ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1798 ไม่เอาการเอางาน
พรวดด!
ชิงเสวียนกระอักเลือดสด ๆ ออกมา และพลังของกระบี่ของเขาก็ทำได้เพียงสร้างรอยฉีกขาดไว้บนเสื้อผ้าของมู่เฉียนซีมากมาย แต่กลับไม่สามารถที่จะทิ้งบาดแผลไว้บนร่างกายของนางได้เลย
ไม่ใช่ว่ากระบี่ของชิงเสวียนนั้นอ่อนแอเกินไป แต่เป็นการป้องกันทางกายภาพมู่เฉียนซีแข็งแกร่งมากเกินไปต่างหาก
ชิงเสวียนกล่าวว่า “ข้าแพ้แล้ว!”
ถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่แน่นอนว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ก็คุ้มค่ามากเลยทีเดียว
“เจ้ายอดเยี่ยมมากแล้ว!” มู่เฉียนซีกล่าว
แกรก!
กระบี่ที่อยู่ในมือของนางเล่มนั้นก็หักออกเป็นสองท่อนเช่นกัน
มู่เฉียนซีได้รับชัยชนะติดต่อกันครบหนึ่งร้อยครั้งแล้ว ซึ่งนางเป็นคนแรกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ที่สามารถทำสถิติชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งได้สำเร็จภายในเวลาอันสั้น และนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งหอคอยซิงเหลยขึ้นมา ก็เป็นคนแรกที่สามารถทำสถิติชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งได้สำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยความสามารถเพียงแค่ขั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกเท่านั้น
นี่คือพรสวรรค์ที่ดึงดูดผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย อีกทั้งแต่ละกองกำลังต่างก็พยายามสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของมู่เฉินซีด้วยกันทั้งนั้น
และการแสดงของมู่เฉินซีที่หอคอยซิงเหลย ก็ได้แพร่กระจายไปยังหูของผู้คนมากมาย
“คุณชาย มู่เฉินซีผู้นี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ทั้งยังสามารถทำลายสถิติได้มากมายอีกด้วย! หากเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นสูงสุดยังพอถ่อมตนได้ แต่นี่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก เพียงแค่ระดับหกเท่านั้นเอง”
โม่ซวนกล่าวว่า “อื้ม! นี่คือคนที่มีความสามารถ ส่งข้อมูลไปให้พ่อบุญธรรมเถอะ!”
“เพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้น เกรงว่าท่านหัวหน้าจะไม่สนใจเท่าไรนัก แต่หากนางอยู่ที่หอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูต และมีเรื่องความผิดปกตินี้เกิดขึ้นแล้วละก็ คาดว่าท่านหัวหน้าน่าจะให้ความสนใจขึ้นมาบ้าง”
“นั่นเป็นเพียงแค่เรื่องที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น ส่งข้อมูลไปก่อนเถอะ!”
“ขอรับ!”
แม้ว่าจะไม่ใช่เขตแดนของเขา แต่ทว่าจูเชว่ก็เข้าใจสถานการณ์ข่าวสารต่าง ๆ ของแดนซวนเทียนเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าต้องรู้ข่าวของมู่เฉียนซีอยู่แล้ว
จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ซีซียอดเยี่ยมมากเลยจริง ๆ ช่างเป็นคนที่คมในฝักเสียเหลือกิน ข้าแทบทนรอที่จะไปหานางไม่ไหวอยู่แล้ว”
“คุณชาย อย่ามัวแต่นั่งเล่น! อย่าไม่เอาการเอางานเช่นนี้สิขอรับ”
เมื่อเห็นว่ายังมีเรื่องอีกมากมายที่ยังไม่ได้จัดการ จูเชว่ก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก เขากล่าวถามว่า “มีข้อมูลของเป่ยกงจั๋วหรือไม่?”
หากไม่มีข้อมูลเลยสักชิ้น ตอนที่ไปหาซีซีคาดว่าจะต้องถูกจัดการเป็นแน่ จูเชว่แอบครุ่นคิดอยู่ในใจ
“ไม่มีเลยขอรับ! องค์รัชทายาทเป่ยกงกำลังเก็บตัวอยู่ ถึงคนของพวกเราจะใช้ทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่สามารถสอบถามข้อมูลมาได้อยู่ดี” ฝ่ายตรงข้ามกล่าวตอบ
“เก็บตัว เก็บตัว! เป่ยกงจั๋วผู้นี้คิดจริง ๆ หรือว่าตัวเองนั่งอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงอย่างองค์รัชทายาทแล้วจะไม่มีผู้ใดกล้ามาชิงบัลลังก์กับเขาน่ะ! ไม่เอาการเอางานยิ่งกว่าข้าเสียอีก!” จูเชว่กล่าวอย่างโกรธเคือง
ลูกน้องของเขากล่าวตอบว่า “ดูเหมือนจะมีคนพูดว่า ด้านล่างขององค์รัชทายาทเป่ยกงเกิดปัญหาและได้รับบาดเจ็บอะไรบางอย่างมาขอรับ ฉะนั้นเขาจึงได้เก็บตัวไม่ยอมออกมา”
จูเชว่โบกมือพลางกล่าวว่า “ไปจับตามองเอาไว้ ทันทีที่มีความเคลื่อนไหวให้รีบมารายงานข้า”
“ขอรับ!”
…
นอกจากพวกเขาแล้ว สำนักต่าง ๆ โดยเฉพาะสำนักหลินเยว่ก็ให้ความสนใจกับมู่เฉียนซีมากเป็นพิเศษเช่นกัน
หลังจากที่ทำสถิติชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งสำเร็จแล้ว มู่เฉียนซีก็สามารถไปยังหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตด้วยความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตได้แล้ว
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “แม่นางมู่ พวกเราไปด้วยกันเถอะ!”
“ตกลง!”
ในตอนที่นางกำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวหลายคนรีบพุ่งเข้ามาด้วยท่าทางที่ดุร้าย ผู้นำก็คือลูกน้องของคนที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉียนซีก่อนหน้านี้นั่นเอง
“มู่เฉินซี เจ้าลงมือได้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! เจ้าได้ทำให้ศิษย์น้องเกาถิงของพวกเราเป็นคนพิการไปอย่างสมบูรณ์ และหลังจากนี้ก็ไม่สามารถที่จะฝึกฝนได้อีกแล้ว เจ้าจำเป็นที่จะต้องให้คำอธิบายกับพวกเรา”
ผู้คนเหล่านี้ต่างก็เป็นคนของสำนักหลินเยว่ที่มาจากหอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต ทั้งยังมองไปทางมู่เฉียนซีด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตรอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะไม่ได้เบามือ แต่อย่างมากที่สุดก็เพียงแค่ทำให้นางไม่มีความคืบหน้าใด ๆในการฝึกฝนไปสักสองสามปีเท่านั้น! และเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้นางพิการไปอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ข้าเอาชนะนางได้ก็ยังมีคนที่สัมผัสนางอย่างใกล้ชิดอยู่ เหตุใดพวกเจ้าถึงคิดว่าเป็นเพราะข้า แต่ไม่คิดว่าคนผู้นั้นจะแอบลงมือบ้างเล่า!”
“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร? นี่เจ้ากำลังใส่ร้ายศิษย์พี่หญิงเกาเฟิ่งของพวกเราเช่นนั้นหรือ? ศิษย์พี่หญิงรักและทะนุถนอมศิษย์น้องเกาถิงมาโดยตลอด นางจะไปทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน อย่ามาพูดจาไร้สาระดีกว่า!” พวกนางกล่าวด้วยความเดือดดาล
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างราบเรียบว่า “หากข้าเป็นคนทำ ข้าก็ไม่ได้กลัวจนไม่ยอมรับ ถึงผู้อื่นจะหวาดกลัวสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้า แต่ข้ามู่เฉินซีไม่กลัวเลย”
ในตอนแรกที่เกาเฟิ่งพุ่งทะยานขึ้นมาด้วยความห่วงใยต่อศิษย์น้องของนาง มันช่างเป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบมาก แต่ทว่านางก็ยังไร้เดียงสาเกินไปเสียหน่อยที่คิดจะลงมืออย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ต่อหน้านักปรุงยาคนหนึ่งเช่นนี้
ในตอนที่เกาถิงหมดสติไปก็มีคนแอบลงมือทำให้นางกลายเป็นคนพิการไปอย่างสมบูรณ์ และหลังจากนั้นก็ทำให้นางกลายเป็นแพะรับบาปไป
“มู่เฉินซี เจ้าจะอวดดีมากเกินไปแล้ว ข้าต้องการที่จะท้าประลองกับเจ้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “พวกเจ้าอยากจะท้าประลองกับข้าหรือ? ข้าว่าอย่าเลยดีกว่า! พวกเจ้าสามารถแจ้งข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ไปให้กับศิษย์พี่หญิงที่อยู่ในหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตของเจ้าได้ หากพวกนางต้องการที่จะแก้แค้นให้ศิษย์น้องละก็ ข้าก็ยินดีที่จะสู้ด้วยทุกเมื่อ!”
พวกนางต่างก็จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ ไม่คาดคิดเลยว่ามู่เฉียนซีจะบ้าระห่ำถึงเพียงนี้ และแทบจะไม่เห็นพวกเขาที่เป็นคนของสำนักหลินเยว่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คุณชายไป๋ พวกเราไปกันเถอะ!”
และคนของสำนักหลินเยว่ก็กล่าวอย่างดุดันว่า “ศิษย์พี่หญิงเกาเฟิ่ง พวกเราไปกันเถอะ! นางคิดว่าทำตัวเย่อหยิ่งที่หอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตได้แล้ว จะทำตัวเย่อหยิ่งที่หอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตได้ด้วยเหมือนกันเช่นนั้นหรือ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง จะต้องให้เหล่าศิษย์พี่หญิงให้บทเรียนแก่นางเสียบ้าง”
ไป๋จิ่งเยว่มองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้ายั่วยุคนของสำนักหลินเยว่อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้มันจะไม่ดูหุนหันพลันแล่นเกินไปหน่อยหรือ?”
“ไม่มีทางเลือก! ข้ามีความแค้นต่อพวกนาง และข้าก็อยากที่จะกลั่นแกล้งพวกนางที่หอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตด้วย ฉะนั้นต้องดึงดูดให้พวกนางมาติดกับอยู่แล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่ประลองมาทั้งวัน มู่เฉียนซีก็อยากที่จะพักผ่อนอยู่ที่ชั้นหนึ่งของหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตสักวันหนึ่ง ส่วนไป๋จิ่งเยว่ในเวลานี้ก็ได้ไปรออยู่ที่ชั้นเจ็ดแล้ว
คนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นได้ไปฟ้องกับพวกศิษย์พี่หญิงของตนเองที่ยังอยู่ชั้นหนึ่ง ว่าถ้าหากมู่เฉินซีปรากฏตัวออกมา พวกนางจะต้องสั่งสอบบทเรียนให้แก่นางด้วย
หลังจากที่ชิงเสวียนได้พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉียนซีจนกลับไปอยู่ชั้นหนึ่งและได้ต่อสู้จนไต่ลำดับขึ้นมาอีกครั้ง และสุดท้ายก็ทำสถิติชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งได้สำเร็จ
ทว่าหลังจากที่ทำสถิติชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งได้สำเร็จแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปที่หอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูต เนื่องจากมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นและทำให้เขาต้องจากไปอย่างรวดเร็ว
วันรุ่งขึ้น มู่เฉียนซีได้ไปยังที่นั่งเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อดูการประลอง
หญิงในชุดสีเขียวสดคนหนึ่งชนะการประลองอย่างเชี่ยวชาญตั้งแต่แรกเริ่ม นางที่ยืนอยู่บนสังเวียนได้ใช้แส้ยาวชี้มาที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เจ้าคือมู่เฉินซีสินะ ได้ยินว่าเจ้าเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกที่เก่งกาจมาก ขึ้นมาสู้กับข้าซะเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “ได้สิ!”
ทันทีที่การประลองเริ่มขึ้น อีกฝ่ายก็ลงมืออย่างฉับพลัน แส้ยาวที่เหมือนกับงูนั้นจงใจฟาดมาที่ใบหน้าของมู่เฉียนซีโดยเฉพาะ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
คนที่นั่งอยู่ฝั่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันกล่าวว่า “หูหลานลงมือได้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะมีสาวงามอายุน้อยมายังหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตของพวกเรา ข้าไม่อยากให้ถูกนางทำร้ายจนออกไปจากหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตเลยจริง ๆ”
“มู่เฉินซีผู้นี้ดันไปทำให้คนของสำนักหลินเยว่ต้องขุ่นเคืองใจ หูหลานจึงได้จงใจที่จะลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้!”
แส้ของหูหลานรวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่ทว่าฝีเท้าของมู่เฉียนซีกลับรวดเร็วผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!” ธาตุวายุไหลเวียน และมู่เฉียนซีก็ได้ออกกระบวนท่า โดยที่ไม่ได้ใช้แม้แต่พัดวิหคเฟิงหลิงเลยด้วยซ้ำ
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
แส้นั้นไม่สามารถที่จะโจมตีมู่เฉียนซีได้อย่างสิ้นเชิง และกระบวนท่าทั้งสามของมู่เฉียนซีก็ได้โจมตีเข้าไปที่ร่างกายของหูหลานโดยตรง และในแต่ละครั้งมันก็ยากที่จะต้านทานมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสุดท้าย ร่างของหูหลานก็ได้ลอยละลิ่วออกไป
“กรี๊ดด!” และที่ยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าบนร่างกายของนางก็ได้ขาดวิ่นไปจนหมด มันจึงทำให้หูหลานรู้สึกอับอายและโกรธเคืองจนแทบบ้า
“บัดซบ! ไม่คิดเลยว่ามู่เฉินซีผู้นี้จะกล้าทำให้ศิษย์พี่หญิงหูหลานต้องขายหน้าถึงเพียงนี้ ข้าจะขึ้นไปสั่งสอนนางเอง!” หญิงสาวในชุดคลุมสีเขียวผู้หนึ่งพุ่งทะยานขึ้นมา