ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1758 ปีศาจจิ้งจอกเฒ่า
เจ้าของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ สามารถรับสืบทอดพลังธาตุของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพมาที่ตนเองได้
ตอนแรกเริ่ม นางได้รับพลังวิญญาณธาตุวารีมาจากแหวนเทพนิรันดร์ของแหวนมังกรเทพวารี
หลังจากนั้น หลังจากที่เสาะหากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ และปราบพิฆาตวิญญาณได้แล้ว นางก็ได้ครอบครองพลังวิญญาณธาตุอัคคีมาจากกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ
และเมื่อได้รับพลังมิติแห่งผู้พิทักษ์นิรันดร์ของดอกบัวหงส์เก้ากลีบ จึงได้เข้าใจว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่คล้อยตามธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง
และในตอนนี้หลังจากที่นิรันดร์สามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้ นางก็ได้รับพลังวิญญาณธาตุวายุมาด้วยเช่นกัน
พลังธาตุวายุที่อยู่โดยรอบ ต่างก็ถูกนิรันดร์ควบคุมเอาไว้ และทั้งหมดนั้นก็ได้ทะลักเข้าไปในเส้นเลือดของมู่เฉียนซี
สิ่งนี้ทำให้ความเร็วในการรับพลังวิญญาณธาตุวายุของมู่เฉียนซีมีความเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้นางไม่ต้องผ่านความเจ็บปวดมากจนเกินไปนัก ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงเป็นคนที่ทะนุถนอมและอ่อนโยนต่อสตรีมากที่สุดคนหนึ่ง
หลังจากที่รอให้ธาตุวายุโดยรอบสงบลงไปแล้ว นิรันดร์จึงกล่าวว่า “ผิวที่เกลี้ยงเกลา และละเอียดอ่อนราวเครื่องลายคราม ที่รักผิวหนังของเจ้านี่ช่าง… ”
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
สายลมที่อยู่โดยรอบเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที และมันก็ได้กลายเป็นเคียววายุที่หมายจะเอาชีวิต จากนั้นมันก็ได้พุ่งเข้าไปตวัดที่มือข้างหนึ่งของนิรันดร์
นิรันดร์รีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว ทว่าสายลมนั้นยังคงไล่โจมตีเขาต่อ เพียงแต่เมื่อมันเข้าไปใกล้นิรันดร์และได้สัมผัสถึงพลังของนิรันดร์ สายลมเหล่านี้ก็ไม่กล้าที่จะโจมตีนิรันดร์อีกต่อไป
สุดท้ายแล้ว ถึงแม้พวกมันจะไม่มีสติเพียงใด ก็ไม่อาจที่จะโจมตีราชาแห่งวายุได้อยู่ดี
นิรันดร์ยิ้มออกมาอย่างงดงาม “สมกับที่เป็นหญิงสาวที่ข้าหมายตาไว้ ทั้งยังเป็นคนแรกที่สามารถเรียนรู้ทักษะวิญญาณของธาตุวายุจนเชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้! เพียงแต่การที่จะใช้ของของข้ามาโจมตีข้า ที่รักเจ้าคิดผิดไปแล้ว”
“จริงหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ทันใดนั้นกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณก็ถูกชักออกมาจากฝัก “เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ชุดสีขาวที่พลิ้วไหวดูมีชีวิตชีวาของนิรันดร์พุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศอย่างสง่างาม
“ที่รักเจ้าอย่าโมโหไปเลย!”
“เจ้าไม่ดูล่ะว่าเจ้าคนเลวที่ไหนมายั่วยุข้า” และมู่เฉียนซีก็กวัดแกว่งกระบี่เข้าไปอีกครั้ง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉียนซี นิรันดร์ก็ทำได้เพียงแต่หลบหลีก และเขาก็ไม่ได้สู้กลับ
มู่เฉียนซีรู้ถึงความสามารถของนางในตอนนี้ และคาดว่านางก็คงไม่อาจที่จะสัมผัสแม้แต่ชายเสื้อของนิรันดร์ได้
“นิรันดร์ ตอนนี้ข้าสามารถที่จะใช้พลังวิญญาณธาตุวายุได้แล้ว และยังสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วมากอีกด้วย ฉะนั้นเจ้ารีบไสหัวไปเสียเถอะ!”
นิรันดร์กล่าวอย่างเศร้าเสียใจเล็กน้อยว่า “ใช้เสร็จก็โยนทิ้ง ไม่คิดเลยว่าที่รักจะเป็นคนไร้ความเมตตาถึงเพียงนี้”
“หากเป็นคนอื่น ข้าก็คงไม่ไร้ความเมตตาถึงเพียงนี้! แต่หากเป็นเจ้าก็ลืมมันไปเสียเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่ว่านะที่รัก มันไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะออกมาได้ ข้ายังอยากที่จะไปดูแม่น้ำและภูเขาที่ยิ่งใหญ่ของแดนซวนเทียน และยังอยากไปชื่นชมความงดงามของเหล่าสาวงามอีกด้วย! ข้าหลับไปหลายปีแล้ว ข้าอึดอัดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
“ข้ามองว่าเจ้าก็ปกติดีมากเลยนะ!”
“ไม่ดีมากเลยต่างหาก!”
มู่เฉียนซีสูดลมหายใจเข้าลึกพลางกล่าวว่า “หากเจ้าต้องการที่จะไปดูก็ไปดูเอง ข้าจะไปฝึกฝน เช่นนั้นเราก็ทางใครทางมันเถอะ!”
“ไม่ได้ ตอนนี้ข้าบาดเจ็บสาหัสไม่อาจอยู่ไกลจากเจ้านายได้มากนัก เช่นนั้นข้าไปฝึกฝนหาประสบการณ์เป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่? นอกจากนี้ข้าจะได้ช่วยสอนที่รักใช้ธาตุวายุอีกด้วย เพราะว่าสิ่งนี้มีเพียงข้าที่มีประสบการณ์มากที่สุดแล้ว”
ถึงอย่างไรนิรันดร์ก็ไม่ยอมไปแน่นอน มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เจ้าต้องการที่จะอยู่ที่นี่ก็ได้ เพียงแต่ว่าเจ้าต้องทำตามกฎ! อย่ามาทำให้ข้ารำคาญ อย่ามารบกวนข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าถูกรุมทำร้าย หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เจ้าถูกมัดแล้วเอาความงามของเจ้าออกไปขายซะ”
“ได้ ๆ ๆ! ขอเพียงสามารถเฝ้ามองที่รักอยู่ข้างนอกนี้ได้ จะให้ทำอย่างไรข้าก็ยอม” นิรันดร์ตอบรับอย่างน่าเชื่อถือ
“ทางที่ดีที่สุดคือเจ้าต้องพูดคำไหนคำนั้น!”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ลองใช้ทักษะวิญญาณธาตุวายุ และการมีพลังใหม่นี้ก็ช่างให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ด้วย
พลังวิญญาณแผ่ขยายออกไป เนื่องจากบริเวณโดยรอบไม่มีคน มู่เฉียนซีจึงเริ่มแปลงโฉม
และหลังจากที่นางแปลงโฉมแล้ว ถึงจะไม่ได้น่าเกลียดกว่ารูปลักษณ์เดิมมากเท่าไรนัก แต่ทว่าไม่ว่านิรันดร์จะมองอย่างไรก็ไม่พึงพอใจอยู่ดี
เขากล่าวว่า “รูปลักษณ์ก่อนหน้านี้ของที่รักดูแล้วเจริญตามากกว่าอีก!”
“นิรันดร์ เจ้าเปลี่ยนคำเรียกได้หรือไม่? เจ้าไม่รู้สึกว่ามันเลี่ยนบ้างหรืออย่างไร?”
“ข้าว่ามันก็ดีอยู่แล้ว หากต้องการเปลี่ยนแล้วละก็ เอาเป็นคำว่าหวานใจเป็นอย่างไร?”
“หรือว่าเจ้าจะชอบยอดดวงใจมากกว่าล่ะ!”
มู่เฉียนซีรู้สึกเลี่ยนจนจะตายอยู่แล้ว นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นิรันดร์ เจ้าหุบปากได้แล้ว”
“น้อมรับคำสั่งขอรับ!”
เดิมทีคิดว่าจะฝึกฝนเพียงลำพัง แต่พอมีนิรันดร์มาเพิ่ม ก็เปลี่ยนกลายเป็นวุ่นวายขึ้นมาทันที
นิรันดร์มีหน้าตาที่เป็นจุดสนใจของผู้คนมาก และเขาก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดต่างก็มีหญิงสาวมาเกาะติดอยู่ไม่น้อย และสุดท้ายพวกนางก็ถูกนิรันดร์ดึงดูดจนจิตใจเคลิบเคลิ้มหลงใหลไป
นิรันดร์พูดพึมพำกับตนเองว่า “เสน่ห์ของข้าต่อให้ผ่านไปหลายปีถึงเพียงนี้แล้ว ก็ไม่ลดน้อยลงเลย ทว่าเหตุใดเมื่ออยู่ต่อหน้าที่รัก ไม่ว่าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรก็ตามล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น!”
“เฮ้อ! กลุ้มจริง ๆ เลย! ผมข้าจะขาวไปหมดแล้ว”
ไม่ใช่ว่าเล่ห์เหลี่ยมในการจีบสาวของนิรันดร์จะไร้ประโยชน์ แต่ทว่าความสามารถในการเพิกเฉยของมู่เฉียนซีนั้นได้รับการฝึกฝนจนดีมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากที่ออกเดินทางจากอาณาจักรหนานหลิงแล้ว ก็ได้มาถึงเขตทางตะวันออกเฉียงของราชวงศ์ตงหวง
การทำงานของโม่ซวนนั้นไม่เลวเลย หอหมอปีศาจได้มาเปิดถึงที่นี่แล้วจริง ๆ และมันยังมีอิทธิพลมากอีกด้วย
และหลังจากนี้ ก็ถึงเวลาที่จะสอบถามถึงสถานที่ฝึกฝนแล้ว
เนื่องจากความนิยมของนิรันดร์ ทำให้ตลอดทางที่ผ่านมาเกิดเรื่องการหึงหวงจนลงไม้ลงมือกันนับครั้งไม่ถ้วนเพราะแรงดึงดูดของเขา มู่เฉียนซีได้ตัดสินใจว่าจะหาสถานที่ฝึกฝนที่มีหญิงสาวน้อยและมีความท้าทายด้วย
เมื่อได้รู้ว่ามู่เฉียนซีกำลังหาสถานที่เช่นนั้น นิรันดร์ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รัก เจ้าหึงข้าแล้วใช่หรือไม่! อันที่จริงขอเพียงแค่เจ้าพูดมาคำเดียว ข้าจะไม่พูดคุยกับหญิงสาวคนใดอีกเลย และจะไม่แม้แต่จะเหลือบมองสาวอื่นเลยด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นิรันดร์ เจ้าเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจมากที่สุดบนโลกนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าดวงตาของตนเองมีปัญหา หรือว่าเจ้าต้องการให้ข้ารักษาให้หรือไม่?”
“ดวงตาของข้าดีมากเลยต่างหาก ทั้งงดงามทั้งสดใส ทั้งยังกลมโตอีกด้วย!”
“ข้ามีความเชี่ยวชาญต่อธาตุวายุพอสมควรแล้ว ฉะนั้นเจ้ารีบกลับไปนอนพักฟื้นต่อเสียเถอะ!”
“ยังดีไม่พอเลย! หากที่รักสามารถสัมผัสชายเสื้อข้าได้ เช่นนั้นถึงจะถือว่าเจ้าผ่านด่าน และข้าก็จะกลับไปหลับได้อย่างวางใจ!”
“ให้โดนชายเสื้อของเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีได้หมุนเวียนธาตุวายุให้พุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ และพุ่งตรงไปยังนิรันดร์
ซึ่งผลลัพธ์ก็คือนิรันดร์สามารถหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว และยิ้มอย่างกวนประสาท
“ยังไม่พอนะ!”
ป่าที่มู่เฉียนซีมาหาประสบการณ์ฝึกฝนในครั้งนี้เป็นป่าดอกไม้ทางตะวันออกเฉียงใต้ของราชวงศ์ตงหวง นิรันดร์กล่าวว่า “ป่าดอกไม้ ชื่อนี้เมื่อได้ฟังดูแล้วช่างไพเราะยิ่งนัก และมันก็เหมาะสมที่จะใช้ในการบ่มเพาะความรู้สึกของข้ากับที่รักด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นิรันดร์ แม้ว่าชื่อจะไพเราะ แต่ที่นี่กลับเป็นหญ้าพิษถึงเก้าส่วนเชียวนะ”
“ที่รักอย่าได้กลัวไป ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
“ของเล่นเพียงเล็กน้อยแค่นี้ข้าก็กลัวเสียแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าก็คงทำให้นิรันดร์ต้องอับอายแย่”
“นั่นก็ใช่!”
พิษของป่าดอกไม้นี้ไม่อาจทำอะไรนางได้ เพียงแต่ว่ากลิ่นที่หอมกรุ่นของดอกไม้นี้ได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขาอยู่ดี
นิรันดร์กล่าวว่า “ที่รัก สถานที่เล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะต้องชอบแน่นอน”
“ไปดูกันเถอะ!”
กลิ่นหอมหวนของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงดึงดูดพวกของมู่เฉียนซีเท่านั้น แต่มันยังดึงดูดผู้ที่แข็งแกร่งที่มายังป่าดอกไม้ก่อนหน้านี้เหล่านั้นอีกด้วย
และแน่นอนว่าในบรรดาพวกเขาเหล่านั้นต้องมีลูกศิษย์และเหล่าอาวุสโสจากสำนักต่าง ๆ
“มันคือสายลมคืนบุปผา”
“สายลมคืนบุปผาเหล่านี้เป็นของสำนักเทียนชิงของพวกข้าแล้ว คนอื่นนั้นออกไปจากป่าดอกไม้แห่งนี้ให้หมด มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
คนของสำนักเทียนชิงที่เป็นสำนักใหญ่คนหนึ่งเดินแทรกขึ้นมาข้างหน้า ซึ่งทำให้คนอื่นไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“สำนักเทียนชิง เป็นถึงกองกำลังระดับสี่แต่ไม่สามารถตบรางวัลเช่นนี้ได้หรือ! สมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ไม่ว่าผู้ใดเห็นต่างก็มีสิทธิ์ที่จะแย่งชิงมัน!”
“ใช่แล้ว! พวกข้ามาถึงก่อนพวกเจ้าเสียอีก! มีสิทธิ์อะไรมาให้พวกข้าออกไป”