู่เฉียนซีกวาดสายตาผ่านไป คนจากเผ่าใหญ่ทั้งเก้าเผ่าต่างก็มาถึงที่นี่แล้ว ต่อมาก็มีชายชุดคลุมสีม่วงคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระฉับกระเฉง เขากล่าวออกมาว่า “ข้าคือครูฝึกของค่ายฝึกในครั้งนี้ ชื่อจื่อเจี๋ยจวิน ค่ายฝึกฝนของค่ายฝึกเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ หงส์ที่อายุมากกว่าห้าพันปี มนุษย์ที่อายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีถอนตัวออกไปเดี๋ยวนี้! หากถูกข้าจับโยนออกไปแล้วละก็ อาจจะต้องพบกับความทรมานไม่น้อย พวกเจ้าไตร่ตรองด้วยตนเองเสียเถอะ!”
ข้อกำหนดเป็นเช่นนี้ คงจะมีคนที่ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนปล่อยให้ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์เข้ามาในค่ายฝึกฝนครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตามข้อมูลของจื่อโยวที่ส่งมานั้น ช่องทางที่เปิดขึ้นโดยเผ่าราชวงศ์หลายพระองค์นั้น อนุญาตให้เพียงหงส์และมนุษย์ที่อยู่ในช่วงอายุนี้สามารถเข้าไปได้เท่านั้น
“พวกเจ้าไม่ยินยอมที่จะทำตามคำเตือนใช่หรือไม่! เด็ก ๆ!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! มีเงาร่างสีม่วงเหาะพุ่งตรงออกมา แล้วจับผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์เหล่านั้นออกไป
“ขะ…ข้าเพิ่งจะมีอายุเพียงหกพันปีเอง อายุมากกว่าพันปีไม่เห็นจะมีอะไรเลย? พวกเจ้าก็อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยเลย!”
“เพิ่งจะอายุครบหนึ่งร้อยปีเมื่อวานนี้เอง! นายท่าน ให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด”
“……”
จื่อเจี๋ยจวินเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเรื่องความเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะร้องขอความเมตตาเพียงใด ก็ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
ในเมื่อคิดอยากที่จะทะลวงเข้าไปในอากาศ เช่นนั้นก็จำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าตอบแทน
ครูฝึกจื่อกล่าวว่า “การฝึกฝนในครั้งนี้ สามารถที่จะคัดเลือกออกมาได้สิบห้าคน และพวกเจ้า จำเป็นที่จะต้องกลายเป็นคนที่อยู่ในสิบอันดับแรก ภายในบรรดาคนทั้งหมดเหล่านี้ มิฉะนั้นก็จะถูกคัดออก”
มีคนถามออกมาอย่างสงสัย “ไม่ใช่ว่าต้องสิบห้าคนเช่นนั้นหรือ? เหตุใดถึงเอาแค่สิบอันดับแรกด้วย”
“เนื่องจากว่ามีอยู่ห้าคน ที่เป็นระดับหัวกะทิของพวกเราเผ่าหงส์ม่วง และพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมในการฝึกฝนครั้งนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของครูฝึกจื่อ พวกเขาถึงได้ค้นพบว่าอัจฉริยะอันดับต้น ๆ สองสามคนของเผ่าหงส์ม่วง ไม่คาดคิดว่าต่างก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย
ถึงพวกเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ในบรรดาเผ่าราชาผู้ยิ่งใหญ่หลายพระองค์เผ่าหงส์ม่วงมีความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด และก็มีอำนาจมากที่สุด ฉะนั้นอัจฉริยะของพวกเขาจะต้องยิ่งเก่งกาจมากอยู่แล้ว
ครูฝึกจื่อกล่าวว่า “นับตั้งแต่ที่พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ การฝึกฝนก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! มองเห็นทางนั้นแล้วหรือยัง…”
ทางนั้น มีกระท่อมที่สร้างด้วยผลึกสีม่วงไว้อย่างหรูหราสิบห้อง และมีพลังวิญญาณที่เข้มข้นแผ่กระจายออกมาจากแต่ละห้องเหล่านั้น แน่นอนว่าจะต้องเหมาะสมต่อการฝึกฝนเป็นอย่างมากอยู่แล้ว
กระท่อมหลังน้อยที่ถูกสร้างขึ้นมาเช่นนี้ คาดว่าคงจะใช้เงินไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“จากนี้ไป คนที่ไปถึงทางนั้นและเข้าไปในกระท่อมได้เป็นคนแรก ก็จะสามารถค้างคืนอยู่ในนั้นได้ในวันนี้! ส่วนคนอื่น จะไม่มีที่อยู่!”
“เอาล่ะ! พวกเจ้าเริ่มปฏิบัติการได้แล้ว”
ทันทีที่ครูฝึกจื่อพูดคำนี้จบ คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นร่างเดิมในทันที และเหาะไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วมากที่สุด
ฉื้อเหยียนเซียวรู้สึกว่ามู่เฉียนซีเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง อีกทั้งสัตว์ผู้ผูกพันธสัญญาก็ยังไม่โตเต็มวัย การแข่งขันเช่นนี้ที่จริงแล้วเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ส่วนเขาเองก็พยายามพุ่งไปอย่างเต็มที่ เมื่อได้ห้องมาแล้วถึงเวลานั้นก็มอบให้แม่นางมู่ก็พอแล้ว
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ร่างเงาสีม่วงเงาหนึ่งจะพุ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็วปานลมกรดที่เต็มไปด้วยสายฟ้าแลบเช่นนี้
เมื่อเทียบกับปีกของสัตว์เทพหงส์ที่เติบโตแล้ว ยังเร็วกว่ามาก
และดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าเล็กน้อย
ด้วยการเคลื่อนไหวที่ลึกลับราวกับกลมกลืนไปกับห้วงมิติ ทำให้มู่เฉียนซีเป็นผู้นำไปแล้ว
ชิงเสี้ยวเทียนกล่าวว่า “พี่ใหญ่ พวกเราไปโจมตีนางกันเถอะ! ครูฝึกจื่อไม่ได้บอกว่าไม่สามารถโจมตีได้!”
“ใช่แล้ว! พวกเราสองพี่น้อง ลงมือด้วยกัน!”
ตูม!
ชิงเสี้ยวเทียนและชิงอ้าวเทียนลงมือโจมตีมู่เฉียนซีพร้อมกัน ถึงมู่เฉียนซีจะค้นพบแล้ว แต่ก็ไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด
ครูฝึกจื่อยืนอยู่กลางอากาศ และเห็นการกระทำทั้งหมดของสองพี่น้อง จึงได้แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ความเร็วของมนุษย์น้อยคนนั้นไม่เลวเลย ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!
ครืน!
แสงสีเขียวสว่างวาบปกคลุมมู่เฉียนซีเอาไว้ ผลก็คือมู่เฉียนซีเดินออกมาจากแสงสว่างนั้น และพุ่งตรงไปยังกระท่อมหลังแรกอย่างรวดเร็ว
ปัง! มู่เฉียนซีได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มู่เฉียนซีที่ยึดครองห้องแรกได้ ก็ทำให้คนต้องอิจฉาตาร้อนไม่น้อยเลยทีเดียว
มนุษย์ผู้นี้! ไม่คาดคิดเลยว่าจะรวดเร็วกว่าสัตว์เทพอย่างพวกเขาเสียอีก ช่างน่าตกใจเสียจริง ๆ เลย
ผู้ที่ครอบครองห้องที่สองได้ก็คือนายน้อยของเผ่าหงส์คราม ชื่อหลานเนี้ยนหลี่
คนผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีฟ้ายาว เมื่อมองดูแล้วดูเป็นคนสุภาพอ่อนโยน หากไม่รู้ว่าร่างเดิมของเขาคือสัตว์เทพ ก็อาจทำให้คนรู้สึกได้ว่าเป็นเพียงบัณฑิตสามัญธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ปัง ปัง ปัง!
และต่อมาแต่ละห้องก็ได้ถูกเข้าครอบครอง ฉื้อเหยียนเซียวช้าไปเพียงก้าวเดียวอย่างช่วยไม่ได้!
เขามองไปทางมู่เฉียนซี แม่นางมู่ช่างกล้าหาญมากจริง ๆ! นายท่านผู้นั้นชอบคนได้สมภาคภูมิอย่างแท้จริง
ผู้ที่ไม่มีห้องอยู่ ส่วนคนที่เหลืออีกหลายร้อยชีวิตต้องนอนกลางแจ้งกันเสียแล้ว
พวกเขามีความต้องการที่จะแย่งชิงมา แต่ทว่าเสียงของครูฝึกจื่อก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“เผ่าหงส์หยก ชิงอ้าวเทียนและชิงเสี้ยวเทียน ออกจากแถว!”
ชิงเสี้ยวเทียนชะงักไปครู่หนึ่ง และเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้ พลางกล่าวว่า “ครูฝึก!”
ครูฝึกจื่อกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้พวกเจ้าลงมือต่อสู้กับผู้อื่น โทษของพวกเจ้าคือการเข้าไปต่อสู้กันหนึ่งร้อยกระบวนท่าในมิติแรงโน้มถ่วง หากทำไม่ได้ตามจำนวน ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมา”
บทลงโทษนี้ แม้จะเป็นสัตว์เทพ ก็ค่อนข้างยากที่จะทนรับไหว อีกทั้งยังต้องลงมือกับพี่น้องแท้ ๆ ของตนเองอีกด้วย
ชิงเสี้ยวเทียนกล่าวว่า “แต่ว่า ครูฝึกท่านไม่ได้บอกว่าไม่สามารถโจมตีคนได้นี่ขอรับ! การที่ท่านลงโทษเช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว”
ครูฝึกจื่อกล่าวว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าได้ พวกเจ้าก็ไม่สามารถทำได้! หากว่าไม่ยอมทำตามคำสั่ง ก็รับผลที่ตามมาด้วยแล้วกัน”
“นี่คือครั้งแรกของข้า!”
“ครั้งแรกก็ต้องถูกลงโทษ! เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น”