ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1726 ทำลายโชคชะตา
คนที่ไม่ได้คุกเข่าลงไป ก็เหลือเพียงแค่มนุษย์ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นเสน่ห์ของเทพหงส์จักรพรรดิ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร รอยประทับที่เขาหลงเหลือทิ้งไว้ในดินแดนหงส์ ก็ยังคงฝังรากลึกอยู่เช่นนั้นเสมอ”
แกร่ก!
เปลวเพลิงของเทพหงส์จักรพรรดิ ได้ทำลายผนึกที่สร้างความกลัดกลุ่มใจของเผ่าหงส์ออกไปแล้ว
และเปลวเพลิงนี้ ยังเป็นเหมือนกับพลังที่เกิดขึ้นมาใหม่อีกด้วย
พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนได้ทะลักเข้าไปในต้นถงเหยี่ยน และทะลักเข้าไปในดินแดนหงส์
ความเข้มข้นของพลังวิญญาณที่อยู่ภายในอากาศก็มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ดินแดนที่มีเผ่าสัตว์เทพดำรงอยู่ พลังวิญญาณที่ควรจะมีอยู่แต่เดิมกำลังจะถูกฟื้นฟูให้เข้มข้นมากกว่าเดิม”
อู๋ตี้กระโดนเข้ามาในอ้อมแขนของมู่เฉียนซี พลางกล่าวว่า “ใช่แล้ว! ขอเพียงแค่ดินแดนหงส์สามารถกลับมาเป็นปกติเท่านั้น อย่าว่าแต่สัตว์เทพระดับสูงเลย แม้แต่สัตว์เทพระดับสูงสุด ก็จะพบเห็นได้อย่างทั่วไป! สิ่งของที่เทพหงส์จักรพรรดิได้มอบให้กับพวกเจ้านั้น แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!”
อู๋ตี้ยังกล่าวอีกว่า “ทั่วทั้งดินแดนหงส์ อยู่ภายใต้ร่างที่เผาไหม้ของเทพหงส์จักรพรรดิ และมันก็ถือได้ว่ากำลังกำเนิดขึ้นมาใหม่จากเถ้าถ่านแล้ว”
และการเกิดใหม่เช่นนี้ ก็ทำให้คนของเผ่าหงส์ทั้งหมดต่างรู้สึกชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ปัง!
ภายในดินแดนแห่งทวยเทพ ได้มีสิ่งของบางอย่างพังทลายลงมา
“หลานอี้ตายไปแล้ว ผนึกของดินแดงหงส์ก็ได้ถูกทำลายไปแล้วด้วย นะ…นี่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“รีบไปยังดินแดนหงส์โดยเร็วที่สุด แน่นอนว่าไม่อาจปล่อยให้พวกนกตัวใดก็ตามพลิกสถานการณ์ได้เป็นอันขาด”
“ขอรับ!”
ทันใดนั้น เปลวเพลิงสีแดงเข้ม ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นหน้ากากสีแดงฉาน
และหน้ากากนี้ ก็ไม่อาจที่จะขวางกั้นการยกระดับความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณในดินแดนหงส์ได้
พวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งจนต้องหลั่งน้ำตาออกมา
“ท่านเทพหงส์จักรพรรดิ ยังคงคอยเป็นห่วงเผ่าของพวกเราอยู่เสมอ”
“ต้องขอบพระคุณของท่านเทพหงส์จักรพรรดิเหลือเกิน!”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เมื่อพลังวิญญาณได้ทะลักเข้าสู่ดินแดนหงส์ได้ตามปกติแล้ว หลังจากนี้พลังวิญญาณของดินแดนหงส์ของพวกเจ้าก็จะสามารถพื้นฟูสู่สภาพเดิมได้! และเกาะป้องกันนี้ก็จะสามารถขัดขวางการเข้ามาของเผ่าเทพและเผ่าอื่นได้ แต่พวกเจ้าสามารถเข้าได้ตามปกติ และยังออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกได้ด้วย”
ช่างดีเหลือเกิน!
“แต่ว่า…”
มู่เฉียนซีได้เปิดการสนทนาว่า “การคุ้มครองนี้ ไม่สามารถที่จะคุ้มครองพวกเจ้าได้ตลอดไป พวกเจ้าต่างก็รู้ดีถึงความสามารถของเผ่าเทพ เช่นนั้นเกาะป้องกันนี้ สามารถที่จะป้องกันได้เพียงร้อยปีเท่านั้น”
“ภายในร้อยปีนี้ เผ่าหงส์ของพวกเจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น และต้องแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับเผ่าเทพ รวมไปถึงมีพลังพอที่จะต่อต้านได้ ถึงจะสามารถไม่ทำผิดไปจากเจตนารมณ์ของท่านเทพหงส์จักรพรรดิได้”
แข็งแกร่งขึ้น จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน!
โศกนาฏกรรมเช่นนั้น ความอัปยศและทุกข์ทรมานเช่นนั้น แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะให้มันเกิดขึ้นอีก และยิ่งไม่ต้องการที่จะให้เลือดเนื้อและจิตใจของท่านเทพหงส์จักรพรรดิต้องสูญเปล่าอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คำพูดของข้า ได้นำมาพูดหมดแล้ว และเรื่องที่ท่านเทพหงส์จักรพรรดิได้มอบหมายให้ ข้าก็ทำมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“ขอบคุณแม่นางมู่มาก!”
“พวกเราต้องขอบคุณแม่นางมู่เป็นอย่างมาก”
“……”
พวกเขารู้ดีว่า นอกเสียจากท่านเทพหงส์จักรพรรดิแล้ว คนที่พวกเขาควรจะขอบคุณมากที่สุดก็คือมู่เฉียนซี
หากไม่ใช่เพราะมู่เฉียนซีนำเอาไพ่ตายทั้งสองที่ท่านเทพหงส์จักรพรรดิมอบให้พวกเขาเผ่าหงส์มาด้วย พวกเขาเผ่าหงส์ก็คงไม่สามารถเอาชนะในการต่อสู้ของสงครามในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เนื่องจากว่าท่านเทพหงส์จักรพรรดิก็ได้ช่วยข้าเอาไว้มากเช่นกัน”
ปัง!
ทันทีที่พวกเขาเผ่าเทพมาเพื่อตรวจสอบข้อมูล ผลปรากฏว่าทั้งหมดได้ถูกปราการป้องกันของดินแดนหงส์ขวางกั้นเอาไว้
ชนเข้ากับกำแพงเสียแล้ว!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นี่เผ่าหงส์ไปเอาของเล่นพวกนี้มาจากที่ไหนกัน!”
“ทำลายมันออกซะ!”
ตูมม โครมม!
คนของเผ่าเทพใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่อาจสั่นสะเทือนปราการป้องกันนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
สมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณที่เทพหงส์จักรพรรดิเหลือทิ้งไว้ หมาแมวเหล่านี้จะไปสามารถที่จะจัดการได้อย่างไร
“พวกเราไม่สามารถทำลายมันได้ รีบไปรายงานท่านเทพจักรพรรดิเร็วเข้า!”
…
“เรียนท่านเทพจักรพรรดิ!”
หลังจากที่เทพจักรพรรดิได้รับรายงานนี้ เขาก็ได้มาถึงด้านนอกของดินแดงหงส์
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจอมภูตแห่งมิติหลายคนได้ลงมือพร้อมกันแล้ว แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์อยู่ดี
“ฝ่าบาทเทพจักรพรรดิ ข้าน้อยไร้ความสามารถ!”
“ข้าน้อยไร้ความสามารถ!”
คนที่อยู่ตรงหน้าเทพจักรพรรดิ ต่างพากันคุกเข่าทีละคน
สีหน้าของเทพจักรพรรดิไม่แสดงออก ซึ่งนั่นก็คือการแสดงออกตามพื้นฐานของวิญญาณเทพระดับสูง
“ปราการป้องกันนี้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยก็อยู่ที่เผ่าหงส์ ท่านคิดว่าจะเป็นฝีมือของเขาหรือไม่?” มีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“เด็กน้อยคนหนึ่งที่พยายามดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ยังคิดที่จะปกป้องเผ่าหงส์เอาไว้ ข้าจะคอยดูว่า เขาจะสามารถปกป้องมันได้ไปถึงเมื่อไร เขาจะสามารถยืนหยัดไว้ได้นานเพียงใดกัน?”
“ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย มีความเป็นไปได้มากว่าจะได้รับคัมภีร์หมื่นคำสาปไปแล้ว คำสาปนั้นสามารถที่จะทำลายฝ่าบาทจิ่วเยี่ยได้จริงเช่นนั้นหรือ?”
“หาคัมภีร์หมื่นคำสาปได้เพียงเล่มเดียวเท่านั้น มันมิใช่ทั้งหมดเสียหน่อย! แต่ถึงจะหาได้ทั้งหมด และหาวิธีแก้คำสาปไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เนื่องจากสิ่งของที่นำมาแก้คำสาปนั้น ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถรวบรวมมาได้ และไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใด ต่างก็ไม่อาจที่จะหลีกหนีการทำลายของโชคชะตาได้ เขาที่เป็นเช่นนี้ ทำให้ข้าชอบใจเสียจริง ๆ”
“ความแข็งแกร่งของคำสาปแห่งความมืดในตำนาน คือความมหัศจรรย์ที่เผ่าคำสาปของพวกเราสร้างมันขึ้นมาด้วยความพยายามและการทุ่มเททั้งกายและใจของทุกคนในเผ่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามก็ไม่อาจที่จะแก้ไขได้ ท่านเทพจักรพรรดิได้โปรดวางใจ” นักเล่นคาถาอาคมที่มืดมนคนหนึ่งกล่าวขึ้น และได้ปรากฏตัวขึ้นมาข้างหลังของเขา
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”
“เช่นนั้นฝ่าบาทเทพจักรพรรดิ หากคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ในมือของฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ทะ…ท่าน ท่านสามารถส่งคนไปช่วยพวกเราแย่งชิงมันกลับมาได้หรือไม่?”
“รอให้หวงจิ่วเยี่ยไปสู่ความพังพินาศ ของชิ้นนั้นก็จะต้องตกมาอยู่ในมือของพวกเราเผ่าเทพอย่างแน่นอน! หากเจ้ารอไม่ไหว ก็สามารถเคลื่อนไหวด้วยตนเองได้ แดนนรกเป็นเขตของเขา เจ้าสามารถไปด้วยตนเองได้! แต่หากว่าเขามาปรากฏตัวในแดนเทพ ข้าก็สามารถช่วยเหลือเจ้าได้”
หลังจากที่พูดจบ เทพจักรพรรดิก็ได้หายไปในอากาศทันที
นักเล่นคาถาอาคมผู้นั้นก็ไม่พอใจขึ้นมาเช่นกัน “ไม่ใช่ว่าส่งคนไปสูญเสียอยู่ที่แดนนรกมากเกินไปแต่ก็ยังไม่อาจจะจัดการกับหวงจิ่วเยี่ยได้ จนกลัวและไม่กล้าส่งคนไปสูญเสียอีกแล้วหรอกหรือ และยังมาปล่อยให้คนของพวกเราเผ่าคำสาปต้องมาสูญเสียแทนอีก ช่างสมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆ! สวรรค์ต่างก็รู้ดีว่าพวกเราเผ่าคำสาปกว่าจะฝึกฝนยอดฝีมือออกมาได้สักคนนั้นยากเย็นเพียงใด”
พวกของมู่เฉียนซีต่างไม่รู้ถึงแผนการสมรู้ร่วมคิดของเทพจักรพรรดิและเผ่าคำสาป และในดินแดนหงส์ในเวลานี้ก็ได้เริ่มงานรื่นเริงแห่งชัยชนะกันแล้ว
เสียงขับขานอันไพเราะได้ดังแผ่ซ่านไปทั่วทุกหัวมุมของดินแดนหงส์แห่งนี้
มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยได้รับเกียรติให้เป็นแขกผู้มีเกียรติของพวกเขา
หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวว่า “แม่นางมู่ ท่านจิ่วเยี่ย ข้าขอคารวะให้พวกท่านหนึ่งจอก”
สุดท้ายแล้วจิ่วเยี่ยก็เป็นคนรับเหล้ามาทั้งสองจอก หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าฝ่าบาทจิ่วเยี่ยจะเป็นชายที่รักภรรยามากเช่นนี้”
ราชินีหลานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อถึงตอนที่พวกท่านทั้งสองจัดงานมงคลอย่างยิ่งใหญ่ต้องแจ้งให้พวกเราไปร่วมอวยพรด้วยนะ!”
คนที่พูดน้อยมาตลอดอย่างจิ่วเยี่ยกลับกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา!”
งานรื่นเริงยังคงดำเนินต่อไป ระหว่างนั้นเผ่าหงส์เพลิงและหงส์อัคคีก็ได้จุดดอกไม้ไฟขึ้นไปกลางอากาศ
ราชาโม่เดินรอบตัวเสี่ยวโม่โม่ทั้งซ้ายและขวา เนื่องจากเกรงว่าเสี่ยวโม่โม่จะรู้สึกไม่สบายตรงไหนขึ้นมา
“ท่านตาอย่ากังวลไปเลย ท่านเทพหงส์จักรพรรดิบอกข้าว่าจากนี้ไปข้าจะเก่งกาจมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะสามารถช่วยเจ้านายทำลายศัตรูได้เชียวนะ!”
“อืม อืม! เสี่ยวโม่โม่ยอดเยี่ยมมาก!”
จื่อโยวเองก็มีความสุขมากเช่นกัน ในตอนที่เผ่าหงส์กำลังต่อต้านเผ่าเทพในครั้งนี้ ท่านจื่อโยวได้ต่อสู้อย่างเก่งกาจกล้าหาญ และยังสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้อีกด้วย ดังนั้นในตอนนี้จึงได้ถูกสาวงามของเผ่าหงส์กลุ่มหนึ่งห้อมล้อมอยู่เช่นนี้
“ท่านจื่อโยว พวกข้าของคารวะท่านหนึ่งจอก”
“ท่านจื่อโยว…”
จื่อโยวกล่าวไปพร้อมกับเสียงหัวเราะว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นี่สิถึงจะเรียกว่าการใช้ชีวิตราวกับเทพเจ้า การมาเผ่าหงส์ในครั้งนี้ ไม่เสียเปล่าจริง ๆ!”
ครืนนนน!
ในช่วงท้ายของการเฉลิมฉลอง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้องดังออกมาจากภายนอกปราการป้องกันของดินแดนหงส์