ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1837 จะเริ่มแล้วนะ
“มู่เฉินซีเป็นอะไรไปน่ะ? แบบนี้มันอันตรายนะ!”
“ไม่เคยเห็นคนที่เผชิญหน้ากับการโจมตีแล้วไม่หลบหลีก ไม่ป้องกัน อีกทั้งยังพุ่งตรงเข้าหาแบบนี้มาก่อนเลย”
“……”
ทั่วทั้งสนามต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาในทันที พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เห็นมู่เฉินซีทำการประลองติดต่อกันมาหลายสนามแล้ว ทว่ากลับไม่เคยเห็นวิธีการต่อสู้ของนางเช่นนี้มาก่อน!
“รนหาที่!” ศิษย์พี่เยว่ตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ครืน!
พลังโจมตีที่พุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีไม่ได้ทำให้นางรู้สึกเจ็บแสบแต่อย่างใด ในขณะนั้นเองพัดวิหคเฟิงหลิงก็ได้คลี่ออกจากกัน แล้วพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีในระยะประชิดเช่นนี้ ศิษย์พี่เยว่ก็ไม่อาจหลบหลีกใบพัดที่พุ่งมาได้ทัน
“อ้า!” ใบพัดได้แฉลบผ่านคางไปยังหน้าผากของนาง โลหิตสีแดงสดก็ไหลซึมออกมาในทันที
“มู่เฉินซี ข้าจะฉีกร่างเจ้าเป็นพันชิ้นเป็นหมื่นชิ้น!” ศิษย์พี่เยว่ตะคอกด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
ครืน ครืน!
เนื่องจากโทสะที่เดือดดาลจนไม่อาจยับยั้ง ทำให้การโจมตีของนางไร้ขีดจำกัด ทว่ามู่เฉียนซีก็ยังหลบหลีกได้อย่างสบาย ๆ
จนกระทั่งบัดนี้มู่เฉียนซียังคงไร้ซึ่งบาดแผลหรือได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด ทุก ๆ คนต่างจ้องมองร่างสีม่วงด้วยท่าทางตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“มู่เฉินซีไม่เป็นอะไรเลยสักนิด!”
“เกิดอะไรขึ้นกับการโจมตีในเมื่อครู่? หรือข้าคิดไปเองอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าเองก็เห็นเหมือนกัน ไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ! มู่เฉินซีต้านทานพลังโจมตีของแม่นางเยว่ซึ่ง ๆ หน้า แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย”
“เป็นอาวุธป้องกันวิญญาณอย่างนั้นหรือ?”
อาวุธป้องกันวิญญาณ
ผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนคุ้นเคยและรู้จักกับอาวุธวิญญาณเป็นอย่างดี ทว่าพวกเขาก็ไม่พบการเคลื่อนไหวของอาวุธป้องกันวิญญาณแต่อย่างใด
ที่สุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเขาครุ่นคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ทว่าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
มิน่าแม่นางมู่ถึงได้กล้ารับคำท้าศิษย์สำนักหลินเยว่พร้อม ๆ กันหลายคนในคราเดียว นางมีไพ่ตายอยู่นี่เอง
หลินเลี่ยกล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มขมขื่น “อาจารย์ ดูเหมือนแม่นางมู่จะออมมือให้พวกศิษย์น้องไม่น้อยเลยนะขอรับ”
“เจ้าเด็กนั่นตั้งใจให้เกียรติสำนักใหญ่ ๆ อย่างพวกเรา” เจ้าสำนักเหยียนเยี่ยกล่าวด้วยท่าทางขุ่นเคืองเป็นอย่างยิ่ง
การที่สามารถต้านทานพลังการโจมตีเหล่านั้นได้อย่างสบาย ๆ เช่นนี้ เพียงแค่มู่เฉินซีใช้กลอุบายเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถเอาชนะหลินเลี่ยได้ไม่ยาก
ตอนนี้แม่นางเยว่ตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง!
ใบหน้างดงามดั่งบุปผา เกลี้ยงเกลาดั่งหยก บัดนี้ปรากฏรอยแผลลึกจนเห็นกระดูก ถึงแม้จะรีบใส่ยาและกินยาลูกกลอนทว่ามันก็ยังดูน่าเวทนาอยู่มิคลาย
“มู่เฉินซี เจ้าชักจะชั่วร้ายเกินไปแล้ว! เจ้ากล้าทำให้ใบหน้าของศิษย์พี่หญิงเยว่เสียโฉมรึ”
“เจ้าจะต้องอิจฉารูปโฉมของศิษย์พี่หญิงเยว่อย่างแน่นอน”
“……”
เมื่อได้เห็นศิษย์พี่หญิงเยว่ได้รับบาดเจ็บ ศิษย์จากสำนักหลินเยว่คนอื่น ๆ ก็เริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมาทีละน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พวกเจ้าไล่ต้อนข้ามากจนเกินไป ข้าจึงไม่ทันระวัง ดังนั้นจึงพลั้งมือหนักไปสักหน่อย”
“เจ้ามันเจ้าเล่ห์เพทุบาย!”
“หากข้าเกลียดนาง อยากทำให้นางเสียโฉมจริง ๆ ละก็ ข้าก็คงเอาอาวุธของข้าไปอาบยาพิษแล้ว แบบนั้นใบหน้าของนางก็จะไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีก”
ศิษย์พี่เยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง “ไม่ต้องไปพูดจาไร้สาระกับนาง ลงมือจัดการเดี๋ยวนี้! ข้าอยากให้นางได้ลิ้มรสความเจ็บปวดมากกว่าข้าในตอนนี้เป็นร้อยเท่า”
“เจ้าค่ะ! ศิษย์พี่ ข้าจะแก้แค้นให้ท่านให้ได้”
“มู่เฉียนซี ไปตายซะ!”
ครืน ครืน!
การประลองอันแสนวุ่นวายที่กำลังดำเนินต่อไปนี้ ทำให้ผู้ชมรู้สึกตกตะลึงไม่แพ้กัน
ยามที่ดรุณีน้อยเหล่านี้โหดเหี้ยมขึ้นมาก็ทำให้รู้สึกขนลุกขนชันมากจริง ๆ
ศิษย์สำนักหลางซิงเหล่านั้นก็ชื่นชอบดูเรื่องตลกของศิษย์สำนักหลินเยว่เหล่านั้นเป็นอย่างยิ่ง “ผู้หญิงพวกนั้นไร้ค่าจริง ๆ เพียงแค่จัดการเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ก็พากันยกพวกไปโจมตี ผ่านมานานขนาดนี้แล้วก็ยังจัดการไม่ได้ หากพวกเราเป็นคนจัดการก็คงจัดการได้สบาย ๆ ไปตั้งนานแล้ว”
“น่าขายหน้าจริง ๆ! ทำตัวเองขายหน้าก็ว่าไปที แต่นี่แทบจะทำให้องค์หญิงหลินหลางขายหน้าไปด้วย”
“……”
ด้วยความเร็วและพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของมู่เฉียนซี การที่พวกนางคิดจะแก้แค้นมู่เฉียนซีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
พวกนางแต่ละคนต่างก็โจมตีมู่เฉียนซีด้วยท่าทางโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง พวกนางได้ใช้กระบวนท่าไม้ตายทั้งหมดที่มีจัดการมู่เฉียนซี ทว่าก็ไม่มีอะไรน่าตกใจเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
พวกนางได้ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ นับไม่ถ้วน ทว่าก็ไม่อาจทลายเกราะป้องกันของมู่เฉียนซีได้แต่อย่างใด
“มู่เฉินซี เจ้าคิดว่าเจ้ามีอาวุธป้องกันวิญญาณชั้นดีแล้วจะสูงส่งเลอเลิศไม่มีผู้ใดเทียบได้อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะยืนหยัดไปได้ตลอด”
“……”
ผลปรากฏว่าพวกเขาพบว่าอาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์นี้ราวกับจะสามารถใช้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดก็มิปาน ช่างเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าสำนักหลินเยว่กล่าว “เลี่ยเอ๋อร์ ข้ามีความคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้อยู่ความคิดหนึ่ง! เจ้าเด็กนั่น…เป็นไปไม่ได้กระมัง! รอดูต่อไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน!”
ครืน ครืน!
การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินไประยะหนึ่ง มู่เฉียนซีกล่าว “ประลองกับพวกเจ้าเป็นอะไรที่น่าเบื่อจริง ๆ แบบนี้มิสู้ประลองกับหลินเลี่ยสามสนามยังดีเสียกว่า ข้าจะเริ่มแล้วนะ! พวกเจ้าพร้อมแล้วหรือยัง”
มู่เฉียนซีกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พวกนางแต่ละคนล้วนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่นานนัก…
“ร้อน! ร้อนมาก!”
พวกนางแต่ละคนไม่ต่างอันใดจากกุ้งต้มสุก ร้อนเสียจนพวกนางแทบจะทนไม่ไหว เมื่อไม่อาจควบคุมจิตใจให้มั่นคงได้ แล้วพวกนางจะรับมือกับมู่เฉินซีได้อย่างไร
ฟึ่บ!
ไม่นานดรุณีจากสำนักหลินเยว่เหล่านั้นก็ได้เปลื้องอาภรณ์ต่อหน้าผู้คนจากสำนักใหญ่ ๆ ในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อย่างควบคุมตนเองไม่ได้ พวกนางรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเป็นอย่างยิ่ง…
“กะ…เกิดอะไรขึ้น!”
“สวรรค์!”
“……”
“มู่เฉินซีวางยาพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ นางจะมีโอกาสวางยาพิษได้อย่างไร หรือเป็นเพราะศิษย์สำนักหลินเยว่เหล่านั้นได้ไปฝึกวิชาแปลกประหลาดอันใดมามากกว่ากระมัง!”
“……”
อาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายเริ่มน้อยชิ้นลงทุกที ทำให้ทุก ๆ คนล้วนพากันเบิกตาโพลง
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าสำนักเหยียนเยี่ย ดูจากท่าทางของพวกนางแล้วน่าจะมีคนวางยาพิษพวกนางนะ อาจจะมีคนแฝงตัวเข้ามาในสำนักเหยียนเยี่ยก็ได้! ท่านเจ้าสำนักต้องสืบดูสักหน่อยจึงจะดี โดยเฉพาะที่พักอาศัยของพวกนาง”
เจ้าสำนักเหยี่ยนเยี่ยมีสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นในทันที เขากล่าว “รีบส่งคนออกไปสืบ! เดี๋ยวนี้!”
ศิษย์สำนักหลินเยว่เหล่านั้นล้วนมีหน้าตางดงาม และพฤติกรรมของบรรดาผู้อาวุโสสำนักเหยียนเยี่ยนั้น หากเป็นสุภาพบุรุษสักหน่อยก็คงไม่หันไปมอง ทว่าคนที่มักมากในกามก็มีจำนวนไม่น้อย แล้วจะเหลือรอดพวกเขาหรือ…
คนของสำนักหลางซิงมองดูดรุณีเหล่านั้นด้วยท่าทางสนอกสนใจ “หญิงสาวพวกนั้นรูปร่างไม่เลวเลย!”
“พวกนางดันพลิกเรือให้คว่ำในคูเสียเอง! น่าขำจริง ๆ พวกนางก็เป็นเพียงพวกต่ำช้า ดูสิว่าเมื่อพวกนางอยู่ต่อหน้าพวกเราในคราหน้า ยังจะกล้าทำตัวสูงส่งอยู่อีกหรือไม่?”
“ถึงแม้พวกเราจะมีความสัมพันธ์ในแบบคู่แข่ง แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรับใช้องค์หญิงหลินหลาง พวกเราจะปล่อยให้พวกนางอับอายขายหน้าขนาดนั้นไม่ได้ ออกไปกอบกู้สถานการณ์กันสักหน่อยเถอะ!”
เมื่อได้เห็นพวกผู้หญิงเหล่านั้นกระตือรือร้นถึงเพียงนี้ พวกเขาเองก็อดรู้สึกอึกอัดใจเสียมิได้
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!”
คนของสำนักหลางซิงทะยานลงไปบนแท่นประลอง แล้วนำอาภรณ์มาห่อหุ้มตัวพวกนางไว้ เมื่อต้องโอบกอดพวกนางเหล่านั้นไว้ พวกเขาต่างก็ฟุ้งซ่านไปในทันที
ศิษย์พี่ฉินจากสำนักหลางซิงได้กล่าวขึ้น “มู่เฉินซี เหตุใดเจ้าถึงได้วางยาพิษที่โหดเหี้ยมกับพวกศิษย์น้องสำนักหลินเยว่ถึงเพียงนี้ พวกนางล้วนเป็นผู้หญิง เจ้าทำเช่นนี้แล้วต่อไปพวกนางจะกล้าออกมาพบผู้คนได้อย่างไร?”
ถึงแม้จะกล่าวมาเช่นนั้นก็ตาม ทว่าเขาก็รู้สึกไม่วางใจสตรีที่อยู่ข้างกายแม้แต่น้อย
คนที่เขารักมากที่สุดก็คือองค์หญิงหลินหลาง ทว่าเขาก็ไม่ใช่หลินเซี่ยฮุ่ยที่มีจิตใจมั่นคงเป็นพระอิฐพระปูนเช่นนั้น
มู่เฉียนซีกล่าว “มีผู้อาวุโสที่คอยดูการประลองอยู่ที่นี่มากมาย หากข้าจะวางยาพิษ ข้าจะสามารถซ่อนเร้นจากสายตาของพวกเขาได้อย่างนั้นหรือ? พวกนางโจมตีติดต่อกันเช่นนั้น ข้าไม่มีโอกาสได้วางยาเสียด้วยซ้ำ! เกรงว่าพวกนางต่างหากที่วางยาตัวเอง เพียงแค่พวกนางไม่รู้ตัวก็เท่านั้น”
ผู้อาวุโสผู้หนึ่งก้าวออกมาเบื้องหน้า แล้วกล่าวสมทบกับมู่เฉียนซี “ข้าเป็นอาจารย์ด้านการปรุงยา แม่นางมู่ไม่มีทางวางยาพิษอย่างแน่นอน!”
“ข้าเองก็เป็นพยานให้ได้ ถึงแม้ข้าจะอายุมาก แต่ข้าก็ไม่ได้ตาบอด!”
“……”
“ท่านเจ้าสำนัก เจอตัวแล้วขอรับ! มีคนแฝงตัวเข้ามาในสำนักเหยียนเยี่ยจริง ๆ!”
“อ้า!”
“ผู้อาวุโสสามคนต้องพิษแล้ว อย่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหนีไปได้” มีสุ้มเสียงตะโกนดังขึ้นมาแต่ไกล