ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1818 ข้าไม่รีบ
จิ่วเยี่ยที่กว่าจะได้ใกล้ชิดกับมู่เฉียนซีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่ากลับถูกนิรันดร์โผล่มาเป็นก้างขวางคอ ไอสังหารของจิ่วเยี่ยที่แผ่ซ่านออกมาจึงเป็นอะไรที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
นิรันดร์ที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แล้วมีหรือที่จะกลัวหวงจิ่วเยี่ย
เขากล่าว “ถึงแม้พลังของข้าจะเพิ่งฟื้นฟูขึ้นได้เล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่นี่ก็มีคู่ต่อสู้ที่น้อยมาก ๆ หวงจิ่วเยี่ย เรามาประลองกันสักหน่อยดีหรือไม่?”
จิ่วเยี่ยโน้มใบหน้าลงไปขบเม้มติ่งหูของมู่เฉียนซีอย่างแผ่วเบา “รอข้ากลับมาประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น!”
ถึงแม้จะเป็นเพียงเสียงกระซิบกระซาบ ทว่านิรันดร์ก็ยังได้ยินชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
เขากล่าวด้วยความโกรธเคือง “เพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นรึ คอยดูเถอะ ข้าจะต่อยเจ้าจนเจ้าไม่มีหน้ากลับมาพบนางเลย”
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ประลองยุทธ์ ดังนั้นภายในชั่วพริบตาพวกเขาก็หายลับไปอยู่กลางแท่นการประมูลแล้ว
ผู้ดำเนินการประมูลหน้าตาเป็นมิตรมีเมตตาผู้นั้นก็ได้เดินเข้ามาแล้วกล่าว “แม่นางมู่ พวกเราได้เตรียมห้องพักให้แม่นางมู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เชิญทางนี้”
“อื้ม!” มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อย
ค่ำคืนนี้ทั่วทั้งถนนมืดก็ไร้ความสงบสุขอีกต่อไป แต่แน่นอนว่าตลาดการประมูลของถนนมืดนั้นเป็นสถานที่พักผ่อนที่สงบสุขที่สุดแห่งหนึ่ง
ตลาดการประมูลของถนนมืดเป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ขนาดย่อมก็มิปาน ห้องพักห้องหนึ่งตกแต่งประดับประดาราวกับพระราชวังอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีผลักหน้าต่างออกไป สายลมยามค่ำคืนที่พัดหวนมาแฝงไปด้วยความหนาวเย็นเล็กน้อย ในสถานที่ที่ถัดออกไปไกลพอสมควร พลังสองพลังได้ระเบิดขึ้น พลังหนึ่งเป็นพลังแห่งความมืด พลังหนึ่งเป็นพลังธาตุวายุ
และแน่นอนว่าไม่ใช่มีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้นที่มีการปะทะกัน ภายในถนนมืดก็มีหลายสถานที่ที่เกิดการปะทะกันไม่น้อย
บ้างก็แย่งชิงสิ่งของที่เพิ่งทำการประมูลมาได้ บ้างก็แย่งชิงแผนที่ บ้างก็สังหารคู่แข่งของตนทิ้ง…
ท่ามกลางค่ำคืนอันแสนมืดมิด ภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ
คนของราชวงศ์ตงหวงเหล่านั้นกล่าวด้วยความเคียดแค้น “เจอตัวปราชญ์ยินเยว่ผู้นั้นแล้วหรือยัง? เขาจะต้องอยู่ในถนนมืดแน่ ๆ จะต้องหาเขาให้เจอแล้วฉีกศพของเขาออกเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นให้จงได้ กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายพวกเรา”
“ไหนจะคุณชายไป๋เจ๋อนั่นด้วย เขาจงใจโก่งราคาเราแน่ ๆ! ข้าสงสัยว่าเขาจะต้องสมคบคิดกับปราชญ์ยินเยว่อย่างแน่นอน อย่าให้ได้เห็นหน้าเขาก็แล้วกัน หากเจอเขาจะต้องไม่ตายดีอย่างแน่นอน”
ถึงแม้จะได้แผนที่มาครอบครองแล้ว ทง่าภารกิจในครั้งนี้ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่าน เจอตัวปราชญ์ยินเยว่แล้ว เขาอยู่ที่ถนนทิศประจิม!”
“ไปกัน!” เมื่อคนของราชวงศ์ตงหวงเหล่านั้นเจอตัวผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ยินเยว่ พวกเขาก็ได้บุกล้อมและไล่ล่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ยินเยว่ไปจนสุดมุมถนน พวกเขาคิดว่าจะสามารถกำจัดตัวปัญหาตัวนำหายนะตัวนี้ออกไปได้
ทว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ยินเยว่กลับหัวเราะเยาะแล้วกล่าว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! มากันครบเลยเชียว! ดีเหมือนกันจะได้กำจัดไปในคราเดียวเสียเลย”
“ปราชญ์ยินเยว่ ความตายอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังจะกล้าปากดีอีกรึ เจ้าคิดว่ามันมีประโยชน์หรืออย่างไร?”
สุ้มเสียงที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจและความไม่เกรงกลัวแว่วดังขึ้น “คนที่ความตายจ่ออยู่เบื้องหน้าคือพวกเจ้าต่างหาก! นี่พวกเจ้ายังไม่รู้ตัวอีกรึ”
เมื่อพวกเขาหันหน้ากลับไป ก็พบว่ามีบุรุษหนุ่มสองคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นพวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี สวมหน้ากากเช่นนั้นพวกเขาไม่มีทางจำผิดแน่ คุณชายไป๋เจ๋อ
ทว่าบุรุษหนุ่มสวมชุดครุมยาวถักทอด้วยผ้าไหมสีเขียวเข้ม ทั่วทั้งร่างมีไอสังหารแผ่ซ่านออกมาไม่หยุดหย่อน พวกเขากลับไม่ค่อยคุ้นหน้าค่าตาเท่าใดนัก พวกเขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณชายไป๋เจ๋อ คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะมาให้พวกเราสังหารถึงที่ เช่นนั้นก็จัดการไปทีเดียวเลยก็แล้วกัน จัดการ!”
ร่างสวมอาภรณ์สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผลปรากฎว่ารอบ ๆ บริเวณถูกคนจำนวนหนึ่งล้มไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ที่นี่มีคนของโม่ซวน และมีคนของตลาดการประมูลด้วย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ย่อมไม่ส่งผลดีแก่พวกเขาอย่างแน่นอน
ครานี้พวกเขาจึงจะเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว!
“พวกเจ้ามันบังอาจนัก!”
จื่อโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนที่บังอาจมันคือพวกเจ้าต่างหาก พวกเจ้าคิดว่าตลาดการประมูลเป็นสถานที่แบบใดกันห้ะ กล้าก่อความวุ่นวาย แน่นอนว่าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
จื่อโยวไม่ปกปิดพลังของตนเองแม้แต่น้อย ด้วยพลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ ทำให้พวกเขาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
พวกเขาต่างตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “เป็นเจ้า…เป็นเจ้า เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณคนนั้น รีบหนี…”
“ในถนนมืดพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะหนีไปที่ใดได้?” จื่อโยวกล่าวเยาะเย้ย
ครืน ครืน!
ทุก ๆ คนล้วนถูกจัดการไปจนหมดสิ้น ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ยินเยว่เผยรอยยิ้มจนดวงตาหยิบหยีแล้วกล่าว “ขอบใจผู้ยึดในในคุณธรรมทั้งสอง ข้าขอตัวลาก่อน หากมีโชคชะตาตรงกันเราคงได้พบกันอีก!”
ทั่วทั้งถนนมืดก็ไม่มีคนของราชวงศ์ตงหวงปรากฎตัวขึ้นอีก
จื่อโยวก่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พี่ชาย ข้ารู้ว่าสถานที่ใดในถนนมืดมีหญิงงามอยู่มากที่สุด ที่นั่นมีแต่หญิงงามที่ข้าตั้งใจคัดเลือกมาเป็นอย่างดี เราไปเที่ยวชมสักหน่อยดีหรือไม่!”
โม่ซวนกล่าว “อะแฮ่ม! ไม่เป็นไร ข้าขอตัวไปพักก่อนดีกว่า”
“อย่าได้ปฏิเสธเร็วหนักสิ ลองไปเที่ยมชมเสียก่อน เจ้าจะต้องพึงพอใจแน่ ๆ…”
จื่อโยวอยากจะลากโม่ซวนไปกินดื่มเที่ยวชมสถานที่สำเริงสำราญในถนนมืดจริง ๆ ทว่ากลับได้ยินจิ่วเยี่ยกล่าวขึ้น
“มานี่ ข้าขอยกเขาให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
ไม่ใช่เพราะจิ่วเยี่ยสู้นิรันดร์ไม่ได้ เพียงแต่เขารู้สึกว่ามันเสียเวลาเกินไปก็เท่านั้น
ทุกเวลาที่ไม่ได้เจอซี เขาก็คิดถึงนางสุดหัวใจ!
สีหน้าของจื่อโยวบูดบึ้งเป็นอย่างยิ่ง เยี่ยช่างน่าไม่อายเลยจริง ๆ
นี่เขากำลังรีบไปซบอกแม่โฉมงามน้อย แต่ไม่ยอมให้เขาไปเสพสุขหาความสำราญบ้าง ซ้ำร้ายยังให้เขาไปจัดการคนที่จัดการได้ยากคนนั้นอีกด้วย
“เดี๋ยวนี้!” วาจาแสนเย็นชาสองคำได้แล่นเข้าสมองของเขาไปอย่างรวดเร็ว จื่อโยวทราบดีว่าหากฝ่าฝืนคำสั่ง เยี่ยผู้ใจดำนั่นคงจะมีวิธีจัดการเขาเป็นรอบพันอย่างแน่นอน
“พี่ชายไป๋เจ๋อ ข้ามีธุระคงต้องขอตัวก่อน ท่านตามสบายได้เลย! คราหน้ามีโอกาสข้าค่อยมาต้อนรับพี่ชายไป๋เจ๋อใหม่!”
จื่อโยวรีบพุ่งตัวไปยังสถานที่ที่นิรันดร์กำลังปะทะกับจิ่วเยี่ยด้วยความรวดเร็วอย่างที่สุด เมื่อพบว่าจิ่วเยี่ยขอความช่วยเหลืออย่างหน้าไม่อาย นิรันดร์ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง
“หวงจิ่วเยี่ย หากเจ้ายังเป็นผู้ชาย เจ้าก็ต้องมาสู้กับข้าตัวต่อตัว!”
จิ่วเยี่ยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าก็สู้แบบเวียนกับข้ามาหลายคราแล้ว เหตุใดจึงไม่พูดเช่นนี้บ้าง”
จื่อโยวกล่าว “เจ้าเองก็เชิญผู้อื่นมาช่วยด้วยสิ!”
นิรันดร์รู้สึกอึดอัดจนแทบจะกระอักเลือดออกมา ผู้ช่วยรึ เจ้าพวกนั้นกำลังพักผ่อนอยู่ แล้วจะเรียกมาได้อย่างไร!
จื่อโยวได้ล้อมรอบนิรันดร์ไว้ และแน่นอนว่าจิ่วเยี่ยก็ได้หายตัวไปหามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
อย่างที่เขากล่าวไว้ เพียงประเดี๋ยวเดียวก็กลับมาแล้ว
เขาดึงมู่เฉียนซีมาโอบกอดไว้ในแน่นตามที่ใจปรารถนา มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “นิรันดร์แพ้เร็วขนาดนี้เลยหรือ?”
จิ่วเยี่ยกล่าว “พลังของจื่อโยวเหมาะที่จะต่อสู้กับเขามากกว่า ดังนั้นข้าจึงมาหาเจ้าแทน”
ดูเหมือนจะไม่ได้แยกจากกันนานเท่าใดนัก ทว่าความรู้สึกนั้นกลับยาวนานเป็นอย่างยิ่ง คงเป็นเพราะความอาลัยอาวรณ์ทำให้เวลายาวนานขึ้นกระมัง
เมื่อไม่มีผู้ใดเข้ามาคอยขัดขวาง ค่ำคืนนี้ก็ยังอีกยาวไกล
ยามคนรักกันต้องแยกจากกันนาน ครั้นได้พบเจอกันก็ย่อมเหมือนเพิ่งตบแต่งกันไปเมื่อวันวาน เพียงค่ำคืนเดียวจะเพียงพอได้อย่างไร!
เช้าตรู่วันถัดมา ทั้งจื่อโยวและนิรันดร์ก็ล้วนไม่กล้าออกมาพบผู้อื่น
ส่วนเหตุผลนั้นก็เป็นเพราะคนทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด และหมายจู่โจมเพียงแค่ใบหน้าของอีกฝ่ายเท่านั้น
ยามชกต่อยก็ทำไปอย่างไม่ยั้งมือ อีกอย่างทั้งสองก็ให้ความสำคัญกับใบหน้าที่ถือเป็นเสน่ห์ไว้ชักชวนสตรีเข้าหา และแน่นอนว่าเมื่อใบหน้าของพวกเขาบวมช้ำปูดโปนเช่นนี้ ไหนเลยจะกล้าออกมาพบเจอผู้คนได้
“ซี…” เช้าตรู่ จิ่วเยี่ยเข้าไปกระซิบข้างหูมู่เฉียนซีด้วยน้ำเสียงแหบพร่า น้ำเสียงนั้นเย็นชา ทว่าหางเสียงกลับเป็นอะไรที่เย้ายวนใจมู่เฉียนซียิ่ง
ทว่ามู่เฉียนซีก็ตั้งสติขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เสน่ห์ของจิ่วเยี่ยไม่อาจหลอกล่อนางได้ นางผละมือของจิ่วเยี่ยออกแล้วกล่าว “เรื่องแผนที่นั่นต้องมีเบาะแสอะไรแน่ เจ้าตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้เลย”
จิ่วเยี่ยพลิกตัวแล้วกอดรัดนางแน่นขึ้นไปอีก “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก!”
“อือ…”
แยกยากแยกไม่ได้ ความรักก่อตัวเหนียวแน่น!
โม่ซวนที่เขามาหามู่เฉียนซีแต่กลับไม่เจอตัว ทว่ากลับเห็นนิรันดร์ที่นั่งน่ามุ่ยอยู่ นิรันดร์จึงกล่าวขึ้นด้วยความทอดถอนใจ “หวงจิ่วเยี่ยนั่นใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ แต่ก็ยังมาเกาะแกะศิษย์ที่รักของข้าอยู่ได้ ศิษย์ที่รักของข้า ช่างน่าน้อยใจจริง ๆ?”