ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1711 แยกสายเลือด
เรื่องนี้ก็ทำให้เผ่าคำสาปกลัดกลุ้มเช่นกัน รู้อย่างนี้เอากิเลนสักสองสามตัวมาคุมขังไว้ตั้งแต่แรกก็คงจะดี!
เผ่ากิเลนเป็นเผ่าที่มีจำนวนน้อยเป็นอย่างมาก บวกกับที่พวกเขาแต่ละคนหัวแข็งราวกับหินผาอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาไม่เคยฟังคำสั่งหรือการเตรียมการใด ๆ เลย ทั้งยังแว้งกัดบ้างเป็นครั้งคราวอีกด้วย
ไม่ว่าจะถามอย่างไรก็ไม่รู้ที่อยู่ของคัมภีร์หมื่นคำสาปเล่มนั้น ด้วยความโกรธหัวหน้าเผ่าจึงกำจัดพวกเขาไปไม่น้อยเลย และมีเพียงกิเลนตัวเดียวที่หนีไปได้ และตอนนี้ก็คาดว่าคงจะตายอย่างไม่สามารถตายได้อีกแล้ว
พวกเขาจะไปหาเลือดของเผ่ากิเลนมาได้จากที่ใดกันล่ะ?
ตูมม!
เทพราชาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ต้องยอมแพ้เช่นนี้จริง ๆ หรือ?
“ยังมีหนทางอื่นอีกหรือไม่?” เทพราชามองไปยังท่านหยา
ท่านหยากล่าวว่า “หนทางนั้นมีอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่ามันจะยุ่งยากไปเสียหน่อย แต่ทว่าตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว”
เทพราชากล่าวอย่างประหลาดใจว่า “หนทางอะไรหรือ?”
สายตาที่ชั่วร้ายของท่านหยาจ้องมองไปที่คนของเผ่าหงส์อัสนีและเผ่าหงส์ครามเหล่านั้น “ไม่ว่าจะเป็นหงส์หรือกิเลน ต่างก็เป็นเผ่าของสัตว์เทพโบราณด้วยกันทั้งนั้น พวกเราจะสังเวยด้วยเลือดสด ๆ จากนั้นก็ใช้คำสาปเพื่อดึงดูดคัมภีร์หมื่นคำสาปให้เริ่มการปลดผนึกออกมา ทั้งพลังของผนึกนี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ข้าคิดว่ามันไม่ได้ยากเลย เพียงแต่ว่าจะต้องใช้เลือดของสัตว์เทพหงส์มากเสียหน่อยเท่านั้นเอง”
ท่านเทพราชากล่าวด้วยน้ำเสียเย็นยะเยือกว่า “พวกเราที่อยู่ที่นี่ สิ่งที่ไม่ขาดเลยก็เห็นจะเป็นสัตว์เทพหงส์นี่ล่ะ!”
พลันนั้นเขาก็ออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าวว่า “ฆ่าพวกมันซะ!”
เพื่อที่จะเปิดผนึกออกมา เผ่าของเทพราชาก็เตรียมที่จะทำการสังหารหมู่ที่นี่ เขาคิดจะสังหารผู้ที่แข็งแกร่งของเผ่าหงส์ให้หมดสิ้น
หัวหน้าหงส์น้ำแข็งกล่าวว่า “ท่านเทพราชา”
“วางใจเถอะ ปิงหมิงของพวกเจ้าเป็นสัตว์พันธสัญญาของลูกชายข้า และเผ่าหงส์น้ำแข็งของพวกเจ้าก็ยอมจำนนแล้ว ฉะนั้นจะไม่ถูกพวกข้าโจมตีอย่างแน่นอน”
เหลยป้ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า “เทพราชา เจ้ากล้าหรือ! ข้าจะต่อสู้กับพวกเจ้าเอง”
ตูม!
นี่เป็นการต่อสู้ที่นองเลือดอย่างไม่ต้องสงสัย และหากผลลัพธ์คือความพ่ายแพ้ นั่นก็คือความตายเช่นกัน
ยารักษาอาการบาดเจ็บที่เหลยหมิงมอบให้หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีนั้นดีมาก หลังจากนั้นหัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีก็กล่าวว่า “เหลยหมิง เจ้ารีบออกไปจากที่นี่ซะ รีบไปเร็วเข้า!”
“ท่านพ่อ!”
“ในฐานะที่ข้าเป็นหัวหน้าเผ่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด! และเพื่อเป้าหมายของตนเอง คิดไม่ถึงเลยว่าอยากที่จะสังหารหมู่เผ่าของข้า ฝันไปเถอะ!”
หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีพุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง เหลยหมิงกำหมัดเอาไว้แน่น
เขาก็ไม่คิดที่จะเป็นกองกำลังที่หนีสงครามเช่นกัน ดังนั้นจึงหมายจะพุ่งออกไป…
ในตอนที่เหลยหมิงกำลังจะพุ่งออกไปนั้น ก็ได้มีร่างสีม่วงปรากฏตัวออกมาตรงหน้าเขาเสียก่อน
“เหลยหมิง เจ้าอย่าได้รนหาที่ตาย! คนที่นี่ต่างก็ต้องการเอาชีวิตของเจ้า”
ในเวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังต่อสู้อยู่กับศัตรู ทำให้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่ามู่เฉียนซีอยู่ทางนี้
เนื่องจากว่าไม่มีสายเลือดของเผ่ากิเลน เช่นนั้นผนึกเสาหินของเผ่ากิเลนนี้ จึงได้ไม่มีผู้ใดที่ถามถึง
กริชเล่มหนึ่ง กรีดลงบนฝ่ามือของมู่เฉียนซี
และเลือดสด ๆ ไหลลงมาจากบนปลายนิ้วมือทั้งห้าของนาง
ติ๋ง… เมื่อเลือดหยดลงบนเสาหินต้นนั้น มันก็ไม่ได้มีการตอบสนองใด ๆ เลยแม้แต่น้อย!
เหลยหมิงตกใจเป็นอย่างมาก นี่นางกำลังต้องการจะทำอะไรกันแน่?
เทพราชากล่าวว่า “นั่นมันสาวน้อยผู้นั้นนี่”
“แม่สาวน้อยผู้นี้คงจะมีปัญหาเสียแล้วกระมัง! เห็นชัดอยู่แล้วว่าเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ยังคิดว่าตนเองครอบครองสายเลือดของเผ่าสัตว์เทพอย่างนั้นหรือ?”
สายเลือดไม่บริสุทธิ์ หรือว่าต้องใส่เพิ่มเข้าไปอีกสักหน่อย
มู่เฉียนซีเตรียมที่จะหยดเลือดเพิ่มเข้าไปอีก แต่ผลสุดท้ายก็ถูกจิ่วเยี่ยคว้ามือเอาไว้เสียก่อน
ไม่เพียงแต่ถูกจับเอาไว้เท่านั้น แต่ทว่าเลือดที่อยู่บนมือของมู่เฉียนซีต่างก็ไหลไปอยู่ในมือของจิ่วเยี่ย คล้ายกับเขาอยากจะเรียกร้องอย่างโลภมาก
“ท่านอย่ามาทำให้สิ้นเปลือง ข้ายังต้องการที่จะเปิดผนึกนี้อีกนะ!”
“ซี ข้าสามารถเปิดผนึกนี้ได้” จิ่วเยี่ยเดินไปถึงเสาหินต้นนั้น จากนั้นก็วางมือเอาไว้บนเสาหินกิเลน
พลังที่ต้องใช้ในการเปิดผนึกอันนี้ แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย
จิ่วเยี่ยผ่อนคลายแรงกดดันของคำสาปลง ซึ่งทำให้พลังของคำสาปไหลทะลักออกมาได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น และคัมภีร์หมื่นคำสาปก็ได้ดูดซับพลังนั้นเข้าไป ซึ่งมันก็มากเพียงพอที่จะทำลายผนึกที่อ่อนแอเช่นนี้ได้
และในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ได้ทำให้คำสาปหาช่องโหว่พบได้ไม่น้อย เมื่อถึงเวลานั้นสถานการณ์ก็จะยิ่งควบคุมไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ท่านหยาที่กำลังอยู่ในการต่อสู้นั้นกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง “นี่…พลังคำสาปนี้ ชายผ้นี้เป็นใครกัน?”
สายตาของจิ่วเยี่ยยิ่งลึกล้ำมากยิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกถึงคัมภีร์หมื่นคำสาปที่อยู่ภายในผนึกนี้ที่กำลังล่อลวงให้เขาปลดผนึกออก
เห็นได้ชัดว่าขอเพียงแค่เขาลงมือก็จะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้แล้ว แต่ทว่าเขาจะทนให้หญิงสาวที่ตนเองรักได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร
“จิ่วเยี่ย!” มู่เฉียนซีออกแรง และใช้พลังอย่างมากในการดึงมือของจิ่วเยี่ยให้แยกออกจากบนเสาหินนั้น
“ข้ายังมีอีกวิธีหนึ่ง ให้ข้าได้ลองสักหน่อยได้หรือไม่!” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ไม่สิ เจ้าต้องพูดว่าได้เท่านั้น! เอาตามที่พูดเช่นนี้ล่ะ” นางรีบกล่าวต่ออย่างรวดเร็ว
จิ่วเยี่ยไม่ได้ตอบกลับและทำเพียงแค่จ้องมองไปที่นาง แต่มู่เฉียนซีก็ตัดสินใจด้วยตนเองไปแล้ว
นางหยิบเอาหม้อหยินหยางต้านสวรรค์ออกมา ต่อมาก็ได้เริ่มจัดเตรียมยา ซึ่งเป็นยาสำหรับแยกแยะสายเลือด
ยาชนิดนี้ ไม่ใช่ว่าหมอปีศาจเช่นนางจะทำออกมาไม่ได้
“ปกป้องข้าหน่อย ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเข้ามารบกวนข้าได้”
พวกเทพราชาและเหลยป้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม่สาวน้อยผู้นี้กำลังคิดที่จะทำสิ่งใดกันแน่?
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังจะปรุงยาเช่นนั้นหรือ?
ท่านหยาจ้องเขม็งไปที่หวงจิ่วเยี่ย และเขาก็แทบจะทนรอที่จะมองให้ทะลุหน้ากากสีดำของชายผู้นี้ไม่ไหวแล้ว
เขาไม่ใช่คนของเผ่าคำสาป แต่ทว่าพลังคำสาปบนร่างกายนั้นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
เขากล่าวว่า “เทพราชา ลงมือเถิด! จัดการกวาดล้างเหล่าหงส์ที่ไม่เชื่อฟังเหล่านี้ไปซะ”
“อื้ม!”
“เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อ!” องค์ชายแปดและปิงหมิงเดินกรีดกรายมาอย่างเชื่องช้า
เทพราชาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ไม่เลว! พวกเจ้าสามารถที่จะมาถึงที่นี่ได้ ข้าทั้งประหลาดใจและยินดีจริง ๆ”
เมื่อถูกเสด็จพ่อชมเชยแล้ว องค์ชายแปดก็ดีใจเป็นอย่างมาก
เพียงแต่เมื่อตอนที่เขามองเห็นมู่เฉียนซีที่อยู่ใต้เสาผนึกกิเลนที่ใหญ่โตมโหฬารนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นบูดบึ้งทันที
“ท่านพ่อ! มู่เฉียนซีผู้นั้น นะ…นางเกือบที่จะฆ่าข้าแล้ว ท่านจะต้องทำให้นางไม่ได้ตายดี”
“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็นั่งดูการต่อสู้อยู่อย่างปลอดภัยที่ด้านข้างนั้นเสีย ส่วนเรื่องความขัดแย้งของเด็กน้อย ก็รอให้ข้าได้จัดการเรื่องใหญ่ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที”
เทพราชามักจะพูดคำไหนคำนั้นเสมอ นั่นจึงทำให้องค์ชายแปดไม่กล้าที่จะบุ่มบ่าม
ปิงหมิงจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างเฉยเมย นางเป็นเพียงคนที่ต้องตายเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าทั่วทั้งร่างและจิตใจของมู่เฉียนซีกำลังตกอยู่ในการกลั่นยา และดูเหมือนว่าโดยรอบจะไม่มีการป้องกันเลยแม้แต่น้อย องค์ชายแปดจึงกล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “ในเมื่อเสด็จพ่อไม่ว่าอะไร เช่นนั้นข้าก็สามารถลงมือด้วยตนเองได้! การจะฆ่ามู่เฉียนซีเสียตั้งแต่ตอนนี้ มันก็ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นจบ องค์ชายแปดก็พุ่งออกไปทันที
ปิงหมิงสังเกตเห็นแล้ว แต่กลับไม่ได้ขัดขวางเอาไว้
“มู่เฉียนซี เจ้าไป…”
พรึ่บ!
เมื่อตอนที่องค์ชายแปดกำลังจะเข้าไปใกล้มู่เฉียนซี ก็ได้มีแสงสีดำลำแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้นมา
และเมื่อรอให้เขากลับมามีสติอีกครั้ง ตรงหน้าอกขององค์ชายแปดก็ปรากฏหลุมสีดำขนาดใหญ่ขึ้นมา หลุมดำนี้ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ และมันก็ได้ทำให้หัวใจของเขากลายเป็นความว่างเปล่าไปทันที
“เสด็จพ่อ ช่วยข้าด้วย!”
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต องค์ชายแปดได้กรีดร้องออกมาจนสุดเสียงอย่างแทบจะขาดใจ
เทพราชาในเวลานี้ เกือบที่จะเชือดคอของหัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีได้สำเร็จแล้ว แต่กลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกรีดร้องนี้ของผู้เป็นลูกชาย
ปัง!
เขาเห็นลูกชายของตนเองนอนจมอยู่ในกองเลือด แต่ทว่าในตอนนี้เขาไม่ได้มีความโกรธเลย
ถูกฆ่าไปแล้ว!
ไม่คาดคิดเลยว่าลูกชายของตนเองจะมาถูกผู้อื่นสังหารต่อหน้าต่อตาของตนเองเช่นนี้
เทพราชากล่าวด้วยความโกรธ “ใครกัน?”
เมื่อเขามองผ่านไป ก็เห็นเพียงมู่เฉียนซีที่กำลังกลั่นยาอยู่ “ลูกชายของข้าตายไปก็เพราะเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็ตายไปเสียเถอะ!”