ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1763 เงาที่ซื่อสัตย์
ปีศาจเหล่านี้ ก็เป็นเจ้าพวกที่ชอบให้ใช้ไม้อ่อนเช่นกัน
มู่เฉียนซีพยายามที่จะปกป้องเฟิงอวิ๋นซิวอย่างกล้าหาญ เจ้าพวกนี้จงใจที่จะโจมตีชายชุดแดงโดยเฉพาะ และในเวลานี้ชายชุดคลุมสีแดงผู้นั้นก็กำลังทุกข์ทรมานเป็นมาก
ดวงตาสีเหลืองอำพันคู่นั้นจ้องมองไปที่หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้ เขาไม่รู้จักนางเลย หรือว่าจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทส่งมาช่วยเหลือเขา
“รักษาอาการบาดเจ็บก่อนสิ มัวตกตะลึงอยู่ได้!”
เฟิงอวิ๋นซิวหยิบเอายาลูกกลอนที่รักษาบาดแผลออกมารักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง แต่ทว่าชายอีกคนหนึ่ง ยังคงอยู่ในการต่อสู้อย่างทุกข์ทรมาน
หลังจากที่เฟิงอวิ๋นซิวได้พักฟื้นไปชั่วขณะหนึ่งแล้ว และตอนนี้เขาก็มีพละกำลังพอจะใช้งานได้ ก็มีเงาสีดำพุ่งทะยานออกมาอย่างกะทันหัน และมีเป้าหมายก็คือผู้ชายชุดแดงคนนั้น
ความเร็วในการโจมตีของร่างเงานั้นรวดเร็วมาก และชายชุดแดงผู้นั้นก็ไม่มีทางที่จะหลบหลีกได้เลย
และการโจมตีของร่างเงานั้น เป็นการโจมตีหมายที่จะเอาชีวิตอย่างแน่นอน
ปัง!
พลังธาตุวายุของมู่เฉียนซีไหลเวียนและพุ่งออกไป เพื่อสกัดกั้นการโจมตีของร่างเงาที่โจมตีมายังชายชุดแดงนั้น
ชายชุดแดงผู้นั้นประหลาดใจเล็กน้อย คนผู้นี้ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเฟิงอวิ๋นซิวอย่างนั้นหรือ?
เหตุใดถึงได้ลงมือช่วยเหลือเขากันล่ะ?
“ระวัง!” ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกระโจนเข้าใส่มู่เฉียนซี และมันก็เป็นเรื่องยากมากที่มู่เฉียนซีเพียงคนเดียวจะต่อสู้กับคนมากมายถึงเพียงนี้ได้
นิรันดร์รอให้มู่เฉียนซีสั่งให้เขาลงมือ แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
“เสี่ยวโม่โม่ เผาพวกมันให้ข้าซะ”
ท้องฟ้ามืดมัวลงอย่างกะทันหัน หงส์นิลตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ
และจากนั้นเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดก็พุ่งเข้าโจมตีปีศาจเหล่านั้น!
ตูมมม!
ปีศาจเหล่านั้นได้ถูกเพลิงหงส์อมตะกลืนกินเข้าไป และชายที่สวมชุดแดงก็กล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “สัตว์เทพหงส์!”
ปีศาจเหล่านั้นมีเสี่ยวโม่โม่คอยจัดการให้ แต่ทว่าเฟิงอวิ๋นซิวกลับยังไม่ยอมแพ้
เขายังพยายามที่จะโจมตีชายชุดแดงแล้วยังโจมตีมู่เฉียนซีด้วย ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เฟิงอวิ๋นซิว หยุดเดี๋ยวนี้!”
ในเมื่อเฟิงอวิ๋นซิวไม่ยอมที่จะรับฟัง มู่เฉียนซีจึงต้องขวางอยู่เบื้องหน้าร่างเงานั้นไว้
และกระบี่ที่อยู่ภายในร่างเงานั้น หยุดอยู่ห่างจากมู่เฉียนซีเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น
เฟิงอวิ๋นซิวชะงักไป เนื่องจากว่าร่างเงาสูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เฟิงอวิ๋นซิว ร่างเงาของเจ้ายังซื่อสัตย์เสียยิ่งกว่าตัวเจ้าอีก เจ้ายังยืนยันที่จะเคลื่อนไหวต่อไปเช่นนั้นหรือ?”
ดวงตาสีเหลืองอำพันของเฟิงอวิ๋นซิวเปล่งประกายระยิบระยับ และทันใดนั้นร่างเงาก็หายไปทันที แต่ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะต่อสู้กับชายชุดแดงผู้นั้นอยู่ดี
ร่างสีขาวร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ข้างหลังของเฟิงอวิ๋นซิวอย่างกะทันหัน เฟิงอวิ๋นซิวที่ไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อยก็ได้ถูกนิรันดร์ทำให้หมดสติไป
“เป็นเช่นนี้ไม่ได้แล้ว!”
“ข้า…ข้าก็รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเช่นกัน!” ร่างของชายชุดสีแดงเริ่มเซไปเซมา และหมดสติไปในที่สุด
ผู้บาดเจ็บทั้งสองหมดสติไป อีกทั้งกลิ่นคาวเลือดยังดึงดูดเหล่าปีศาจมาได้ไม่น้อยเลย และยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ พาพวกเราไปหาฐานที่มั่นที่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นค่อยมารักษาพวกเขา”
“เจ้าค่ะ นายท่าน!”
มีผู้คนไม่น้อยที่มาหาประสบการณ์การฝึกฝนที่เกาะวิญญาณปีศาจ แน่นอนว่าต้องยังพอมีฐานที่มั่นอยู่บ้าง และฐานที่มั่นเหล่านี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ป้องกันไม่ให้ปีศาจที่เข้ามาใกล้ได้ ทำให้คนที่ได้รับบาดเจ็บสามารถรักษาตัวอยู่ที่นี่ได้ อีกทั้งเมื่อเจอเหล่าปีศาจกำลังสร้างความวุ่นวายก็สามารถหลีกหนีมาอยู่ภายในนี้ได้เช่นกัน
เสี่ยวโม่โม่ได้ร่อนลงไปยังฐานที่มั่นที่ใกล้ที่สุด และมู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “นิรันดร์ เจ้าพาผู้ชายคนนั้นไป ส่วนข้าจะเป็นคนพาอวิ๋นซิวไปเอง!”
“เหตุใดจะต้องพาเจ้าหมอนี่ไปด้วย ให้ข้าแบกไปทั้งสองคนก็ได้แล้วนี่” กล่าวจบนิรันดร์ได้คว้าเอาผู้ชายทั้งสองคนขึ้นมาด้วยมือเดียวแล้วเดินไปข้างหน้า
หากจะเข้าไปในฐานที่มั่นก็ต้องจ่ายเงิน และสิ่งที่ต้องการก็คือสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์ ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงได้มอบสมุนไพรวิญญาณไปให้อย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็ได้รับมอบสถานที่ที่ไม่เลวเลยมาให้แห่งหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นิรันดร์ ช่วยคนก่อน!”
หากมีนางและนิรันดร์อยู่ ถึงแม้ว่าผู้ชายทั้งสองคนนี้จะมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วก็ยังสามารถช่วยให้กลับมาได้
นิรันดร์พิงกำแพงอย่างเกียจคร้านพลางกล่าวว่า “ศิษย์ที่รัก เจ้ายังไม่รู้กฏของข้าอีกหรือ! กฎข้อที่หนึ่งของข้าก็คือ พวกผู้ชายที่ดูแล้วไม่เจริญหูเจริญตา ข้าไม่ช่วย! ส่วนข้อที่สอง ผู้ชายที่ไม่มีผลประโยชน์ให้แก่ข้า ข้าก็จะไม่ช่วย!”
“แต่ทั้งสองคนนี้มีมันทั้งสองข้อนั้นเลย ข้าไม่อยากที่จะออกแรงเลยสักนิด!”
“เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ! ข้าไม่ฝืนใจเจ้า”
ด้วยการเคลื่อนไหวข้อมือของมู่เฉียนซี ทำให้มีเข็มยาหลายเล่มพุ่งออกมา และได้ฝังเข้าไปที่จุดต่าง ๆ บนร่างกายของพวกเขาทั้งสอง
ทั้งป้อนยา และพันแผล!
พูดได้ว่าก่อนหน้านี้ที่ให้เฟิงอวิ๋นซิวใช้ยาลูกกลอนรักษาบาดแผลด้วยตนเองก็เป็นเพราะไม่อยากที่จะเปิดเผยสถานะของตนเอง แต่ตอนนี้สิ่งที่มู่เฉียนซีกำลังทำอยู่ กลับไม่ได้มีการปกปิดสถานะของตนเองเลยแม้แต่น้อย
ในตอนแรกของสงครามดินแดนทั้งสี่ทิศ อวิ๋นซิวได้หายตัวไป และในที่สุดตอนนี้ก็ได้พบเขาอีกครั้งแล้ว
เขายังมีชีวิตอยู่ ช่างเป็นเรื่องที่ดีมากจริง ๆ!
หลังจากที่จัดการอาการบาดเจ็บสาหัสของทั้งสองคนได้แล้ว มู่เฉียนซีก็ค้นพบว่าเสี่ยวโม่โม่จ้องไปที่หน้ากากของชายชุดแดงผู้นั้น
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “นายท่าน หน้ากากของเขาก็เป็นหนึ่งในเผ่าหงส์ของข้า มันคือเผ่าหงส์ไฟ”
เผ่าหงส์ไฟเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าหงส์เช่นกัน แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในแดนหงส์ ดังนั้นตอนที่นางอยู่แดนหงส์ครั้งนี้จึงไม่ได้พบกับเผ่าหงส์ไฟ
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อื้ม! มันคือหงส์ไฟ!”
เมื่อมองไปที่ร่องรอยบนหน้ากาก ดวงตาของมู่เฉียนซีก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
“ได้ยินข่าวมาว่าที่นี่มีหญิงสาวและหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเข้ามาใหม่ และยังมีคนเจ็บปางตายมาอีกสองคน หากปล่อยให้ไร้ประโยนช์เหล่านี้เข้ามา มันจะเป็นการครอบครองพื้นที่ไปอย่างสมบูรณ์ รีบขับไล่ออกไปเถอะ”
มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นมาจากด้านนอก ชายคนหนึ่งที่มีร่องรอยของแผลเป็นสามแผลบนใบหน้าพาคนเข้ามาด้วยท่าทางที่ดุดัน
ทันทีที่เขาเข้ามา และได้เห็นรูปร่างหน้าตาที่งดงามของมู่เฉียนซี ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายแวววาว
“หากคิดที่จะมายังฐานที่มั่นของพวกเราจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมมาด้วย เนื่องจากว่าเมื่อฐานที่มั่นมีอันตรายเกิดขึ้นจะเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการจัดการและป้องกันฐานที่มั่นเอาไว้ และพวกเจ้าก็ไม่มีความสามารถเช่นนั้น ฉะนั้นตอนนี้รีบไสหัวออกไปซะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หาว่าข้าไม่ตอบรับล่ะ!”
“หากไม่ตอบรับ เช่นนั้นก็อยู่เป็นเพื่อนข้าและมอบยาลูกกลอนให้ข้าเพิ่มสักหน่อย ความสามารถของข้าแข็งแกร่งพอ ที่สามารถช่วยพวกเจ้าออกแรงได้มากขึ้นอีกสักหน่อย” หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา จนเผยให้เห็นฟันสีเหลืองอ๋อยของเขา
ดวงตาที่น่าหลงใหลคู่นั้นของนิรันดร์ได้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ศิษย์ที่รักของข้าจะให้เจ้าพวกผู้ชายแบบนี้มาคิดอย่างนี้ได้เช่นไรกัน ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!
สายลมที่อยู่ในอากาศเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที และมู่เฉียนซีก็ลงมือด้วยตนเอง!
“ความสามารถแข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็แสดงให้ข้าดูเสียหน่อยว่าแข็งแกร่งมากเพียงใด!”
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
พลังธาตุวายุที่น่าสะพรึงกลัว พัดโหมกระหน่ำไปทางเขา
อีกฝ่ายไม่คาดคิดว่ามู่เฉียนซีจะลงมือได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ทำให้เขาต้องถอยหลังไปหลายสิบก้าว
“เป็นเพียงแค่สาวน้อยผู้มีขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น มีอะไรให้หยิ่งผยองได้กัน!”
เขาเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ และเนื่องจากว่ามีความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เขาถึงได้กล้าที่จะเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่ในฐานที่มั่นแห่งนี้ได้
ในตอนที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว บรรยากาศโดยรอบทำให้เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที และสุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถหายใจได้อย่างสิ้นเชิง!
“อ๊ากก!” มีเสียงร้องโหยหวนที่น่าเวทนาเสียงหนึ่งดังออกมา ทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด
ชายผู้นั้นถูกใบมีดที่ราบเรียบตัดแยกออกจากกัน ในเวลานี้นิรันดร์มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซี หลังจากนั้นก็ดึงมู่เฉียนซีมาอยู่ข้างหลังของเขา
“จัดการกับคนประเภทนี้ มีแต่จะทำให้มือของศิษย์ที่รักต้องสกปรก อาจารย์จะจัดการให้เรียบร้อยเอง!”
“อ๊ากกก!” ชายผู้นั้นหายวับไปในทันที และเลือดที่อยู่บนพื้นก็หายไปด้วยเช่นกัน และคนผู้นั้นก็เหาะออกไป
นิรันดร์ได้ไล่ตามไป เป็นผลให้เสียงร้องคำรามดังเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งเก้า พวกเขาทุกคนต่างก็ไม่ได้มีจิตใจที่ดีงาม
ความเมตตาของนิรันดร์นั้นมีอยู่โดยทั่วไป แต่หากมีคนมาแตะต้องต่อมโมโหของเขา มันก็จะเปลี่ยนกลายเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ต่อมโมโหของเขาก็คือเหล่าสาวงามที่เขาถูกตาต้องใจ แต่ทว่าต่อมโมโหของเขาในตอนนี้ก็คือเจ้านายของเขา นั่นก็คือมู่เฉียนซี ซึ่งคนที่เขาชอบมากที่สุด