ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1771 ถูกต้อนจนไร้หนทาง
ครั้งนี้ ศิษย์สำนักหลางซิงเหล่านี้พร้อมใจกันทำลายตัวเองไปด้วยกัน ทำให้มู่เฉียนซีได้เห็นถึงพลังอำนาจของมู่หลินหลางแล้วว่านางสามารถทำให้คนยอมตายแทนนางได้มากถึงเพียงนี้ได้
จูเชว่กล่าว “ตกใจละสิ! ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามู่หลินหลางนางใช้วิชามารใดกับพวกโง่เขลาเบาปัญญาเหล่านี้ อาการเช่นนี้ผิดแปลกยิ่งนัก”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่จูเชว่กล่าว “ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า!”
นางไม่เชื่อว่าคนที่มีนิสัยยั่วเสน่ห์อย่างมู่หลินหลางจะมีพลังปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้
คนเหล่านี้เปรียบเสมือนพวกที่ศรัทธาเลื่อมใสนางอย่างบ้าคลั่งถึงขั้นมีชีวิตอยู่เพื่อนาง และยอมตายเพื่อนางได้ก็มิปาน สามารถสร้างกองกำลังที่คลั่งไคล้นางเช่นนี้ออกมาได้ มู่หลินหลางต้องใช้อุบายลึกลับบางอย่างเป็นแน่
ก่อนที่พวกเขาจะทำลายตัวเอง มู่เฉียนซีและจูเชว่ได้สลัดตัวออกมาแล้ว และพาพวกเขาไล่ตามศัตรูไป
เสี่ยวหงกับอู๋ตี้เป็นสัตว์พันธสัญญาของมู่เฉียนซี แต่เสี่ยวโม่โม่ไม่เคยปรากฏตัวในที่แจ้งมาก่อน จึงไม่กลัวว่าจะถูกเปิดเผยตัวตน
จูเชว่ก้มมองชายผู้ออกคำสั่งที่กำลังหนีอย่างสุดชีวิตผู้นั้น ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “คิดจะหนีอย่างนั้นเหรอ เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้เหรอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“นี่พวกเจ้ายังไม่ตายอีกหรือ ตายยากยิ่งนักนะ!”
ถูกสัตว์เทพหงส์ตัวหนึ่งตามไล่ล่าเข้าเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นจริง ๆ
แต่เขาไม่อยากตาย อย่างไรก็ตามเขาจะต้องคิดหาทางให้กองกำลังมาสนับสนุนเพื่อกำจัดสองคนนี้ให้ได้
ในฐานะที่เป็นศิษย์ผู้เป็นอัจฉริยะแห่งสำนักหลางซิงกองกำลังระดับสี่ คนผู้นี้มีอาวุธวิญญาณเตรียมพร้อมมากเหลือคณานับ เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ เขาจึงเอาออกมาใช้อย่างไม่ตระนี่ถี่เหนียวเลยแม้แต่น้อย
“ข้าบอกให้เจ้าหยุด เจ้าไม่ได้ยินหรือไร?” เสี่ยวโม่โม่ที่ทะยานตัวไล่ล่าอยู่กลางนภาในตอนนี้ก็เกิดความโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว
เปลวเพลิงอันมืดมิดนับไม่ถ้วนดุจดั่งฝนดาวตกพุ่งโจมตีลงมาจากท้องนภาลงสู่พื้นพสุธาจนเกิดเป็นหลุมราวกับอุกกาบาตก็มิปาน
เขาเกือบโดนการโจมตีนั้นเข้าแล้ว ดวงวิญญาณของเขาเกือบจะดับสลายลงแล้ว ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นจ้องมองไปที่สัตว์เทพหงส์ที่กำลังตามไล่ล่าเข้ามาใกล้เขาทุกที ๆ
คนจำนวนไม่น้อยเห็นรูปร่างและท่วงท่าของเสี่ยวโม่โม่ ทว่า กลับไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปใกล้มัน
กลิ่นอายของสัตว์เทพหงส์ตัวนี้นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก อีกทั้งเปลวไฟของมันนั้น ผู้ใดก็มิอาจจิตนาการได้เลย ใครกล้าย่างกรายเข้าไปใกล้ ก็นับว่าเป็นเคราะห์กรรมของคนผู้นั้น
“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”
“มีคนจะฆ่าข้า ช่วยด้วย!”
“……”
ถูกต้อนจนไร้หนทางเช่นนี้แล้ว เขาก็เริ่มไร้เรี่ยวแรงที่จะเอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือแล้ว
ทว่า ณ ที่แห่งนี้มีคนจำนวนมากที่แหกปากร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่คนที่มีจิตใจจะช่วยเหลือผู้อื่นนั้นกลับมีน้อยนิด ต่อให้ร้องขอความช่วยเหลือเพียงใดก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
แต่ถึงกระนั้น เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีโชคชะตาที่ดีเหลือเกิน ร่างหลายร่างนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา และพยุงตัวคนผู้นี้ขึ้น
ยอดฝีมือขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์! อีกทั้งยังไม่ใช่ขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำธรรมดาอีกด้วย
“เจ้าหนุ่มผู้นี้คงจะเป็นคนของสำนักหลางซิงกระมัง! นึกไม่ถึงเลยว่าจะตกอยู่ในสภาพอัปยศเช่นนี้ ช่างน่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก!”
“องค์หญิงหลินหลางเบื่อหน่ายจึงสร้างกองกำลังระดับสี่นี้ขึ้นมาเล่น ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์ในสำนักจะน่ารังเกียจเช่นนี้ ช่างทำให้องค์หญิงหลินหลางขายหน้าเสียจริง”
“……”
ชายหนุ่มผู้นั้นก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ท่าน ได้โปรดช่วยชีวิตข้าด้วย! ตอนแรกกลุ่มของพวกข้าเจอมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่นี่ แต่กลับถูกคุณชายจูเชว่ผู้ไร้ยางอายแย่งชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพชิ้นนั้นของพวกเราไป อีกทั้งยังฆ่าทุกคนอีกด้วย ข้าหนีตายเอาชีวิตรอดออกมาเพื่อจะแจ้งเรื่องนี้ต่อสำนัก แต่คุณชายจูเชว่ผู้นี้ช่างรับมือได้ยากยิ่ง!”
คุณชายจูเชว่!
เมื่อได้ยินเช่นนี้เข้า ดวงตาของชายชราเหล่านี้จึงเปล่งประกายขึ้น โยนร่างของชายผู้นี้ทิ้งไป ก่อนจะกระโจนตัวทะยานขึ้นกลางอากาศ จ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่ใช้หน้ากากอำพรางใบหน้าที่สวมชุดคลุมยาวสีแดงเพลิงผู้นั้น
“เจ้าก็คือจูเชว่ผู้ก่อเรื่องวุ่นวายผู้นั้น!”
“พยายามหาแทบตายกลับหาไม่เจอ พอเลิกหากลับมาเจอเอาเสียง่าย ๆ เช่นนี้ พอพวกข้ามาที่สนามรบวิญญาณปีศาจก็ได้เจอคุณชายจูเชว่ทันที แถมยังเป็นคุณชายจูเชว่ผู้ตกอับอีกด้วย”
“ตายซะเถอะ!”
ภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง อีกทั้งยังมีภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงผู้หนึ่งอีก รับมือไม่ง่ายเลย!
พลังวายุโหมกระหน่ำขึ้นมา มู่เฉียนซีโยนพัดวิหคเฟิงหลิงออกไปพลางตะโกนขึ้นว่า “พัดวิหคสะบัดขน!”
ชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง ยอดฝีมือขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็เห็นขนนกสีขาวนวลปรากฏขึ้นเป็นชั้น ๆ ขวางกั้นการมองเห็นของพวกเขาเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวโม่โม่ รีบไปเร็วเข้า!”
“ขอรับ!”
“ก็แค่อุบายกระจอก ๆ ทำลาย!” ชายชราผู้หนึ่งสบถออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา กระบี่ฝนตกลงมาทิ่มแทงทำลายชั้นขนนกเหล่านี้จนสิ้น
เมื่อพวกเขาทั้งสามรวมตัวด้วยกันแล้วก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชราเหล่านี้ แม้ว่าอู๋ตี้และเสี่ยวหงจะลงมือแล้วด้วยก็ตาม
จูเชว่กล่าว “ซีซี ครั้งนี้ข้าทำให้เจ้าลำบากแล้ว ข้าว่าเราแยกกันหนีเถอะ คนพวกนั้นต้องเลือกที่จะตามไล่ล่าข้าแน่นอน”
“นี่ตกลงเจ้าไปก่อเรื่องอันใดเอาไว้กันแน่ อวิ๋นซิวตามไล่ล่าเจ้าคนเดียวยังไม่พอ นี่มู่หลินหลางยังส่งยอดฝีมือขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มากมายเช่นนี้มาตามไล่ล่าเจ้าอีก ข้านี่นับถือเจ้าแล้วจริง ๆ”
จูเชว่เองก็กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ข้าก็เป็นเพียงแค่พ่อค้าขายข่าวธรรมดา ๆ คนนึง เฮ้อ แค่อายุข้าไล่เลี่ยกับมู่หลินหลาง และพลังความแข็งแกร่งของข้าก็พอ ๆ กันกับนาง หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่านางเพียงเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง นึกไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงหลินหลางจะไม่ชอบขี้หน้าข้าถึงเพียงนี้”
“เอ๊ะ! หรือว่าข้าจะไปรู้เรื่องบางอย่างที่ข้าไม่ควรรู้เข้า พวกนั้นก็เลยต้องการจะฆ่าปิดปากข้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าว่าการที่เจ้ามีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้วล่ะ”
“คุณชายเช่นข้าเป็นคนระมัดระวังตัวมาโดยตลอด หากข้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าข้าอยู่ที่ใด คนในแดนซวนเทียนนี้ก็ไม่มีทางหาตัวข้าเจอหรอก ครั้งนี้คงเป็นเพราะเฟิงอวิ๋นซิวเปิดเผยเป็นแน่ ส่วนคนเหล่านี้ก็คงจะเป็นกองกำลังสนับสนุนที่เขาเรียกมาช่วย เจ้าไม่น่าปล่อยเจ้านั่นไปตั้งแต่แรกเลย!”
“ฝืนบังคับคนนิสัยอย่างเขาให้อยู่ก็คงยากที่จะฝืน อย่างไรเสียก็ทำได้แค่ปล่อยเขาไปนั่นแหละ”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
กลิ่นอายกระบี่นับไม่ถ้วนโจมตีเข้ามา เสี่ยวโม่โม่เกือบได้รับบาดเจ็บจากกลิ่นอายกระบี่นี้
จูเชว่ชูดาบปีศาจขึ้น ลำแสงดาบนับไม่ถ้วนโจมตีออกไป ทว่า กลับถูกพวกเขากำจัดไปได้อย่างง่ายดาย
ความแข็งแกร่งห่างชั้นกันมากนัก หากเป็นยอดฝีมือขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำธรรมดา แม้จะฆ่าได้ไม่หมดแต่ก็สามารถถอยหนีไปได้อย่างง่ายดาย แต่พลังความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำมาก
“ซีซี ข้าขอสู้กับคนพวกนี้ด้วยชีวิต!”
“ขืนเจ้าดึงดันก็มีแต่ตายกับตาย เมื่อถึงตอนนั้นก็นับว่ามู่หลินหลางทำสำเร็จ! ข้าไม่อยากให้มู่หลินหลางทำสำเร็จเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้น เจ้าเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่จะดีกว่า!”
“เสี่ยวโม่โม่ ขวางพวกมันเอาไว้ ระวังตัวด้วย!”
“นายท่าน เสี่ยวโม่โม่เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”
ครั้นแล้ว มู่เฉียนซีและจูเชว่กระโจนลงไปบนพื้นดิน เสี่ยวโม่โม่ปล่อยพลังอันแข็งแกร่งที่สุดโจมตีพัวพันกับศัตรูตรงหน้า
ทันใดนั้นเอง มู่เฉียนซีก็ใช้พลังแห่งมิติพาจูเชว่หนีไปอย่างสุดชีวิตในสนามรบวิญญาณปีศาจอันไร้ขอบเขตแห่งนี้
จูเชว่ตะโกนขึ้นด้วยความตกใจว่า “ให้ตายเถอะ! หมอกหนาเช่นนี้ ครานี้ซวยแล้วเป็นแน่”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “หมอกหนาแล้วเช่นไรหรือ?”
หมอกเหล่านี้บดบังการมองเห็นก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพราะยังสามารถใช้พลังจิตมองเห็นเส้นทางได้ แต่เมื่อนางแผ่ซ่านพลังจิตออกมากลับพบว่าไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งใดได้เลย
ณ ที่แห่งนี้ ดูเหมือนว่าต่อให้มีพลังจิตที่แข็งแกร่งมากเพียงใดก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์อันใดได้เลย
“หมอกเริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว รีบล่าถอยเร็วเข้า! อย่าฝืนเข้าไปเป็นอันขาด!”
ตอนนี้ยอดฝีมือขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็ตามมาแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นหมอกหนาแน่นเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนไปทันที และรีบล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
“บัดซบยิ่งนัก! เจ้าบัดซบนั่นกับสาวน้อยบ้าผู้นั้นหนีเข้ามาในนั้นแล้ว”
“หลงเข้าไปในเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนเช่นนั้นแล้วพวกนั้นก็ไม่มีทางเอาชีวิตรอดออกมาได้แล้ว เช่นนี้ก็นับว่าได้กำจัดหนามยอกออกขององค์หญิงไปได้ และนับว่าพวกเราทำภารกิจนี้สำเร็จแล้ว”
“รีบกลับไปรายงานเถอะ!”
“ขอรับ!”
จูเชว่กล่าว “ข้าได้ยินมาว่าหากเส้นทางวิญญาณแห่งความตายได้เกิดม่านหมอกหนาแน่นขึ้นแล้ว จะต้องรีบหนีออกจากม่านหมอกนี้ให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นจะถูกม่านหมอกนี้พัดพาเข้าไปจนถึงเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืน แล้วจากนั้นก็จะถูกกักขังอยู่ในนั้น และไม่มีทางหนีออกมาได้ตลอดชีวิต”
ทันใดนั้นเอง นิรันดร์ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนดุจดั่งสายวารีว่า “แม่ยอดดวงใจของข้า เจ้ากลัวหรือไม่! หากกลัวก็มาซบในอ้อมกอดของข้าได้นะ! รีบมาซบเร็วเข้าสิ!”