ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1737 รับปากว่าจะกินให้หมด
ท่านจิ่วเยี่ยรักใคร่ท่านมู่มากเลยจริง ๆ สุ่ยอู๋ซินพึมพำกับตนเองเบา ๆ
เขารู้สึกชื่นชมหวงจิ่วเยี่ยเป็นอย่างมาก เหล่าสุภาพบุรุษนั้นเรียกได้ว่ามักอยู่ห่างจากงานครัวเสมอ แต่ทว่าท่านจิ่วเยี่ยผู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะยังสามารถลงมือทำอาหารได้อีกด้วย แน่นอนว่าเขาช่างเป็นผู้ที่น่าเลื่อมใสจริง ๆ
สุ่ยอู๋ซินมีความรู้สึกลึกซึ้งที่อยู่ภายในหัวใจมากมาย แต่เมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่ท่านจิ่วเยี่ยย่างออกมานั้น ความรู้สึกทั้งหมดก็ได้หยุดลงในทันที
และเขาก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก!
นี่มันคืออะไรกัน?
เห็นได้ชัดว่ามันคือวัตถุดิบอย่างเดียวกัน วิธีย่างก็เหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ที่ออกมาจากฝีมือของท่านจิ่วเยี่ย เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
สิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่ภาพหลอนใช่หรือไม่!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ย่างให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังไม่รีบมาเอาไปกินอีก”
เมื่อได้เห็นปลาหมึกยักษ์ย่างที่ดำสนิทนั้น กุยฮุยก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
เจ้าสิ่งนี้สามารถกินได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
เขาได้เพียงแค่บ่นอยู่ภายในใจ แต่ไม่กล้าที่จะพูดออกมา
ภายใต้แววตาที่เย็นยะเยือกและไร้อารมณ์ของจิ่วเยี่ย ทำให้กุยฮุยทำได้แค่เพียงกัดฟันหยิบปลาหมึกย่างทั้งหมดเหล่านี้ไป
กุยฮุยได้แต่ปลอบใจตนเอง ว่ามันแค่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่น่ากินเท่านั้น แต่ทว่ามันน่าจะ…น่าจะยังสามารถกินได้!
หลังจากที่กัดลงไปหนึ่งคำ เขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่าท้องฟ้าพลันมืดมั่วขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาอยากที่จะคายออกมา!
เพียงแต่ว่า เขาไม่กล้า!
มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมยิ้มจนตาหยีว่า “ต้องกินให้หมดด้วยนะ! เจ้ารับปากเอง”
และต่อมาพวกของมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยก็เริ่มเพลิดเพลินไปกับอาหารอันโอชะที่มู่เฉียนซีเป็นคนทำออกมา นี่มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว!
หลังจากที่กินอาหารมื้อนี้จนอิ่มแล้ว หัวหน้าเผ่าเต่ามังกรก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคงแล้วเริ่มที่จะซวนเซไปเซมา
กุยฮุยถูกทรมานด้วยอาหารแห่งความมืดจนไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้นมาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้บรรพบุรุษท่านนั้นของพวกเจ้าเผ่าเต่ามังกรอยู่ที่ใด?”
“ขะ…ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ นะ! ท่านผู้อาวุโสมักจะพเนจรไป ๆ มา ๆ อยู่ตลอด” กุยฮุยกล่าว
“ไม่ยอมบอกใช่หรือไม่! จิ่วเยี่ย ท่านไปย่างมาให้เขากินอีกสักชิ้นหนึ่งสิ!”
นี่เป็นการทรมานที่น่าหวาดกลัวมากที่สุดของเผ่ามังกรอย่างแน่นอนและยังทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนถูกทำลายด้วย ฉะนั้นกุยฮุยจึงเลือกที่จะยอมจำนน
“อย่า! อย่านะ! ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสอยู่ที่ใด แต่ข้าก็รู้วิธีที่จะทำให้เขาออกมาด้วยตนเองได้ รอให้ข้ากลับไปที่เผ่าแล้วข้าจะเริ่มเคลื่อนไหวทันที พวกท่านตามกลับไปกันข้า…ตามข้ามาเถิด…”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง! ทางที่ดีที่สุดคือเจ้าอย่ามาเล่นลูกไม้อะไรกับข้าก็แล้วกัน”
ผนึกของก้นบึ้งยมโลกได้ถูกทำลายไปแล้ว และมีคนของเผ่าเต่ามังกรไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้ ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
เมื่อตอนที่หัวหน้าเผ่าคนก่อนกลับมา แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของกุยชิว
กุยฮุยกล่าวว่า “กุยชิวได้ถูกสัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกทำร้ายจนตายไปแล้ว ส่วนข้าในตอนนี้ไม่เป็นอะไร และสามารถกลับมารับหน้าที่หัวหน้าเผ่าเต่ามังกรต่อไปได้ คิดว่าทุกท่านคงจะไม่คัดค้านใช่หรือไม่!”
“ครั้งนี้ที่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกมาได้ คงจะต้องขอบคุณท่านจิ่วเยี่ย ท่านมู่ และยังมีสุ่ยอู๋ซินหัวหน้าเผ่ามังกรวารีด้วย”
“……”
ถึงแม้ว่าชายผู้นี้จะเป็นคนขี้ขลาด แต่ก็สามารถเลียนแบบการเป็นหัวหน้าเผ่าได้เหมือนมากจริง ๆ
เพียงแต่เมื่อเขาได้กลับมาเป็นหัวหน้าเผ่าอีกครั้ง เรื่องแรกที่เขาต้องการที่จะทำก็คือ…
“ข้าต้องการที่จะจัดงานคัดเลือกสาวงามภายในเผ่าของข้าทันที พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่!”
“งานคัดเลือกสาวงามหรือ?” ทุกคนต่างก็พากันงุนงง
นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่?
มู่เฉียนซีชะงักไปครู่หนึ่ง พลางกล่าวว่า “นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
“ท่านมู่ เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้ท่านฟัง! นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
เขาออกคำสั่งกับลูกน้องของเขาว่า “ได้ยินแล้วก็รีบไปจัดการเร็วเข้า!”
“แต่ว่าท่านหัวหน้าเผ่า หญิงสาวในเผ่าเต่ามังกรของพวกเรามีค่อนข้างน้อย อีกทั้งหญิงสาวที่งดงามก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก งานคัดเลือกสาวงามนี้ ยากเกินกว่าที่จะสามารถจัดขึ้นได้นะขอรับ!”
“ถึงจะทำได้ยากแต่ก็ต้องทำ! ถึงหน้าตาไม่งดงามก็จะไม่รู้จักรักษารูปร่างควบคู่ไปด้วยหรืออย่างไร? ไปบอกพวกนาง ว่างานคัดเลือกสาวงามในครั้งนี้มีรางวัลใหญ่ อย่างเช่น…”
กุยฮุยเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเพื่อที่จะจัดงานคัดเลือกสาวงามในครั้งนี้ เขาจำต้องลงทุนไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว
“ขอรับ ๆ ๆ!”
เมื่อเห็นหัวหน้าเผ่าของพวกเขาดูท่าทางเหมือนว่าจะวุ่นวายใจเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงได้รีบไปจัดการทันที
พวกเขาคาดเดาว่าหัวหน้าเผ่าต้องการหาภรรยาสาวที่งดงาม และคิดที่จะเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนแน่นอน มิเช่นนั้นจะต้องการที่จะจัดงานคัดเลือกสาวงามนี้ขึ้นมาด้วยเหตุอันใด
เมื่อเห็นท่าทางที่เร่งรีบของหัวหน้าเผ่า พวกเขาก็มีแต่ต้องรีบจัดการเท่านั้น
เมื่อรอให้คนอื่น ๆ ไปจัดการงานแล้ว หัวหน้าเผ่าเต่ามังกรก็หันมาให้การรับรองอย่างรีบร้อนภายใต้ความเย็นยะเยือกของพวกมู่เฉียนซีทั้งสองสามคนนี้
“สิ่งนี้…พวกท่านโปรดอย่าเข้าใจสิ่งนี้ผิด ที่ข้าทำเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะทำให้ท่านผู้อาวุโสปรากฏตัวออกมาเท่านั้น” กุยฮุยกล่าว
“จัดการแข่งขันคัดเลือกสาวงาม จะทำให้ผู้อาวุโสของเจ้าปรากฏตัวออกมาได้อย่างไร นี่มันตลกมากอย่างนั้นหรือ ระหว่างเรื่องนี้มันมีอะไรที่เกี่ยวเนื่องกันหรืออย่างไร?” มู่เฉียนซีกล่าว
“นี่…นี่คือ…” กุยฮุยรู้สึกลำบากใจที่จะพูดกล่าวออกมา
เป็นผลให้เมื่อสายตาที่เย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยกวาดมามอง กุยฮุยจึงรู้สึกเย็นสันหลังวาบเลยทีเดียว
“ก็คือว่า! ผู้อาวุโสไม่มีงานอดิเรกอื่นเลย แต่เขาชื่นชอบสาวงามเป็นที่สุด! หากสถานที่แห่งใดที่มีสาวงามมากที่สุด เขาก็จะให้ความสนใจอยู่เสมอ ขอเพียงแค่ข้าจัดงานคัดเลือกสาวงามนี้ขึ้นมา เขาจะต้องปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน”
นี่เป็นการเปิดโปงประวัติอันดำมืดของผู้อาวุโส ทั้งยังทำลายภาพลักษณ์ของเขาอีกด้วย แต่กุยฮุยรู้สึกว่าหากเขาโกหกแล้วละก็ เขาจะต้องตายอย่างน่าอนาถแน่นอน
สุ่ยอู๋ซินกล่าวถาม “เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?”
“เป็นความจริง ข้าไม่ได้พูดโกหกเลยแม้แต่คำเดียว!”
“เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปจัดการให้เรียบร้อย และรีบให้ท่านผู้อาวุโสของเจ้าปรากฏตัวออกมา”
“ขอรับ ๆ ๆ!”
เรื่องที่เผ่าเต่ามังกรต้องการที่จะจัดการแข่งขันคัดเลือกสาวงามนั้น ทำให้เผ่ามังกรอื่นต่างก็รู้สึกว่ามันน่าขบขันเล็กน้อย
เผ่าเต่ามังกรมีสาวงามที่ไหนกัน ตลกเกินไปแล้ว!
“นี่หัวหน้าเผ่าของพวกเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่?”
“……”
เมื่อรอสาวงามที่คัดเลือกแล้วเข้ามาถึง เขาก็รู้สึกเป็นห่วงเรื่องคุณภาพของสาวงามเหล่านี้จริง ๆ รูปโฉมเช่นนี้ ท่านผู้อาวุโสต้องไม่ชอบอย่างแน่นอน!
หากท่านผู้อาวุโสไม่ชอบ และไม่ยอมปรากฏตัวออกมา เช่นนั้นเขาก็คงจะต้องจบเห่อย่างแน่นอน
“หัวหน้าเผ่ามังกรวารี หัวหน้าเผ่ามังกรวารี…”
กุยฮุยไปขอคำแนะนำจากสุ่ยอู๋ซิน แต่สุ่ยอู๋ซินกลับกล่าวอย่างไร้เยื่อใยเป็นอย่างยิ่งว่า “นี่เป็นเรื่องของเจ้า หรือว่ายังต้องการให้พวกข้ายื่นมือเข้าไปช่วยอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ท่านหัวหน้าเผ่ามังกรวารี ท่านฉลาดเฉียบแหลมถึงเพียงนี้ ให้คำแนะนำแก่ข้าสักหน่อยเถิด!”
ถึงอย่างไรท่านมู่ก็ต้องการที่จะค้นหาที่อยู่ของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างให้เจอ ฉะนั้นสุ่ยอู๋ซินจึงไม่สามารถที่จะเพิกเฉยได้จริง ๆ แต่ทว่าเขาก็ช่วยไม่ได้เหมือนกันนะสิ!
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
เมื่อกุยฮุยมองเห็นมู่เฉียนซี ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
หญิงงามอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ เหตุใดเขาถึงคิดไม่ถึงกันนะ!
ด้วยรูปร่างหน้าตาของท่านมู่ ที่แม้จะค้นหาไปทั่วทั้งเผ่ามังกรก็ไม่อาจหาผู้ใดมาทัดเทียมได้ กุยฮุยจึงกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านมู่ คือเรื่องมันมีอยู่ว่า…”
เขาต้องการให้นางไปเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกสาวงาม!
มู่เฉียนซียังไม่ทันที่จะตอบกลับ แต่ทว่าสุ่ยอู๋ซินกับจิ่วเยี่ยกลับกล่าวปฏิเสธออกมาเสียแล้ว
“ไม่ได้!”
“แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้ว!”
กุยฮุยกล่าวว่า “เหตุใดถึงไม่ได้เล่า! ขอเพียงแค่ท่านมู่ออกโรง แผนการนี้ของข้า จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน! และต่อไปก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหาท่านผู้อาวุโสไม่เจออีกแล้ว”
สุ่ยอู๋ซินกล่าวว่า “สถานะของท่านมู่ไม่เหมาะสม!”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีไว้แน่น “ผู้หญิงของเขา จะให้ผู้อื่นมาวิพากวิจารณ์ได้อย่างไรกัน”
“ฮือออออ! ข้าไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ พวกท่านจะฆ่าข้าไปเลยก็ย่อมได้” กุยฮุยเริ่มร้องไห้ขึ้นมาทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หุบปากไปซะ! งานคัดเลือกสาวงามใช่หรือไม่! มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
ดวงตาของกุยฮุยเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที จากนั้นก็กล่าวว่า “ท่านมู่ ท่านคิดจะช่วยจริง ๆใช่หรือไม่! ท่านนี่ช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”
“เรื่องทั้งหมดนี้มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง และเจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้าด้วยเช่นกัน ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไร เจ้าก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้ทั้งนั้น” มู่เฉียนซีตอบกลับ
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว! ท่านมู่ท่านโปรดวางใจเถิด!” ก่อนหน้านี้เขาก็ตกลงไปในหลุมพลางที่มู่เฉียนซีขุดเอาไว้ จนกินอะไรไม่ได้มาหลายวัน และในตอนนี้เขาก็หลงกลมันอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว