ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1815 นิรันดร์กล่าวเตือน
โม่ซวนกล่าว “ถึงแม้พวกเราต่างฝ่ายจะพยายามแข่งขันแย่งชิงชัยชนะ ไม่มีใครยอมแพ้ใคร และอยากเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคนนั้น แต่เพราะข้าร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาจึงดูแลข้าเป็นอย่างดี”
เพราะถูกดูแล เขาจึงยิ่งไม่อยากยอมแพ้และถอดใจ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าเองก็ดูออก ถึงแม้ปากจูเชว่จะบอกว่าอยากให้เจ้าไปตายเร็ว ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็เป็นห่วงเจ้ามาก อีกอย่างเจ้านั่นก็มีอคติกับสหายที่เจ้าหามาร่วมมือทำหอหมอปีศาจด้วยกันมาก ๆ เจ้าว่าเขาหึงข้าใช่หรือไม่?”
“คงเป็นเพราะหมอปีศาจทำให้เขารู้สึกกดดันกระมัง” โม่ซวนกล่าว
“หากเอ่ยถึงจูเชว่แล้ว คงไม่ใช่ว่ามีมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว เต่าดำออกมาด้วยหรอกนะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความสงสัยยิ่ง
โม่ซวนไม่กล่าวตอบ เขากล่าวเพียง “สุดท้ายแล้วข้าก็จะต้องแข่งขันกับจูเชว่อยู่ดี และบางทีเจ้าเองก็อาจจะต้องเป็นปฏิปักษ์กับจูเชว่ด้วย”
เขาทราบดีว่าความสัมพันธ์ของจูเชว่และมู่เฉียนซีนั้นไม่ธรรมดา มิฉะนั้นแล้วจูเชว่ก็คงไม่ยอมมาขอให้เขาช่วยนางเป็นกรณีพิเศษหรอก
“เจ้าเป็นสหายผู้ร่วมลงทุนของข้า ถึงยามนั้นเมื่อพยัคฆ์มังกรปะทะกัน ข้าก็ย่อมต้องยืนอยู่ฝั่งเจ้าอยู่แล้ว ข้าช่วยชีวิตจูเชว่ไว้ จูเชว่ก็ช่วยข้าสืบข่าวคราวให้ข้า เช่นนี้แล้วบุญคุณระหว่างเราสองก็นับว่าแล้วต่อกัน เจ้าวางใจ ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากใจหรอก อีกอย่างมันก็ไม่ใช่การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยความเป็นความตายเสียหน่อย” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“อื้ม!” โม่ซวนพยักหน้าเล็กน้อย
“ข้ากลับมาในครานี้ แผนการเดิมที่เคยคิดไว้ยังไม่เปลี่ยน เจ้ามีคำแนะนำอะไรอีกหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าว
“หนึ่งเดือนให้หลังจะมีการประชุมแลกเปลี่ยนผู้มากฝีมือจากสำนักต่าง ๆ ในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผู้มากฝีมือจากทั่วทุกสารทิศของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จะมารวมตัวกัน แลกเปลี่ยนความรู้ทักษะและฝีมือซึ่งกันและกัน หากสามารถมีผลงานที่นั่น ก็ย่อมดึงดูดสายตากว่าการมีผลงานที่หอคอยซิงเหลยเป็นเท่าตัว” โม่ซวนกล่าว
“แต่ข้าไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนักใดเลยนะ!”
“ข้าสามารถแนะนำเจ้าให้เจ้าเข้าร่วมงานในครั้งนี้ได้! ข้ายังมีอิทธิพลในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อยู่ไม่น้อย!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เจ้าเป็นถึงคุณชายไป๋เจ๋อเชียวนะ”
“ข้าเองก็ถูกเชิญไปด้วย ข้าจะต้องไปเฟ้นหาผู้มากฝีมือของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แล้วนำมาใช้งานเอง ไม่ใช่ปล่อบให้ราชวงศ์ตงหวงชิงไปเสียก่อน” ไป๋เจ๋อกล่าว
“แล้วต้องเป็นผู้มากฝีมือแบบไหน จึงจะทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าต้องตาได้ล่ะ?” มู่เฉียนซีเอ่ยถามด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่เลี้ยงดูบ่มเพาะผู้มากความสามารถอย่างโม่ซวนและจูเชว่มานั้น จะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งและสุดยอดคนหนึ่งอย่างแน่นอน
โม่ซวนกล่าว “เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ไม่มีผู้ใดคาดเดาความคิดของท่านพ่อบุญธรรมได้”
มู่เฉียนซีนำหุ่นเชิดให้กับโม่ซวน นางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เมื่อได้เห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว เจ้าก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจขึ้นใช่หรือไม่! หากเดินตามทางที่หมอปีศาจปูไว้แล้ว เจ้าก็รอให้พี่น้องของพวกเจ้าเหล่านั้นจับตาดูให้ดีไว้ได้เลย!”
โม่ซวนกระตุกยิ้มมุมปากแล้วกล่าว “เฉียนซี ผลลัพธ์ของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกตกใจมากจริง ๆ เช่นนี้แล้วหากข้าขยายหอหมอปีศาจไปยังดินแดนทางทิศใต้หรือดินแดนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะมาก่อกวนหรือมีผู้ใดมาทำลายบรรยากาศอีกแล้ว”
ดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในอาณาเขตของเขา ดังนั้นการดำเนินกิจการจึงเป็นไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ทว่าหากเป็นสถานที่อื่นก็คงไม่ง่ายดายเช่นนั้น อิทธิพลและอำนาจของทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงนั้นซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
“ยังมีสมุนไพรวิญญาณอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าเองก็พยายามหาให้เต็มที่ หากหาเจอ การปรุงยาลูกกลอนที่สามารถฟื้นฟูร่างกายของเจ้าได้อย่างสมบูรณ์ก็จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”
โม่ซวนกล่าว “อื้ม! ข้าจะพยายามหาให้เร็วที่สุด”
มีเรื่องที่ต้องจัดการสะสางอีกมากมาย อีกทั้งยังมีเรื่องที่ต้องปรึกษาเจรจาอีกไม่น้อย มู่เฉียนซีเองก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว
โม่ซวนเตรียมสั่งให้คนของตนพานางกลับไปพักผ่อนยังห้องที่จัดเตรียมไว้ ผลปรากฏว่าอยู่ ๆ บุรุษอาภรณ์สีขาวคนหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้น แล้วเข้ามาประคองมู่เฉียนซีไว้
บุรุษผู้นี้รูปร่างหน้าตาสง่างามมากด้วยเสน่ห์ นิรันดร์สังเกตดูโม่ซวนแล้วกล่าว “เป็นหนุ่มนักปรุงยาที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว หากไม่ใช่เพราะร่างกายคอยฉุดไม่ให้ก้าวหน้า สายตาศิษย์ที่รักของข้าก็นับว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว! เจ้าดูถูกชะตากว่าเจ้าจูเชว่อะไรนั้นเยอะเลย”
นิรันดร์ไม่อาจสัมผัสการเคลื่อนไหวของพลังวิญญาณในตัวของบุรุษผู้นี้ได้แม้แต่น้อย ทว่าโม่ซวนกลับสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของคนผู้นี้ได้อย่างชัดเจน
นิรันดร์กล่าว “เด็กน้อยได้เป็นสหายและเป็นคู่หูผู้ร่วมลงทุนกับเจ้า เจ้าต้องรู้ตัวนะว่าเจ้าอยู่ในสถานะอันใด ไม่ว่าเพื่อผู้ใดหรืออะไรก็แล้วแต่ หรือแม้กระทั่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้า หากกล้าทำร้ายเด็กน้อยของข้าละก็ ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจที่เกิดมาในใต้หล้านี้ คอยดู”
ทันใดนั้นประกายอันแสนเย็นชาและน่าหวาดกลัววาบผ่านไปภายในชั่วพริบตา จากนั้นนิรันดร์ก็ได้ทอดมองไปยังมู่เฉียนซีด้วยสายตาที่อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
เขากล่าว “ศัตรูหัวใจอย่างเจ้าไม่มีความท้าทายเอาเสียเลย ดูเหมือนศัตรูที่จัดการด้วยยากที่สุดยังคงเป็นเจ้าหวงจิ่วเยี่ยสินะ”
เมื่อสายลมพัดผ่าน นิรันดร์และมู่เฉียนซีก็ได้หายลับไป
ประโยคสุดท้ายทำให้โม่ซวนรู้สึกประหลาดใจชอบกล ศัตรูหัวใจรึ?
นิรันดร์เกลียดทุกคนที่เข้าใกล้ศิษย์ที่รักของเขา และเห็นบุรุษรูปร่างหน้าตาดีเป็นศัตรูหัวใจไปเสียหมด ดังนั้นโม่ซวนเองก็ถูกมองว่าเป็นศัตรูหัวใจด้วยเช่นกัน
มู่เฉียนซีได้พักผ่อนเป็นอย่างดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นนางก็เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยเสน่ห์กระชากวิญญาณคู่นั้นของเขาในทันที
“ศิษย์ที่รัก ข้าเตรียมจะปลุกเจ้าเมื่อครู่นี้เอง เจ้าก็ตื่นเสียก่อนแล้ว พวกเรามีจิตเชื่อมกันจริง ๆ” นิรันดร์กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เช่นนั้นข้าหลับต่อเลยก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยท่าทางเกียจคร้าน
“การประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว หากศิษย์ที่รักอยากนอนละก็ข้าจะอุ้มเจ้าไปเองเป็นเช่นไร?”
มู่เฉียนซีรีบเหยียดกายลุกขึ้นในทันที นางกล่าว “ข้าไปเองได้ เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
คนประเภทไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างนิรันดร์ ต้องให้คนอย่างมังกรวารีที่คอยเอาใจใส่ดูแลทุกด้านมาเยียวยาจึงจะถูก น่าเสียดายที่มังกรวารีต้องการหลับใหลเพื่อฟื้นฟูร่างกาย เช่นนั้นนางคงทำได้เพียงใช้ไหวพริบและความกล้าหาญมาสู้กับเจ้านิรันดร์ผู้ไม่เป็นโล้เป็นพายผู้นี้เสียแล้ว
เมื่อโม่ซวนพบว่ามู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้นแล้ว เขาก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “กำลังได้เวลาเลย พวกเราไปกันเถอะ!”
ชิงเสวียนบอกว่าเขาต้องการฝึกฝน จึงได้ปฏิเสธเข้าร่วมการประมูลไป
การประมูลของถนนมืดชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ใช้เงินของเขา เขาก็ยังรู้สึกปวดใจอยู่มิคลาย คนจนอย่างเขาไม่ไปจึงจะดีที่สุด
มู่เฉียนซีกล่าว “เอาล่ะ! เช่นนั้นเจ้าก็รออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”
เมืองเสวียนอ้านนั้นเป็นสถานที่ที่ราคาถูก ทว่าทว่าการประมูลของถนนมืดเป็นการประมูลที่มีชื่อเสียงมาก ดังนั้นทุกครั้งที่เปิดการประมูล ผู้คนก็จะรีบไปลงนามเข้าร่วมกันจนเต็มอัตราทุกครั้ง
ด้วยสถานะของคุณชายไป๋เจ๋อในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แล้ว แน่นอนว่าก็จะต้องมีห้องประมูลส่วนตัวซึ่งเป็นห้องที่หรูหรารับรองอยู่แล้ว
เมื่อเข้าไปนั่งแล้ว การประมูลก็ยังไม่เริ่มขึ้น มู่เฉียนซีจึงพูดคุยเรื่องผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ยินเยว่ผู้นั้นกับโม่ซวน
โม่ซวนกล่าว “ท่านปราชญ์ยินเยว่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงมานานมากคนหนึ่ง ที่สุดแล้วเขาเอาของสิ่งใดจากราชวงศ์ตงหวงไปจนถูกไล่ฆ่า ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน หากเขายังมีชีวิตอยู่ ของชิ้นนั้นก็ควรจะถูกเปิดตัวที่นี่ ข้าเองก็ได้ข่าวนั้นมาเหมือนกัน ท่านพ่อบุญธรรมจึงให้ข้ามาร่วมการประมูลในครานี้ และข่าวสารนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเขาเองที่เป็นคนปล่อยออกไป”
“ดูเหมือนการประมูลในครานี้ชักจะน่าสนใจขึ้นมาหน่อย ๆ แล้ว สิ่งของที่บรรดากองกำลังระดับห้าของราชวงศ์ตงหวงล้วนให้ความสนใจ จะต้องเป็นของล้ำค่าชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน”
สายตาของมู่เฉียนซีทอดมองไปยังแท่นการประมูล สิ่งของประมูลชิ้นแรกคือ สมุนไพรวิญญาณระดับสวรรค์กึ่งเทพ
“โม่ซวน โชคดีจริง ๆ! ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไรก็ต้องเอามันมาให้ได้” สมุนไพรวิญญาณนี้ควรให้โม่ซวนใช้ การมาถนนมืดในครานี้ ก็ถือว่าพวกเขามาไม่เสียเที่ยวแล้ว
“หยกซวนสามล้าน!” โม่ซวนบอกกล่าวราคา
นี่เป็นเขตแดนของคุณชายไป๋เจ๋อ เมื่อคุณชายไป๋เจ๋อกล่าวราคา โดยปกติแล้วก็จะไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อกวน
ทว่าผู้ที่กล้างัดข้อกับคุณชายไป๋เจ๋อก็มีไม่น้อยเช่นกัน “หกล้าน!”
โม่ซวนกล่าว “สิบล้าน!”
“ยี่สิบล้าน”
มู่เฉียนซีกล่าว “อีกฝ่ายจงใจ”
โม่ซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หากข้าเดาไม่ผิดละก็ อีกฝ่ายต้องเป็นคนของราชวงศ์ตงหวงอย่างแน่นอน”
“สามสิบล้าน!” โม่ซวนกล่าว
ราคาสุดท้ายคือสามสิบล้าน จบการประมูล อีกฝ่ายก็ไม่คิดดิ้นรนต่อไป พวกเขาเพียงแค่ต้องการขูดเลือดขูดเนื้อโม่ซวนสักหน่อยก็เท่านั้น
ทว่าสำหรับเขาแล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งของเขาร่วงแต่อย่างใด
สิ่งของที่ถูกนำออกมาประมูลชิ้นต่อไปก็คือสมุนไพรวิญญาณ เมื่อต้องตาแล้วก็จัดการมาเป็นของตัวเอง ทุก ๆ คนล้วนกล่าวขึ้นในใจว่า คุณชายไป๋เจ๋อช่างใจใหญ่ใจโตเสียจริง
“อีกประเดี๋ยวของชิ้นสุดท้ายที่จะถูกนำออกมาประมูลก็จะมาถึงแล้ว” ผู้ดำเนินการประมูลประกาศให้ผู้เข้าร่วมการประมูลทราบโดยทั่วกัน