ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1789 ขอโทษนาง
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคำสามคำที่เด็กน้อยจะกล่าวกับความหวังของตนเองนั้นสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ทว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
เมื่อพวกเขาได้ลงนามข้อตกลงพันธสัญญาจิตวิญญาณ ในยามนั้นเขาก็ได้กลายเป็นของนางไปแล้ว
นิรันดร์กล่าว “ใช่! ข้าเป็นของซีซีแล้ว แต่เจ้านั่นยังไม่ใช่! ข้าควรจะมีสิทธิ์พิเศษสิจึงจะถูก ข้าจะไม่มีทางยอมแพ้เป็นอันขาด”
“อีกอย่างข้าก็เป็นปรมาจารย์ด้านความรักมานับหมื่นปี! หากจะแพ้ให้ลูกเจี๊ยบเมื่อวานซืนมันก็น่าขายหน้าเกินไป”
ท่าทางที่นิรันดร์กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจนั้นทำให้มู่เฉียนซีหมดคำที่จะพูดจริง ๆ นางกล่าว “นิรันดร์ เจ้าควรจะหุบปากได้แล้ว!”
“น้อมรับคำสั่ง!” นิรันดร์หัวเราะออกมา
“ซีซี ข้ามาแล้ว!”
เมื่อจูเชว่เคาะประตูแล้ว เขาก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องในทันที และในขณะนั้นเองสิ่งที่มู่เฉียนซีกำลังเขียนอยู่ก็เสร็จลงเป็นที่เรียบร้อย
จูเชว่กล่าว “ซีซี ข้าควรจะทำเช่นไรดี? ข้าชักจะเป็นที่รู้จักมากเกินไปแล้ว นี่เพิ่งเข้าเมืองมาแท้ ๆ ก็มีคนแปลกหน้าเข้ามาหามากมาย ข้าล่ะปวดหัวจริง ๆ”
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านไปทั่ว และพบว่าบริเวณโดยรอบมีผู้มากฝีมือเร้นกายอยู่ไม่น้อย
นางกล่าว “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า ไม่ใช่ว่าเจ้านั้นเป็นที่รู้จักเกินไป หากแต่เป็นเพราะเจ้ามันเป็นจอมหาเรื่องเสียมากกว่า คนที่เข้าหาเจ้าก็คงเป็นศัตรูมิใช่มิตร!”
“ก็คงจะประมานนั้นกระมัง!” เมื่อถูกมู่เฉียนซีขัดคำพูดโอ้อวดของเขาเช่นนี้ จูเชว่ก็ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองแต่อย่างใด
“ข้ายังอยากอยู่เป็นเพื่อนซีซีอีกสักระยะ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เสียแล้ว! ข้าไม่มีทางสร้างปัญหาให้ซีซีอย่างแน่นอน ข้าจะล่อคนเหล่านั้นออกไปเดี๋ยวนี้ ซีซียังต้องการอะไรอีกหรือไม่?”
เดิมทีก็ถูกผู้มากฝีมือล้อมรอบไว้อยู่แล้ว กลยุทธ์ที่ดีที่สุดของเขาก็คือออกไปจัดการตั้งแต่คราแรกที่ได้รู้ ทว่าเรื่องที่เขารับปากซีซีไว้แล้ว เขาจะไม่ทำก็ไม่ได้!
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเองก็เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว! ข้าได้เขียนสิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าไปสืบเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเจ้าอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เจ้าค่อยตั้งใจดูมันให้ดี ๆ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะต้องช่วยข้าสืบเรื่องเหล่านี้มาให้ได้! ถึงยามนั้นก็ค่อยมารายงานข้า”
“ในระยะนี้ข้าน่าจะอยู่ในแถบดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จากความสามารถของเจ้าแล้ว เจ้าคงหาข้าเจอได้ไม่ยาก”
จูเชว่เก็บสิ่งที่มู่เฉียนซีเขียนให้มาเอาไว้อย่างดี จากนั้นร่างสีแดงก็หายวับออกไปในชั่วพริบตา
“ซีซี รอข้าก่อนนะ ข้าจะรีบกลับมาหาเจ้า ไม่นานหรอก”
“หากสืบเรื่องอะไรไม่ได้สักเรื่อง ถ้าให้ดีก็อย่าโผล่มาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นข้าคงอดที่จะไม่ทุบตีเจ้าไม่ได้”
“แล้วเจอกัน ซีซี!”
ผู้คนที่หมายเอาชีวิตจูเชว่ก็ไล่ตามสังหารเขาด้วยท่าทางน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เขารีบกลับออกไปด้วยความเร็วสุดกำลัง มู่เฉียนซีสัมผัสได้ถึงไอสังหารอย่างชัดเจนของผู้มากฝีมือจำนวนหนึ่งที่ไล่ตามจูเชว่ไปอย่างไม่ลดละ
ปัง!
ใจกลางเมืองชุ่ยอิ้งมีสงครามของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระเบิดขึ้นครั้งใหญ่
เมื่อเปลวเพลิงระเบิดขึ้น อาวุธวิญญาณก็เข้าปะทะกัน สิ่งนี้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่น้อยเลย
ไป๋จิ่งเยว่รีบมาหามู่เฉียนด้วยท่าทางรีบร้อน จูเชว่ได้หายไปแล้ว ส่วนมู่เฉียนซียังคงอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกด้วย
“ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายจูเชว่แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ตายหรอก ข้าจะไปกินข้าวเช้าแล้ว คุณชายไป๋จะไปกินด้วยกันหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าสภาพจิตใจของตนเองนั้นไม่ดีเท่าแม่นางมู่ ไป๋จิ่งเยว่ก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมา
เขาเคยได้ยินเรื่องเล่าขานมามากมาย และล่วงรู้ถึงความสามารถของคุณชายจูเชว่เป็นอย่างดี คนแบบนั้นไม่มีทางถูกผู้อื่นสังหารได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
ขณะกำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น ภายในภัตตาคารก็ล้วนถกเถียงกันเรื่องของคุณชายจูเชว่
“สงครามครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นคุณชายจูเชว่ที่ถูกผู้อาวุโสของสำนักหลางซิงไล่ล่านี่นา! สู้กันอย่างดุเดือดเลยทีเดียว”
“คุณชายจูเชว่ที่อายุยังน้อย อยู่ ๆ ก็บรรลุขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว นั่นมันผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ! องค์หญิงหลินหลางยังไม่ได้บรรลุระดับขั้นเลย แต่เขากลับบรรลุแล้ว อายุของคุณชายจูเชว่คงไม่ได้มากน้อยไปกว่าอายุขององค์หญิงสักเท่าไรกระมัง!”
มู่เฉียนซียกยิ้มุมปากขึ้นเล็กน้อย เกรงว่าไม่นานนักเรื่องที่จูเชว่เปิดเผยพลังผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ แล้วทำการต่อสู้กันใจกลางเมืองเช่นนี้ คงจะไปถึงหูของมู่หลินหลางอย่างรวดเร็วเป็นแน่ เห็นทีสีหน้าของนางคงจะโกรธแค้นน่าดู
“ได้ยินมาว่าสำนักหลางซิงได้ส่งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงออกมาต่อสู้ด้วย คุณชายจูเชว่คงจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอย่างนั้นหรือ ไป๋จิ่งเยว่เองก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว
เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบปะกับคุณชายจูเชว่ ถึงแม้เขาจะสั่งอาหารราวกับปล้นเงินทองของเขาไปหนึ่งมื้อ ทว่าคนผู้นี้ก็เป็นคนที่ขี้โอ้อวด สง่างามไร้ผู้ใดบังคับได้ ความรู้และประสบการณ์กว้างขวาง ทำให้ผู้ที่ได้ทำความรู้จักด้วยรู้สึกดีได้อย่างง่ายดาย
“เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงก็จริง แต่คุณชายจูเชว่ได้บรรลุระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงแล้วนี่! อีกทั้งยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นดาบปีศาจอีกด้วย! ยอดเยี่ยมไปเลย”
“คุณชายจุเชว่หนีไปแล้ว เขาหายไปจากเมืองชุ่ยอิ้งอย่างไม่เห็นเงาเลย คนของสำนักหลางซิงแทบจะพลิกแผ่นดินหาแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ ตอนนี้คงจะโมโหเดือดดาลอยู่น่าดู”
“……”
ในสายตาของมู่หลินหลางแล้วการที่จูเชว่สามารถงัดข้อกับนางได้นั้น จูเชว่ก็นับว่าเป็นหนามยอกอกที่มีชีวิตดี ๆ นี่เอง แน่นอนว่าเขาเองก็จะต้องมีวิธีการปกป้องตัวเองอยู่มากมาย
การที่จะหลบหนีบนเกาะไม่หวนคืนนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ทว่าในดินแดนซวนเทียนแล้วก็เป็นอะไรที่ง่ายดายยิ่ง
จูเชว่สามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ผู้คนในภัตตาคารกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น คนของสำนักหลางซิงก็หันไปจ้องมองผู้คนที่กำลังถกเถียงกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและดุดันอย่างที่สุด
“ไป๋จิ่งเยว่อยู่ชั้นสองหรือไม่?” พวกเขาเอ่ยถามเสี่ยวเอ้อคนหนึ่ง
“ใช่แล้วขอรับ!” เสี่ยวเอ้อกล่าวตอบ
พวกเขารีบบุกเข้าไปในห้องของพวกไป๋จิ่งเยว่ในทันที และในขณะนั้นเองมู่เฉียนซีและไป๋จิ่งเยว่ก็กำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่พอดี
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ทุกท่านจะไร้มารยาทเกินไปหรือไม่?”
“ได้ยินมาว่าเจ้าเข้าเมืองมาพร้อมกับคุณชายจูเชว่อย่างนั้นหรือ?” พวกเขากล่าวถามด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม? ข้าและคุณชายจูเชว่ได้ทำความรู้จักเป็นสหายกัน แล้วพวกเจ้าจะทำไม?” น้ำเสียงของไป๋จิ่งเยว่อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าไม่ได้ดูอ่อนแอแต่อย่างใด
อย่างไรเสียไป๋จิ่งเยว่ก็เป็นผู้มากฝีมืออันเลื่องชื่อในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาจึงไม่อาจจับตัวไป๋จิ่งเยว่ไปเพราะผูกมิตรกับคุณชายจูเชว่ได้
“แล้วแม่นางคนนี้เล่า?” พวกเขาเหลือบมองไปยังมู่เฉียนซี ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังจิบน้ำชาโดยไม่สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“แม่นางผู้นี้จะต้องรู้ที่อยู่ของจูเชว่อย่างแน่นอน คงจะเป็นผู้หญิงของจูเชว่แน่ ๆ จับตัวนางมาให้ข้า!”
ครั้นพวกเขากำลังจะลงมือจัดการมู่เฉียนซีนั้น ไป๋จิ่งเยว่ก็ระเบิดพลังที่เย็นยะเยือกออกมา ทำให้พวกเขาเหล่านั้นกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง
พวกเขาจึงกล่าวด้วยความโกรธในทันที “ไป๋จิ่งเยว่ เจ้าอย่าได้ทำเกินไปให้มากนัก!”
“คนที่ทำเกินไปคือพวกเจ้าต่างหาก!” ไป๋จิ่งเยว่ยังคนยืนหยัดไม่ยอมถอยแต่อย่างใด
“เช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษข้าว่าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
เมื่อพวกเขาคิดจะใช้กำลัง มู่เฉียนซีจึงเหยียดกายลุกขึ้นแล้วกล่าว “คุณชายไป๋ ข้าจะช่วยท่านอีกแรง!”
ครั้นพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีระเบิดขึ้น คนเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงไปในทันที
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก อ่อนแอถึงเพียงนี้ยังคิดจะช่วยอีกรึ?”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก ถึงแม้แม่นางคนนี้จะหน้าตาสะสวยสักหน่อย แต่ก็คงไม่อยู่ในสายตาของคุณชายจูเชว่หรอก!”
“……”
พวกเขาได้ปฏิเสธการตัดสินใจก่อนหน้านี้ในทันที เห็นทีจับตัวแม่นางผู้นี้ไปแล้ว ก็คงไม่อาจเค้นหาที่อยู่ของจูเชว่ได้
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นในทันที “ขอโทษเดี๋ยวนี้!”
เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าพลังของแม่นางมู่คงไม่ด้อยไปกว่าเขาอย่างแน่นอน แล้วเขาจะปล่อยให้คนเหล่านี้ดูแคลนนางได้อย่างไร
“ไป๋จิ่งเยว่ เจ้าพูดอะไรของเจ้า? นี่เจ้าจะให้พวกข้า ศิษย์สำนักหลางซิงขอโทษผู้หญิงที่พลังธรรมดา ๆ คนหนึ่งน่ะหรือ?” พวกเขากล่าวด้วยท่าทางดูแคลนเต็มประดา
“ใช่! ขอโทษแม่นางมู่เฉียนซีเดี๋ยวนี้”
“กลับ!” พวกเขาไม่อยากกล่าวขอโทษ และเตรียมจะเดินจากไป ไป๋จิ่งเยว่จึงลงมือสั่งสอนพวกเขาในทันที
โครมมม!
“ไป๋จิ่งเยว่ เจ้าชักจะทำเกินไปแล้วนะ!”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “ขอโทษเดี๋ยวนี้!”
ไป๋จิ่งเยว่เป็นศิษย์เอกของสำนักซิงหลัวในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นคุณชายตระกูลไป๋ของราชวงศ์ตงหวงอีกด้วย จากศักดิ์สถานะแล้วพวกเขาก็ไม่อาจเทียบเคียงได้เลย และพวกเขาก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวด้วย ทว่าไป๋จิ่งเยว่ก็ทำมากเกินไปจริง ๆ
ถึงแม้จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทว่าก็คงทำอะไรไม่ได้ ไม่ต้องให้มู่เฉียนซีลงมือ พวกเขาก็ถูกทุบตีไปเสียแล้ว
แท้จริงแล้วมีเหล่าชายชราที่คอยเฝ้าจับตาดูอยู่! ทว่าหากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของลูกศิษย์เหล่านี้ ก็คงเป็นอะไรที่น่าขายหน้าจนเกินไป และใช่ว่าไป๋จิ่งเยว่จะเป็นคนไร้หัวนอนปลายเท้า ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงมองดูศิษย์สำนักหลางซิงเหล่านี้ถูกกำปั้นซัดเข้าที่ใบหน้าต่อไปเท่านั้น