ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1781 ท่านผู้นำเกาะเชิญเข้าพบ
พวกเขาที่ถูกด่าว่าก็ไม่รู้ประสีประสาแต่อย่างใด เดิมทีพวกเขาคิดว่าหากหาสมุนไพรวิญญาณมาให้ท่านผู้นำเกาะได้มากพอ ท่านผู้นำเกาะจะต้องชื่นชอบและพึงพอใจอย่างแน่นอน พวกเขาคาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าท่านผู้นำเกาะจะโกรธพวกเขามากมายเช่นนี้
“ท่านผู้นำเกาะ พวกเรามีตาหามีแววไม่ ท่านผู้นำเกาะได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วย!”
“ท่านผู้นำเกาะ พวกเราพยายามถึงที่สุดแล้ว! สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้สามารถแลกยาลูกกลอนสักสองสามเม็ดจะได้หรือไม่?”
“……”
“ของไร้ค่าแบบนั้น ถึงแม้จะสามารถแลกกับยาลูกกลอนได้ ก็แลกได้เพียงยาลูกกลอนชั้นต่ำเท่านั้น หยุดคิดไปได้เลย” ท่านผู้นำเกาะกล่าวด้วยความเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ความผิดหวังปรากฏเด่นชัดอยู่บนใบหน้าของพวกเขาทุกคน เห็นทีครั้งนี้คงเสียแรงเปล่าเสียแล้ว
“แล้วผู้อาวุโสสองคนนั่นที่ข้าแต่งตั้งขึ้นมาล่ะ? เหตุใดพวกเขาจึงไม่ตามพวกเจ้ามาด้วย?” ผู้นำเกาะพบว่ามีคนสองคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
“ทันทีที่พวกเราขึ้นเกาะ พวกเราก็ได้แยกกันกับหนุ่มสาวสองคนนั่นแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะไปซื้อของที่ตลาดนะขอรับ” มีคนกล่าวขึ้น
ท่านผู้นำเกาะกล่าว “แล้วพวกเขาสองคนเก็บสมุนไพรวิญญาณอะไรได้บ้างหรือไม่?”
“เด็กน้อยนั่นชอบเก็บสมุนไพรไร้ชื่อ อีกทั้งทุกครั้งที่เก็บสมุนไพรก็รวดเร็วมาก ในเวลาไม่นานก็กลับขึ้นเรือแล้ว คงเป็นเพราะนางรู้ว่าไม่ได้เก็บสมุนไพรวิญญาณมีค่าอันใดกลับมาได้ ก็เลยไม่มีหน้ามาพบท่านผู้นำเกาะกระมัง”
ท่านผู้นำเกาะสาดส่องสายตาเย็นชาไปยังพวกเขาทีละคน ในสายตาของพวกไม่ได้เรื่องเหล่านี้ บางทีสมุนไพรไร้ค่าที่เจ้าเด็กน้อยนั่นเก็บมา อาจจะเป็นสมุนไพรวิญญาณที่มีประโยชน์ก็ได้
ท่านผู้นำเกาะโบกมือไปมาแล้วกล่าว “พวกเจ้าไสหัวออกไปได้แล้ว!”
พวกเขาทยอยกลับออกมาจากวังของท่านผู้นำเกาะด้วยความผิดหวัง ทว่าก่อนจะออกจากวังไป มีคนผู้หนึ่งที่เหลียวหลังกลับไปมองท่านผู้นำเกาะอีกครั้ง
เขากล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอ “ท่านผู้นำเกาะ ข้ารู้เรื่องเรื่องหนึ่งมา หากท่านผู้นำเกาะพึงพอใจ ท่านจะมอบยาลูกกลอนให้ข้าเป็นรางวัลสักเม็ดสองเม็ดจะได้หรือไม่?”
ท่านผู้นำเกาะกล่าว “เจ้าก็ต้องประเมินตัวเจ้าเองก่อน ว่าข่าวคราวของเจ้ามีค่าพอหรือไม่ หากมีค่ามากพอ สำหรับข้าแล้วยาลูกกลอนเพียงเม็ดสองเม็ดก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
ดังนั้นเขาจึงนำเรื่องแปลกประหลาดที่เขาพบเจอบอกเล่าให้ท่านผู้นำเกาะฟัง สัตว์ทะเลทุก ๆ ตัวล้วนหันมาเข่นฆ่ากันเอง แม้กระทั่งพวกเขาก็เช่นกัน
ดวงตาของท่านผู้นำเกาะส่องประกายขึ้นในทันที มันช่างคุ้นเสียเหลือเกิน ถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจว่านั่นเป็นสมุนไพรวิญญาณอะไร ทว่ามันจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เจ้าว่าดอกไม้ประหลาดนั่นอยู่ในมือของเด็กน้อยนั่นรึ?” ท่านผู้นำเกาะเอ่ยถาม
“ใช่แล้วขอรับ! เจ้าเด็กสาวและเด็กหนุ่มนั่นไม่เห็นท่านผู้นำเกาะอยู่ในสายตาเลยสักนิด ออกไปปฏิบัติหน้าที่ภายนอกเกาะแล้ว เมื่อกลับมาก็ไม่มารายงานท่านผู้นำเกาะ” เขากล่าวด้วยท่าทางโกรธแค้นเต็มประดา
“เอาล่ะ! ยาลูกกลอนขวดนี้เป็นรางวัลของเจ้า รีบไสหัวไปได้แล้ว!”
ยาลูกกลอนเพียงหนึ่งขวดก็ทำให้เขาดีใจจนแทบเสียสติ
“ขอบคุณท่านผู้นำเกาะเป็นอย่างยิ่ง! ขอบคุณท่านผู้นำเกาะเป็นอย่างยิ่ง”
มู่เฉียนซีและจูเชว่ต่างก็ยังไม่รู้ว่าท่านผู้นำเกาะมีจุดประสงค์ที่จะครอบครองบุปผาเปลี่ยนเก้าวิญญาณ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเลือกซื้อก้อนหินเสร็จแล้ว พวกเขาก็กลับเรือนไปพักผ่อนตามปกติ
ผลปรากฏว่าครั้นมาถึงด้านหน้าประตูรั้ว ผู้ติดตามของท่านผู้นำเกาะก็ได้ออกมาต้อนรับพวกเขาในทันที
“ผู้อาวุโสมู่ ผู้อาวุโสจูเชว่ ท่านผู้นำเกาะเชิญพวกท่านเข้าพบ”
จูเชว่กล่าว “วันนี้พวกเราเพิ่งกลับเข้ามาจากนอกเกาะ รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก พรุ่งนี้เช้าเมื่อตื่นนอนแล้วพวกเราจะไปพบท่านผู้นำเกาะเอง!”
พวกเขาตกตะลึงไปในทันที สิ่งแรกที่บรรดาผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ทำเมื่อกลับมาถึงเกาะ ก็คือรีบไปเข้าพบท่านผู้นำเกาะให้เร็วที่สุด ทว่าสองคนนี้กลับทำตัวผิดแปลกไปอย่างยิ่ง
เมื่อกลับมาถึงเกาะแล้ว พวกเขาก็ออกไปเดินเล่นจับจ่ายซื้อของ มาครานี้ก็จะพักผ่อนอีก
“ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ได้ไปพบท่านผู้นำเกาะกันตั้งนานแล้ว ท่านทั้งสองจะต้องไปพบท่านผู้นำเกาะในตอนนี้เท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ต้องไปตอนนี้หรือ? บนเกาะมีกฎแบบนี้ด้วยหรืออย่างไร? หากไม่มีกฎเกณฑ์เป็นลายลักษณ์อักษร ข้าก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ทำตาม”
พวกเขาหันมามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง นี่เป็นขนบธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาช้านาน ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์ที่ถูกระบุขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร
อย่างไรเสียทุก ๆ คนที่กลับเข้ามาแล้ว ก็จะต้องรีบนำสิ่งที่ได้มาไปแลกกับยาลูกกลอนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากไปช้าแล้วก็อาจจะได้รับยาลูกกลอนที่น้อยลง
“ท่านผู้อาวุโสทั้งสอง ท่านเพิ่งมาถึงเกาะไม่หวนคืนได้ไม่นานอาจจะยังไม่ทราบ หากพวกท่านได้สมุนไพรวิญญาณชั้นดีมา ก็สามารถนำไปแลกยาลูกกลอนกับท่านผู้นำเกาะได้”
“พรุ่งนี้ไปก็เหมือนกันแหละน่า!”
“ถ้าหากมันหมดแล้วล่ะ!”
“อ้อ! เช่นนั้นก็ช่างประไร” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าคนทั้งสองจะเชิญไปได้ยากเย็นเช่นนี้
“หากท่านผุ้อาวุโสทั้งสองไม่ไปละก็ พวกเราก็ไม่รู้จะอธิบายต่อท่านผู้นำเกาะอย่างไร!” พวกเขาแสดงสีหน้าหนักใจออกมาอย่างชัดเจน
“นั่นมันก็เป็นเรื่องของพวกเจ้าแล้ว! ดูเหมือนท่านผู้นำเกาะของพวกเจ้าก็จะไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลอะไรขนาดนั้นนะ?” มู่เฉียนซีกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย
สีหน้าของพวกเขาดูบูดบึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ทั้งสองท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ไป!”
“ทำไม? หากพวกข้าไม่ไป พวกเจ้าจะจับพวกข้าไปอย่างนั้นหรือ พวกเราพร้อมรับใช้ทุกเวลาอยู่แล้ว!” จู่เชว่กล่าวยั่วยุ
เมื่อพวกเขาหวนนึกถึงหนุ่มสาวสองคนนี้ที่จัดการผู้อาวุโสระดับหนึ่งและสองจนตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา และเดิมทีก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครองตำแหน่งผู้อาวุโสด้วยซ้ำ เกรงว่าคนทั้งสองจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไรคนทั้งสองอย่างแน่นอน
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีกำลังที่จะบังคับให้พวกเราติดตามไปด้วย เช่นนั้นก็รีบไสหัวออกไปได้แล้ว!”
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปในเรือนโดยไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย
“ให้พวกเจ้าไปเชิญคนมาแค่นี้ก็ทำไม่ได้ พวกเจ้านี่มันไร้ค่าจริง ๆ!” เมื่อกลับไปรายงานท่านผู้นำเกาะ แน่นอนว่าก็ต้องถูกท่านผู้นำเกาะด่าว่าเป็นธรรมดา
“ท่านผู้นำเกาะ พวกเขาทั้งสองไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเช่นนี้! เราส่งผู้อาวุโสระดับสองสักสองสามคนไปจับตัวพวกเขามาเป็นอย่างไรขอรับ”
ท่านผู้นำเกาะกล่าวตอบ “ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก อย่างไรเสียพวกเขาก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว พรุ่งนี้เมื่อพวกเขามาถึงแล้วค่อยว่ากัน หากพรุ่งนี้พวกเขาไม่ยอมมาดี ๆ ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน”
“ไป ไป ไป ไสหัวไปได้แล้ว!” เมื่อเห็นคนที่ทำงานไม่ได้เรื่องเหล่านี้ทีไร เขาก็รู้สึกหงุดหงิดเสียทุกที
เนื่องจากทั้งสองรีบร้อนกลับออกไป จึงไม่ทันระวังชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
“สวัสดีท่านผู้อาวุโสอวี๋!”
ท่านผู้อาวุโสอวี๋เอ่ยถาม “ท่านผู้นำเกาะอารมณ์ไม่ดีอีกแล้วหรือ? เกิดอะไรขึ้น? ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย”
“ท่านผู้อาวุโสอวี๋อย่าได้โกรธไปเลย มีหนุ่มสาวสองคนที่ไม่รู้ประสีประสาทำให้ท่านผู้นำเกาะหงุดหงิดน่ะขอรับ พรุ่งนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ข้าน้อยว่าพรุ่งนี้ท่านผู้นำเกาะจะต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปเป็นแน่”
“ไหนพวกเจ้าว่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าจะได้ปรับทุกข์ให้ท่านผู้นำเกาะได้”
“เรื่องเป็นแบบนี้ขอรับ…”
ท่านผู้อาวุโสอวี๋นับว่าเป็นผู้อาวุโสอันดับหนึ่งของเกาะไม่หวนคืนแห่งนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นพ่อบ้านให้กับท่านผู้นำเกาะอีกด้วย เขาจะคอยสะสางเรื่องต่าง ๆ ให้กับท่านผู้นำเกาะ ส่วนท่านผู้นำเกาะก็เพียงแค่ตั้งใจฝึกฝนและศึกษาการหลอมยาก็พอแล้ว
คนผู้นี้นับว่าเป็นบุคคลที่มีผู้นับหน้าถือเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงไม่กล้าปิดบังแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงบอกเล่าเรื่องราวทุกสิ่งอย่างให้ท่านผู้อาวุโสอวี๋ฟังอย่างละเอียด
ท่านผู้อาวุโสอวี๋กล่าว “ดูเหมือนผู้อาวุโสระดับสองที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่สองคนนี้จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ เลยนะ”
“มีเอกลักษณ์ที่ยั่วโทสะท่านผู้นำเกาะเช่นนี้ พวกข้าน้อยเชื่อว่าบนเกาะไม่หวนคืนคงไม่มีที่ให้พวกเขาอยู่อย่างแน่นอน”
ท่านผู้อาวุโสอวี๋ดึงตัวพวกเขามาพูดคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทั้งสองคนนี้เดินจากไปแล้ว ท่านผู้อาวุโสอวี๋เหลือบมองไปยังที่ ๆ มีแสงส่องสว่างออกมา แววตาของเขาดูวาบวามประเดี๋ยวสว่างประเดี๋ยวมืดมนพิกล
เมื่อเข้ามาในเรือนแล้ว นิรันดร์ก็กล่าว “ศิษย์ที่รัก เวลาแบบนี้ได้แช่น้ำร้อนจะดีที่สุด แต่จะแช่คนเดียวมันก็น่าเบื่อเกินไป ให้อาจารย์แช่เป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง ข้าขอฝากนิรันดร์ไว้กับเจ้าด้วย ให้เขาไปชมดาวชมจันทร์ข้างนอกอย่างสงบ ๆ เถอะ! แก่แล้วแต่ทำตัวไม่น่าเคารพเอาเสียเลย”
นิรันดร์กล่าวด้วยความเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง “ยอดดวงใจของข้า ข้าแก่แล้วอย่างนั้นหรือ? ข้าแก่เสียที่ไหน? เจ้าลองลูบผิวของข้าดูสิ นุ่มนิ่มกว่าเจ้าจูเชว่นั้นเสียอีก”
เมื่อถูกรังเกียจว่าแก่ นิรันดร์ก็แทบจะแตกสลายไปเสียตรงนั้น
ในขณะนั้นเองมู่เฉียนซีก็กล่าว “ในเมื่อท่านมาแล้วก็ออกมาเถิด แอบฟังแบบนี้ หากเกิดเข้าใจผิดแล้วถูกสังหารไป คงจะเป็นการตายอย่างไม่ยุติธรรมน่าดู”