ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1744 จิ่วเยี่ยเข้ามาสกัด
“ดี ออกเดินทางกัน!”
ทุกคนต่างก็เดือดดาลด้วยโทสะกันทั้งนั้น พวกเขาต้องอดทนกับฝ่ายเผ่าเทพมาเป็นเวลานานแล้ว
เงาร่างนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปจากเกาะราชามังกร จุดหมายถูกแบ่งออกเป็นเผ่ามังกรม่วงและเผ่ามังกรปีศาจตามลำดับ
จินหลิวกวงที่คอยรักษาการณ์อยู่ที่เกาะราชามังกร เมื่อเห็นร่างของพวกเขาที่ห่างออกไปไกล เขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “ข้าจะรอทุกท่าน กลับมาพร้อมกับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ โปรดระวังตัวด้วย”
หลังจากที่เผ่ามังกรม่วงพ่ายแพ้และถูกจับไปเป็นเชลยศึก ผู้แข็งแกร่งจากเผ่าเทพที่อยู่บนเกาะมังกรม่วงเหล่านั้นก็เข้าควบคุมคนบนเกาะมังกรม่วงเอาไว้ทันที
“พวกเราต้องไปช่วยหัวหน้าเผ่า ท่านเหมียว ให้พวกเราเคลื่อนไหวเถอะ!”
“ในเวลานี้จำเป็นที่จะต้องค่อย ๆ ปรึกษากันให้ดี ทุกท่านจะต้องสงบจิตสงบใจลงก่อน หากหุนหันพลันแล่น ก็อาจจะช่วยเหลือหัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าไม่ได้” ท่านเหมียวผู้นั้นตอบกลับ
เผ่าเทพอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ในเวลาเช่นนี้ พวกเราจำเป็นที่จะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน คิดหาวิธีจัดการเกาะราชามังกร แล้วช่วยหัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าออกมาให้ได้”
“ขอรับ! พวกเราจะเชื่อฟังนายท่าน”
พวกของเผ่าเทพเหล่านี้คอยเกลี้ยกล่อมเผ่ามังกรม่วงที่อยู่โดยรอบ พวกเขาคิดในใจว่าจะรอให้การสนับสนุนครั้งหน้ามาถึงค่อยโจมตีเกาะราชามังกรอีกครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการควบคุมเหล่ามังกรโง่เง่านี้เอาไว้ให้ได้
ตูมมม!
ยังไม่ทันรอให้พวกเขาได้เคลื่อนไหวครั้งต่อไป เกาะมังกรม่วงก็ถูกพลังที่แข็งแกร่งโจมตีเข้าเสียแล้ว
“ให้ตายเถอะ มีคนมาแล้ว! แจ้งเตือนเร็ว!” คนเผ่ามังกรม่วงเหล่านั้นเผยสีหน้าจริงจังออกมา เหตุใดทางฝ่ายราชามังกรถึงส่งคนมาโจมตีรวดเร็วเพียงนี้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างที่คุ้นเคยจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานเข้ามา พวกของคนเผ่ามังกรม่วงต่างพากันตกตะลึง
“หัวหน้าเผ่า!”
“ท่านหัวหน้าเผ่า เป็นพวกท่านนี่เอง พวกท่านหนีออกมาได้แล้ว ช่างดีเหลือเกิน!”
“……”
แน่นอนว่า เมื่อเห็นว่ามีมู่เฉียนซีและหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีสีแดงฉานตามหลังมาด้วย รอยยิ้มของพวกเขาก็ได้จางหายไปในทันที
ท่านเหมียวกล่าวด้วยความโมโหว่า “หัวหน้าเผ่ามังกรม่วง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่? ไม่คิดเลยว่าท่านจะชักศึกเข้าบ้านเช่นนี้”
หัวหน้าเผ่ามังกรม่วงกล่าวว่า “ท่านเหมียว เรื่องของพวกเราเผ่ามังกร ก็ให้พวกเราเผ่ามังกรเป็นผู้จัดการเองจะดีกว่า! ดังนั้นแล้วข้าจึงอยากจะขอให้เผ่าเทพของพวกท่านออกไปจากแดนมังกรของข้า แดนมังกรของข้าไม่ต้อนรับท่าน”
หลังจากที่หัวหน้าเผ่ามังกรม่วงขานรับข้อเรียกร้องของมู่เฉียนซีแล้ว มู่เฉียนซีก็ทำให้นายน้อยมังกรม่วงสบายขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งคำสาปนั้นก็สงบลงแล้วด้วย
ขอเพียงเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย มู่เฉียนซีก็จะถอนคำสาปให้กับนายน้อยมังกรม่วงอย่างสมบูรณ์
ท่านเหมียวกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “เจ้าพูดอะไรกัน? ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าพูดเช่นนี้กับข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรกัน”
“ข้าคือหัวหน้าเผ่ามังกรม่วง และยังเป็นเผ่าราชา แล้วเหตุใดถึงจะไม่มีสิทธิ์นั้นกันเล่า เจ้าเป็นเพียงคนนอก มีสิทธิ์อะไรมาหยิ่งผยองอยู่ที่นี่”
หัวหน้าเผ่ามังกรม่วงคิดว่าพวกเขาก่อนหน้านี้ ช่างหน้ามืดตามัวเสียเหลือเกิน
กลุ่มคนที่จองหอง ยโสโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่นเหล่านี้ ซ้ำเจ้าพวกนี้ยังไม่เคารพต่อพวกเขาเผ่ามังกร ไม่คิดเลยว่าเขาเลือกที่จะไปร่วมมือด้วย
ถึงแม้ว่าเผ่าเทพจะแข็งแกร่งเพียงใด และไม่ว่าเผ่ามังกรจะโกรธเคืองเผ่าเทพแค่ไหน แต่พวกเขาเผ่ามังกรก็ไม่อาจที่จะไม่มีศักดิ์ศรีได้ถึงเพียงนี้!
ท่านเหมียวกล่าวว่า “ลงมือซะ! หัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าถูกราชามังกรควบคุมเอาไว้แล้ว พวกเราจะต้องฉวยโอกาสนี้ เพื่อช่วยเหลือพวกเขา”
“โจมตี!”
หัวหน้าเผ่ามังกรม่วงคิดว่าท่านเหมียวจะเป็นคนที่มีเหตุผล ไม่คาดคิดเลยว่าจะลงมือจริง ๆ
หัวหน้าเผ่ามังกรม่วงกล่าวด้วยความโกรธ “แม้แต่คำพูดของข้าพวกเจ้าก็ไม่ฟังแล้วอย่างนั้นหรือ? ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้”
“หัวหน้าเผ่าจะต้องโดนควบคุมเป็นแน่!”
“โจมตีพวกเขาซะ!”
หัวหน้าเผ่ามังกรม่วงโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา ไม่คาดคิดเลยว่าเผ่าเทพจะล้างสมองคนในเผ่าพวกเขาถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คนในเผ่าของเจ้า มอบหน้าที่ให้เจ้าเป็นผู้ไปจัดการเองก็แล้วกัน! พวกข้าจะไปจับเผ่าเทพที่กำลังหนีออกไปเหล่านั้น”
ใช่แล้ว เผ่าเทพปล่อยให้มังกรอย่างเผ่ามังกรม่วงบุกตะลุยโจมตีข้าศึกก่อน พวกเขากลับรู้ดีว่าคนทางฝังเกาะราชามังกรมีจำนวนมากกว่า และไม่ใช่คู่ต่อสู้ จึงได้เตรียมตัวที่จะหนีไปก่อน
“ขวางพวกเขาเอาไว้!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
ร่างนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป และขวางหน้าเหล่าเทพพวกนั้นเอาไว้
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวด้วยความโมโหว่า “หนีหรือ! พวกเจ้าคิดจะหนี มันสายเกินไปแล้ว”
เปลวเพลิงขนาดใหญ่ผลิบาน พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา และหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็ตามไล่ล่าเข้าไป
“ทำให้เผ่าเทพเหล่านี้ได้ดู คิดที่จะมารังแกพวกเราเผ่ามังกรอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ จัดการได้!”
ตูมม โครมมม!
พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของเผ่ามังกรเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับสัตว์เทพทั้งสามผู้มีพลังที่แข็งแกร่งอีกด้วย
แสงสีม่วงสว่างวาบ มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังธาตุให้เคลื่อนไหวไปทั่วเขตพื้นที่การต่อสู้ อาศัยพลังความสามารถทางกายภาพที่แข็งแกร่ง ถึงความสามารถของเผ่าเทพเหล่านี้จะสู้แต่ก็ไม่อาจทำอะไรนางได้
ไม่เพียงแต่ทำอะไรไม่ได้เท่านั้น แต่ยังถูกนางจู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่าอีกด้วย
“บัดซบเอ๊ย! นางเด็กผู้หญิงนั่น”
“จับพวกเขาเอาไว้!”
มู่เฉียนซีจู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเทพเดือดดาลเป็นอย่างมาก
บนเกาะมังกรม่วงแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีเผ่าเทพอยู่ แต่ยังมีเผ่าคำสาปอยู่ไม่น้อยอีกด้วย
สุดท้ายแล้วหากเผ่าเทพได้คัมภีร์หมื่นคำสาปไปก็ไม่รู้จะใช้อย่างไรอยู่ดี แต่หากเผ่าคำสาปได้รับคัมภีร์หมื่นคำสาป เช่นนั้นก็จะมีประโยชน์อย่างใหญ่หลวง พวกเขาจึงต้องการที่จะเอามันมาให้ได้มากกว่าผู้ใด
ทักษะการเคลื่อนไหวร่างของมู่เฉียนซีมีเจตนาที่จะใช้พิษร้ายแรง จึงทำให้พวกเขาทนที่จะสังหารมู่เฉียนซีไม่ไหวแล้ว
ดังนั้น มู่เฉียนซีจึงถูกล้อมเอาไว้แล้ว
นักเล่นคาถาอาคมหลายคนร่วมมือกันร่ายคำสาปขึ้นมา และแม้จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากเพียงใดแต่คาดว่าคงอยากที่จะหนีรอดได้
แต่มู่เฉียนซีเพียงแค่มองไปทางพวกเขาด้วยรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็เอ่ยปากว่า “ในเมื่อพวกเจ้าแน่ใจว่าจะทำเช่นนี้ หากถึงเวลานั้นก็อย่ามาร้องไห้ก็แล้วกัน!”
พวกเขากล่าวด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งว่า “ความตายกำลังจะมาเยือนอยู่แล้วนางเด็กคนนี้ยังดื้อดึงอยู่อีก เจ้าหนีไปไม่รอดแล้ว”
ในตอนที่คำสาปของพวกเขากำลังจะเสร็จสมบูรณ์ และมันกำลังที่จะห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ มู่เฉียนซีก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จิ่วเยี่ย เข้ามาสกัดให้หน่อยสิ!”
ผลก็คือ ร่างสีดำร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าจะใช้พลังจากการร่ายคำสาปใดก็ตาม เขาก็เพียงแค่ใช้ร่างกายของตนเองสกัดกั้นคำสาปนั้นให้กับมู่เฉียนซีเท่านั้น
พวกเขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มีคนไม่กลัวตายมาอีกคนแล้ว!”
ตูม!
พลังคำสาปอันน่าสะพรึงกลัวปะทะเข้ากับมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ย จิ่วเยี่ยโอบกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมแขน และเมื่อพลังคำสาปนั้นไม่สัมผัสถูกมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย มันก็ได้สะท้อนกลับไปยังนักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้นโดยตรง!
พรวด!
พรวด!
“……”
ยิ่งคำสาปที่พวกเขาร่ายนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด ผลสะท้อนกลับก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น
ร่างกายทั้งหมดกำลังจะระเบิดด้วยพลังของคำสาปอยู่แล้ว อวัยวะทั้งเจ็ดมีเลือดออกอย่างรุนแรง และสีหน้าของพวกเขาแต่ละคนก็แสดงความเหลือเชื่อออกมา
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็เดินออกมาจากอ้อมกอดของจิ่วเยี่ย และถือกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณไว้ในมือ
“ข้าได้เตือนพวกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่าหากจะร่ายคำสาปเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาก็อย่ามาร้อง!”
“จิตวิญญาณของเผ่าคำสาป ช่างเหมาะกับการมาทำให้พิฆาตวิญญาณเพลิดเพลินเสียจริง!”
ทันทีที่กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมา เปลวเพลิงสีแดงฉานก็พวยพุ่งขึ้นมาทันที
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ปัง ปัง ปัง!
เปลวเพลิงแผดเผาร่างกายของพวกเขา และในเวลาเดียวกันมันก็ได้กลืนกินจิตวิญญาณของพวกเขาไปด้วย
แต่ทว่าพวกเขากลับยืนอยู่ตรงนั้นและไม่อาจขยับเขยื้อนไปได้อย่างสิ้นเชิง ทั้งยังถูกสะท้อนอย่างรุนแรงถึงเพียงนี้ หากสามารถขยับได้ก็แปลกแล้ว
จัดการกองกำลังนักเล่นคาถาอาคมที่แข็งแกร่งที่สุดได้ภายในอึดใจเดียว นักเล่นคาถาอาคมคนอื่นเมื่อเห็นคนวิปริตทั้งสองคนต่างก็พากันขาอ่อนแรง และรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว!
มู่เฉียนซีจะยอมปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้อย่างไร นางลากจิ่วเยี่ยไปและกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ไปเถอะ! พวกเราไล่ตามไปเถอะ!”
“ท่านเพียงแค่ไปยืนอยู่ตรงนั้นก็พอแล้ว หากเป็นไปได้ท่านไม่ต้องทำอะไรเลยจะดีที่สุด” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมมองไปทางจิ่วเยี่ย
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ข้าเชื่อฟังซี!”