ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1838 หญิงปากตลาด
ร่างเงาสีดำหลบหนีไปท่ามกลางความโกลาหล เนื่องจากไม่อยากที่จะถูกผู้อื่นจับเอาไว้ได้
โม่ซวนได้สั่งการให้ลูกน้องของเขาเตรียมตัวไปจับคน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าฉู่หลีจะลงมือไปก่อนก้าวหนึ่ง
ตอนนี้เขาพึ่งจะได้รับรู้ว่า การฝึกฝนของศิษย์พี่ของเฉียนซีนั้นมีความเร็วที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
เขาเลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มานานแค่ไหนแล้ว? ตอนนี้ถึงได้กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามไปเสียแล้ว มันช่างน่าตกใจจริง ๆ
ฉู่หลีไปขวางอยู่ข้างหน้าคนสวมชุดสีดำผู้นั้น และทำให้นางหมดหนทางที่จะหนีได้
ความชั่วร้ายฉายชัดอยู่ในแววตาของคนที่สวมชุดสีดำผู้นั้น “ไอ้หนู แกหาเรื่องตายหรือ!”
งูต้วเล็กตัวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของนาง แต่ไม่คาดคิดว่าทันทีที่ฉู่หลีลงมือ กลับมีพลังที่แข็งแกร่งระเบิดออกมา และหลังจากนั้นมันก็ได้บดขยี้งูตัวเล็กตัวน้อยเหล่านั้นจนสิ้นซาก
พรึ่บ!
คนที่สวมชุดคลุมสีดำผู้นั้นเหาะออกไป ชายหนุ่มที่มีอายุเพียงเท่านี้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์
และตอนนี้คนอื่นก็ตื่นตกใจเช่นกัน!
“เอ๊ะ ข้ามีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องงูเหล่านี้ งูจิ่วยิน คนผู้นี้ก็คือราชินีอสรพิษจิ่วยิน ไม่คิดเลยว่านางจะแทรกซึมเข้ามาในสำนักเหยียนเยี่ยเช่นนี้”
“พระเจ้า! นั่นคือราชินีอสรพิษจิ่วยินหรือ”
“……”
ทันทีที่คิดว่าคนผู้นี้รับมือยากเสียยิ่งกว่าสาวงามอสูรแมงป่อง คนอื่นต่างก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย และเริ่มไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
ตูม!
ฉู่หลีลงมืออีกครั้งหนึ่ง และราชินีอสรพิษจิ่วยินก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมา เส้นเอ็นฉีกขาด และพลังวิญญาณของนางก็ได้ไหลย้อนกลับ!
“ฟ่อ ฟ่อ!” ในเวลานี้งูจิ่วยินที่นางเฝ้าฟูมฟักอย่างประคบประหงมพุ่งเข้ามาทางนางอย่างกะทันหัน และเขี้ยวที่แหลมคมนั้นก็กัดลงมาบนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายนางโดยตรง
“กรี๊ดด!” ราชินีอสรพิษจิ่วยินเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส นางกรีดร้องออกมาอย่างน่าเศร้าสลด
นางจ้องมองไปยังฉู่หลีอย่างไม่พอใจ “จะ…เจ้าลงมือได้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับเจ้า หะ…เหตุใดเจ้าถึงได้ทำเช่นนี้กับข้า”
ชายหนุ่มผู้นี้ได้ลงมือทำให้นางพิการอย่างโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก เขาทำให้นางกลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ทั้งยังทำให้งูพิษจิ่วยินต่อต้านนาง และสุดท้ายก็ทำให้นางมีชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก
เนื่องจากว่านอกจากเรื่องของมู่เฉียนซีแล้ว ฉู่หลีก็ไม่เคยเอาเรื่องอื่นมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าคนเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับคนที่มารังแกศิษย์น้องของเขาอย่างแน่นอน ฉะนั้นเขาถึงได้ลงมือจับนางและทำให้นางกลายเป็นคนพิการเช่นนี้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
แต่สำหรับการต่อต้านของงูจิ่วยิน มันไม่ใช่ฝีมือของเขาแน่นอนอยู่แล้ว
เมื่อคิดไปถึงศิษย์น้องหญิงที่แข็งแกร่งมากของเขาผู้นั้น ฉู่หลีจึงมองกลับไป
และมู่เฉียนซีก็มองไปที่เขาด้วยรอยยิ้ม ศิษย์พี่ลงมือได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ
“เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนของสำนักไหนกัน? ดูแล้วไม่คุ้นเคยเลยสักนิด! ไม่เคยเห็นเขาลงมือมาก่อนเลย”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม หากให้เขาลงมือมันคงเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากเกินไป และคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่ที่แสร้งทำตัวเป็นคนอ่อนโยนเสียมากกว่า!”
“ข้าจำได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนของสำนักลั่วเยว่ของกองกำลังระดับสาม”
“กองกำลังระดับสามมีคนหนุ่มที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเช่นนี้ นี่มันเป็นเรื่องตลกอะไรกัน!”
“เป็นลูกศิษย์ของสำนักลั่วเยว่จริง ๆ ข้าจำไม่ผิดแน่นอน! ดูเหมือนว่ากองกำลังระดับสามนั้นจะซ่อนเขาเอาไว้อย่างดีเลยทีเดียว!”
เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเหยียนเยี่ยมาจับคนก็ไม่ได้ซ้ำยังต้องให้คนอื่นมาคอยช่วยด้วย ซึ่งนี่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจเล็กน้อย
ความจริงแล้วงูจิ่วยินนั้นรับมือยากมาก และนี่ก็จำเป็นที่จะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะมาเป็นอยู่จัดการ ซึ่งนักปรุงยาหลายคนยืนขึ้นมาด้วยความสมัครใจ
“หัวหน้าสำนักเหยียนเยี่ย ในเมื่อข้ามาเจอเรื่องนี้แล้ว ข้าจะเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ให้เอง”
“ข้าก็จะทำเช่นกัน!”
“……”
งูจิ่วยินเป็นงูที่ชั่วร้ายมากชนิดหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มของนักปรุงยาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมันพวกเขาก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว จนเหงื่อเย็นไหลทั่วหน้าผากของพวกเขาอยู่ดี
หากถูกกระบวนท่านเข้าไป จะต้องล้มเหลวก่อนประสบความสำเร็จเป็นแน่!
กว่าจะรอให้พวกเขาเริ่มลงมือ งูจิ่วยินเหล่านั้นก็ทำให้เจ้านายของพวกมันเหลือเพียงลมหายใจแล้ว และหลังจากนั้นงูแต่ละตัวก็แข็งทื่อ และตายไป!
ตายไปทั้งอย่างนี้หรือ มันตายได้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว?
พวกเขาไม่รู้ถึงสาเหตุของมันเลย ฉะนั้นจึงทำได้เพียงแค่ย้ายงูจิ่วยินเหล่านั้นออกไปอย่างระมัดระวัง และใช้ไฟเผาพวกมันจนสิ้นซากเท่านั้น
ส่วนราชินีอสรพิษจิ่วยินนั้นยังไม่ตาย หัวหน้าสำนักเหยียนเยี่ยจึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “แท้จริงแล้วเจ้าแทรกซึมเข้ามาในสำนักเหยียนเยี่ยของข้าได้อย่างไร?”
ทุกคนเมื่อยิ่งคิดต่างก็ยิ่งหวาดกลัว หากราชินีอสรพิษจิ่วยินแอบลอบโจมตีพวกเขาขึ้นมา นั่นมันถือได้ว่าเป็นหายนะสำหรับพวกเขาเลยทีเดียว
สีหน้าของราชินีอสรพิษจิ่วยินในเวลานี้ซีดเผือดเป็นอย่างมาก “ข้าพูดไม่ได้ ในเมื่อข้ามาถึงจุดนี้แล้ว อยากจะฆ่าจะแกงอย่างไรก็แล้วแต่พวกเจ้าจะจัดการเถิด”
นางมองไปยังกลุ่มคนของสำนักหลินเยว่ที่กำลังบ้าคลั่งเหล่านั้น และยังไม่แน่ชัดว่าที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
นางได้รับความไว้วางใจให้จัดการกับแม่สาวน้อยที่มีชื่อว่ามู่เฉินซีผู้นั้น ไม่คาดคิดเลยว่ามู่เฉินซีจะไม่เป็นอะไร แต่กลับมีเรื่องเกิดขึ้นกับพวกแม่สาวน้อยกลุ่มนี้แทน
ในเวลานี้ โม่ซวนก็เอ่ยปากออกมาว่า “ถึงอย่างไรสำนักเหยียนเยี่ยก็เป็นถึงกองกำลังระดับสี่ดาว แต่ปล่อยให้ผู้อื่นแทรกซึมเข้ามาอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ มันจะต้องมีคนคอยช่วยอย่างแน่นอน! เรื่องนี้หัวหน้าสำนักเหยียนเยี่ยจะต้องตรวจสอบเรื่องทั้งหมดให้ชัดเจน และให้ทุกคนมาอธิบายทั้งหมดให้แก่พวกเราด้วย!”
หัวหน้าสำนักเหยียนเยี่ยกล่าวว่า “นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว!”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องเปิดปากราชินีอสรพิษจิ่วยินผู้นี้ให้จงได้
และในเวลานี้ ก็มีเสียงแหลมสูงดังขึ้นมา “กรี๊ดด!”
เพียะ!
หลังจากเสียงแหลมสูงนั้น ก็มีเสียงฝ่ามือเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างชัดเจน
ใบหน้าด้านหนึ่งของศิษย์พี่ฉินผู้นั้นบวมเป่งอย่างสมบูรณ์ และมันก็สามารถเห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่หญิงเยว่ถูกลงมืออย่างหนักหน่วงเพียงใด
เพียะ เพียะ เพียะ!
ศิษย์พี่ฉินผู้นี้ไม่ได้มีความเป็นสุภาพบุรุษถึงขนาดนั้น และด้วยความโมโหเขาจึงตบหน้าศิษย์พี่เยว่ติดต่อกันอีกหลายครั้ง จนทำให้ศิษย์พี่หญิงเยว่มีสติกลับคืนมา
ศิษย์พี่ฉินก่นด่าว่า “เจ้ามันเป็นคนไร้ยางอาย ไม่คาดคิดเลยว่าตอนนี้จะยังเสแสร้งทำเป็นผู้บริสุทธิ์ ช่างเป็นหญิงที่ชั่วร้ายจริง ๆ”
ในเวลานี้ศิษย์พี่หญิงเยว่มองไปทางศิษย์น้อง ซึ่งพวกนางก็มีลักษณะที่เหมือนกัน นางจึงชะงักงันไปในทันที และรู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
ในที่สุดนางก็มองเห็นร่างที่ดูคุ้นเคย แล้วนางก็กล่าวด้วยวาจาที่ชั่วร้ายว่า “ราชินีอสรพิษจิ่วยิน มะ…ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะลอบกัดข้า เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้กับข้า! ข้าให้เจ้าไปจัดการมู่เฉินซีไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดถึงได้มาลงมือกับพวกเราแทนกันเล่า”
“ข้าทำดีกับเจ้ามาตลอด จะ…เจ้ามันเนรคุณ เจ้ามันเป็นคนที่ไม่รู้จักบุญคุณ เจ้า…”
ในเวลานี้ศิษย์พี่หญิงเยว่ไม่มีสติไปแล้วอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังไม่สนอีกว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ไหน และเอาแต่กล่าวโทษราชินีอสรพิษจิ่วยินอย่างไม่หยุดหย่อน
ทุกคนต่างก็ถอนหายใจออกมา เมื่อได้ฟังพวกนางมาจนถึงตอนนี้ก็สามารถที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้ว
ที่แท้คนที่แอบปล่อยให้ราชินีอสรพิษจิ่วยินเข้ามาเป็นคนของสำนักเหยียนเยี่ยกลายเป็นคนของสำนักหลินเยว่เหล่านี้นี่เอง ไม่คิดเลยว่ายังให้ราชินีอสรพิษจิ่วยินจัดการกับมู่เฉินซี และสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าภายในนั้นมีอะไรเกิดขึ้น จนในที่สุดได้กลายมาเป็นความขัดแย้งภายในเช่นนี้
ราชินีอสรพิษจิ่วยินกล่าวว่า “หุบปากเจ้าไปเสีย หากไม่ใช่เพราะช่วยเจ้า ข้าจะมาตกอยู่ในสภาพเช่นตอนนี้ได้อย่างไร เจ้ามันเป็นยัยตัวซวย…”
คนหนึ่งเป็นถึงอัจฉริยะของกองกำลังระดับสี่ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นถึงปรมาจารย์พิษร้ายที่มีชื่อเสียงของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แต่ทว่าในเวลานี้พวกนางกลับกำลังตะโกนด่าทอกันในงานชุมนุมแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่ของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราวกับเป็นหญิงปากตลาดอย่างไรอย่างนั้น
เรื่องราวเช่นนี้ คาดว่าคงเป็นสิ่งที่ทุกคนในสถานที่แห่งนี้เคยพบเจอเป็นครั้งแรก
ดูเหมือนว่าศิษย์พี่หญิงเยว่จะมีสติแค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น และเพียงไม่นานการรับรู้ของนางก็พร่าเลือนไปอีกครั้ง ทั่วทั้งร่างแดงก่ำราวกับงูที่พันอยู่รอบตัวศิษย์พี่ฉิน
ศิษย์พี่ฉินยิ้มเย้ยหยัน “ช่างเป็นหญิงสาวที่ชั่วร้ายเสียจริง ๆ!”
ในเมื่อความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผยแล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้ควรจะจัดการเช่นไรดี?
หัวหน้าสำนักเหยียนเยี่ยจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของเรื่องราวในครั้งนี้เช่นกัน ครั้งนี้สำนักเหยียนเยี่ยของพวกข้ามีความประมาณเลินเล่อ ที่ปล่อยให้คนที่ไม่ควรแทรกซึมเข้ามาจนได้ เจ้าคิดว่าจะให้ข้าจัดการเช่นไรดี?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้มอบให้เป็นสิทธิ์ของท่านเจ้าสำนักเหยียนเยี่ยเป็นผู้จัดการก็แล้วกัน!”
ถึงอย่างไรสิ่งที่นางควรลงมือนางก็ได้ลงมือไปเรียบร้อยแล้ว และภารกิจสุดท้ายนี้ก็ควรที่จะมอบให้แก่เจ้าภาพเป็นคนจัดการจะดีกว่า
หัวหน้าสำนักเหยียนเยี่ยกล่าว “ได้!”