ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1714 เจ้านายโง่เง่า
สุสานลอยฟ้า และแท่นบูชาที่พังทลาย ในเวลานี้ดวงตาทั้งสองของพวกเขา มีเพียงกันและกันเท่านั้น
เช่นเดียวกันกับสัตว์ที่ดุร้าย ที่ใช้แววตากลืนกินมู่เฉียนซีทีละเล็กละน้อยหลายร้อยรอบ
ด้านบนของเศษซากปรักหักพัง ก็มีเศษซากเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น
บนผิวกายที่ขาวละเอียดราวกับหยก ได้ถูกทิ้งร่องรอยเอาไว้นับไม่ถ้วน
นี่ก็คือเหยื่อที่ไม่มีวันที่จะยอมแพ้ตัวหนึ่ง และดวงตาสีเข้มของมันก็ได้จ้องมองลึกลงไปที่หวงจิ่วเยี่ย
ถึงจะใช้ยาไปหลายตัวแล้ว แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดเลย ในทางกลับกันยิ่งทำให้จิ่วเยี่ยกัดลึกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
คำสาปได้ระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “จิ่วเยี่ย ข้าหมดปัญญาที่จะช่วยท่านแล้วจริง ๆ มันเกือบที่จะสำเร็จอยู่แล้ว ท่านไม่อาจพ่ายแพ้อยู่ที่นี่ได้”
มู่เฉียนซีได้กัดลงไปที่ปลายลิ้นของจิ่วเยี่ย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยอย่างไรอย่างนั้น และเขาก็ยังคงพัวพันต่อไป พร้อมกันนั้นก็ยังเคลื่อนไหวไปอย่างดุเดือดบ้าคลั่งอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงแล้วจิ่วเยี่ยก็เลิศรสมากเช่นกัน เพียงแต่มันไม่ใช่ตอนนี้นะสิ!”
ดวงตาสีฟ้าเข้มที่ลึกล้ำคู่นั้น ในเวลานี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเปลวเพลิง
ทันใดนั้น ทั่วทั้งร่างของมู่เฉียนซีก็ได้ถูกเปลวไฟห่อหุ้มเอาไว้ แต่ทว่าจิ่วเยี่ยก็ยังคงไม่ยอมรามือ
จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกมา และร่างสีแดงสดก็ได้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี
“เจ้านายโง่เง่า ถูกชายที่สูญเสียการควบคุมรังแกจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว เพิ่งจะให้ข้าจัดการ มันไม่ดีเลยแม้แต่น้อย”
ดวงตาที่มีสีแดงราวทับทิมจ้องมองไปยังใบหน้าของมู่เฉียนซี ด้วยสีหน้าที่หมดหนทาง
แน่นอนว่า เมื่อหันไปมองทางจิ่วเยี่ย จิตสังหารที่กระหายเลือดนั้น ก็ไม่ได้ถูกปิดบังอีกต่อไปแล้ว
“ข้าต้องการที่จะฆ่าท่านมากจริง!”
กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของกระบี่พวยพุ่งออกมา พิฆาตวิญญาณได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
จิ่วเยี่ยที่ถูกรบกวน ทำให้ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงมากขึ้น
“รนหาที่ตายซะแล้ว!”
ตูม!
ร่างสีดำและสีแดงทั้งสอง ตัดสลับเข้าด้วยกัน
คัมภีร์หมื่นคำสาปกล่าวว่า “นั่นคือ…นั่นคือพิฆาตวิญญาณ!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คัมภีร์หมื่นคำสาป ทายถูกต้องแล้ว”
มู่เฉียนซีที่เพิ่งจะถูกจิ่วเยี่ยรังแกจนไม่มีแรงจะตอบโต้เลยแม้แต่น้อยเมื่อครู่นี้
ในเวลานี้ได้ค้นหาที่ซ่อนของคัมภีร์หมื่นคำสาปเจอแล้ว
คัมภีร์หมื่นคำสาปกล่าว “ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ”
“เดิมทีเจ้าประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว เช่นนั้นจงให้ข้าได้ดูเนื้อหาในคัมภีร์นี้ของเจ้าเสียเถอะ!”
วิธีการนั้นไม่ใช่ว่าจะให้พิฆาตวิญญาณได้ต่อสู้กับจิ่วเยี่ยต่อไป หากตอนนี้สามารถที่จะหาวิธีในการแก้คำสาปได้ นั่นก็จะต้องมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
“อย่าคิดว่าการที่เจ้าครอบครองวิญญาณลิขิตสวรรค์ แล้วเจ้าจะสามารถทำเช่นไรกับข้าก็ได้ คิดอยากที่จะได้ข้า เจ้านั้นยังอีกห่างไกลนัก!”
ครืนนน!
พลังคำสาปที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งไปทางมู่เฉียนซี และพลังนี้ก็ไม่มีทางที่จะสกัดกั้นเอาไว้ได้
ทันใดนั้นก็มีแสงสีฟ้าอ่อน ๆ เปล่งประกายสว่างวาบขึ้นมา หญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้าดูอ่อนโยนคนหนึ่งได้ปรากฏตัวออกมาอยู่เบื้องหน้ามู่เฉียนซี
“เฉียนซี ปล่อยให้ข้าได้จัดการผู้ชายคนนี้เถอะ!”
“ท่านพี่หญิง ของสิ่งนี้ไม่สมควรค่าให้ท่านต้องลงมือ ให้ข้าจัดการเถอะ!”
จากนั้นเด็กน้อยที่ดูเหมือนกับภูตก็ได้ปรากฏตัวออกมา และดูเหมือนว่าเวลาที่อยู่โดยรอบจะหยุดนิ่งไปอย่างไรอย่างนั้น
“ผู้พิทักษ์นิรันดร์ ศาลานิรันดร์ พวกเจ้า…”
มันรู้ว่าหญิงสาวนางนี้คือวิญญาณลิขิตสวรรค์ และการผูกพันธสัญญากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกประหลาดแต่อย่างใด
แต่ทว่าพลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นกลับผูกพันธสัญญากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มากมายถึงเพียงนี้ ช่างเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของมันจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาถิง เจ้าเองก็ตื่นแล้วเช่นนั้นหรือ”
อาถิงเบ้ปากแล้วกล่าวว่า “ครั้งนี้เจ้าฉลาดขึ้นแล้วนี่ ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยจะวิปริตไปเล็กน้อย แต่หากพวกข้าจัดการมันด้วยกัน จะต้องมีวิธีการอย่างแน่นอน! ในที่สุดเจ้าก็ไม่โง่เง่าพอที่จะปล่อยให้เขามารังแกเจ้าอีกแล้ว”
“เรื่องคัมภีร์หมื่นคำสาป คงต้องฝากพวกเจ้าเสียแล้ว”
“นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว!”
ทันใดนั้นคัมภีร์หมื่นคำสาปก็รู้สึกราวกับว่า ตนได้เข้าไปแหย่รังต่อเข้าเสียแล้ว
ศาลานิรันดร์ค่อย ๆ บีบบังคับทีละก้าว แม้อยากจะหนี แต่ทว่าบริเวณโดยรอบก็ได้ถูกปิดกั้นไปจนหมด และไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่นิดเดียว
การที่คิดจะหลบหนีภายใต้การควบคุมของผู้พิทักษ์นิรันดร์นั้น เป็นเรื่องที่เพ้อฝันไปอย่างสิ้นเชิง!
ครืนน!
อาถิงและสุ่ยจิงอิ๋งร่วมมือกัน จัดการกับคัมภีร์หมื่นคำสาป
การต่อสู้ของจิ่วเยี่ยและพิฆาตวิญญาณได้เข้ามาสู่ขั้นที่ตึงเครียดมากที่สุดแล้ว และแน่นอนว่ามังกรเพลิงก็เข้าไปช่วยเหลือด้วยเช่นกัน เพียงแต่ผลก็ไม่ได้ออกมาดีเท่าไรนัก
เมื่อพวกเขาทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง คัมภีร์หมื่นคำสาปก็ไม่มั่นใจเลยจริง ๆ!
“พวกเจ้าก็ประเมินคัมภีร์หมื่นคำสาปอย่างข้าต่ำเกินไปเช่นกัน ข้าไม่มีทางพ่ายแพ้อยู่ที่นี่อย่างแน่นอน พวกเจ้าคอยดูเถิด ว่าผู้ใดจะต้องกลัวผู้ใดกันแน่! และโชคดีที่ข้ามีหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
เจ้าคัมภีร์หมื่นคำสาปนี้ทำผิดพลาดแล้วไม่แก้ไข ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะนำพลังคำสาปทั้งหมดส่งไปที่จิ่วเยี่ย
ตูม!
พิฆาตวิญญาณได้ถูกโจมตีจนต้องล่าถอยออกมา และจิ่วเยี่ยก็เริ่มลงมืออีกครั้ง
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
แน่นอนว่าหวงจิ่วเยี่ยเป็นคู่มือที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุดที่พิฆาตวิญญาณเคยเผชิญหน้ามา ถึงแม้ว่าในเวลานี้ พิฆาตวิญญาณอย่างเขาจะไม่เคยกลัวมาก่อนก็ตาม
ตูม โครมม!
ถึงแม้พิฆาตวิญญาณเพียงคนเดียวจะทนต่อการต่อสู้กับจิ่วเยี่ยไม่ไหวมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แต่ทว่าเขากลับไม่ได้ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว
“ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าไปรังแกเจ้าเด็กโง่นั่นได้หรอก!”
ในตอนที่เปลวเพลิงกำลังโหมกระหน่ำอยู่เต็มท้องฟ้า ทันใดนั้นธาตุวารีก็ได้รวมตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มังกรวารีได้ปรากฏตัวออกมาตรงหน้าของมู่เฉียนซีอย่างกะทันหัน จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วร้องตะโกนอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน มังกรวารีมาแล้วขอรับ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปช่วยพิฆาตวิญญาณเถอะ!”
“น้อมรับคำสั่ง นายท่าน!”
มังกรวารีนั้นเชื่อฟังคำสั่งของมู่เฉียนซีอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ทว่าพิฆาตวิญญาณกลับอารมณ์ไม่ดีเสียแล้ว
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้านี้มาช่วยเหลือ ข้าเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการได้แล้ว! เจ้านี่มันโง่เง่าเสียจริง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าพิฆาตวิญญาณผู้นี้ ยังคงอวดดีเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิด ช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย!” จากนั้นก็มีเสียงหยอกล้อที่ลึกล้ำเสียงหนึ่งดังขึ้นมา และทันใดนั้นก็มีร่างสีขาวปรากฏตัวขึ้นมาอยู่กลางอากาศอย่างกะทันหัน
“นิรันดร์!”
“ที่รักอย่าได้กังวลไป เมื่อพวกเราทั้งสามร่วมมือกัน การจะทำให้เขาหมดสติไปนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย เพียงแต่เขารังแกที่รักถึงเพียงนี้ ที่รักอยากจะรังแกเขาคืนหรือไม่ ข้าสามารถที่จะสอนเจ้าได้นะ!” หางเสียงขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งมันทำให้ผู้คนสับสนเป็นอย่างยิ่ง
ชายที่น่าหลงใหลทั้งยังสูงศักดิ์อย่างเกินเอื้อมผู้หนึ่งนั้น เมื่อผสมผสานของสองอารมณ์ที่ซับซ้อน ยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์เหลือล้นอย่างเห็นได้ชัด
คนจำนวนนับไม่ถ้วนบินเข้ามาใกล้ราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ถึงแม้จะกลายเป็นขี้เถ้าหลอมมลายหายไปจนสิ้นแต่ก็ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
นิรันดร์ผู้ที่อวดดีเป็นอย่างยิ่ง กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ที่รักเจ้าตะลึงงันเลยใช่หรือไม่ ข้านั้นยั่วยวนใจมากเลยใช่หรือไม่! รีบมาอยู่ในอ้อมกอดของข้าเร็วเข้าเถิด ข้าจะรักเจ้าให้มากยิ่งกว่าเหล่าชายตัวยุ่งพวกนั้นเสียอีกนะ!”
“นิรันดร์ เจ้าพูดจาแทะโลมนายท่าน แม้แต่ความตายก็ไม่อาจชดใช้ได้!”
เดิมทีมังกรวารีควรที่จะลงมือโจมตีกับจิ่วเยี่ย แต่กลับต้องมาลงโทษเจ้าคนที่ไม่สุภาพผู้นี้เสียก่อนแล้ว
พิฆาตวิญญาณกล่าวขึ้นมาอย่างดุร้ายเป็นอย่างมากว่า “ดูเหมือนว่าปากของคนเช่นเจ้า ไม่มีจะดีเสียกว่า”
ถึงแม้ว่าตอนนี้จิ่วเยี่ยจะสูญเสียสติไปแล้ว แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจที่จะทนให้ผู้ใดมาพูดจาแทะโลมเหยื่อของตนเองได้!
ตูม โครมม!
“ที่รัก ช่วยข้าด้วย!”
เดิมทีคิดที่จะร่วมมือกันล้อมโจมตีจิ่วเยี่ย แต่ผลสุดท้ายกลายเป็นนิรันดร์ที่ถูกล้อมโจมตีเสียเอง
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง และกล่าวว่า “พิฆาตวิญญาณ มังกรวารี พวกเจ้าโจมตีได้!”
“นิรันดร์ เจ้ารีบมาตรงนี้ซะ!”
“ที่รัก ข้าน้อมรับคำสั่ง! จะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่างเลย”
มังกรวารีกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ขอรับ! นายท่าน!”
พิฆาตวิญญาณกล่าวว่า “เจ้าผู้นั้นจะจัดการเมื่อไรก็ย่อมได้ เช่นนั้นมาจัดการชายผู้นั้นก่อนก็แล้วกัน”
พลังของสีแดงฉานของกระบี่ได้พุ่งไปทางหวงจิ่วเยี่ย
“ที่รัก เจ้ามีคำสั่งอะไรหรือไม่!”
มู่เฉียนซีนำร่างของชายผู้หนึ่งออกมาทุบอยู่ตรงหน้าของเขาพลางกล่าวว่า “มันจะดีกว่าหากไม่ต้องทำอะไรเลย เจ้ากลั่นยาให้ข้าเถิด และก็คิดวิธีที่จะควบคุมสถานการณ์ของจิ่วเยี่ยตอนนี้ด้วย”
นิรันดร์กล่าวว่า “หวงจิ่วเยี่ยผู้นี้ช่างไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ หากเป็นคนอื่นแล้วละก็ ในสถานการณ์เช่นนี้คงช่วยไม่ได้แล้วอย่างแน่นอน เพียงแต่เมื่อมองดูเขาในตอนนี้ เหมือนว่าจะมีหลายวิธีที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้”