ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1840 ต้องการอะไร
พวกเขาทั้งห้าดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี อีกฝ่ายเองก็ทราบว่าเมื่อมีคนน้อยกว่าหนึ่งคนก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้น ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจจับกลิ่นอายของมู่เฉียนซีได้เลย ดังนั้นระวังตัวไปก็ไร้ประโยชน์!
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
ครืน!
หนึ่งในพวกเขาถูกจัดการไปอย่างรวดเร็ว
“ลอบโจมตีกันแบบนี้ ถึงพวกเจ้าจะชนะแต่ก็เป็นการชนะแบบสกปรก!”
“พวกเจ้าที่แข็งแกร่งกว่ามารังแกคนที่อ่อนแอกว่า แล้วจะไม่ให้พวกข้ามีสิทธิ์ชนะบ้างเลยหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าว
“พูดจาฉอเลาะนัก!”
“พวกเจ้าจะต้องเป็นฝ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!”
และแล้วก็เป็นไปตามที่มู่เฉียนซีกล่าว การที่พวกเขาจะสามารถหลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่อาจคาดเดาทิศทางของมู่เฉียนซีได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง ถึงแม้พวกเขาจะยกระดับขึ้นอีกหนึ่งระดับก็ไร้ผล
มู่เฉียนซีที่เร้นกายอยู่ในมุมมืดจึงจะเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัวที่สุด พวกเขาที่คอยระวังตัวจากมู่เฉียนซี ผลปรากฏว่าก็ไม่ได้สนใจพวกของหลินเลี่ยเท่าใดนัก
ปัง ปัง ปัง!
พวกเขาถูกกลุ่มคนที่พวกเขาหัวเราะเยาะว่าเป็นพวกอ่อนแอโจมตีจนได้รับบาดเจ็บเสียเอง พวกเขาจึงรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง
แต่ละคนได้ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ทว่าก็ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
ครืน!
กริ่ง กริ่ง กริ่ง! ขณะที่คนสุดท้ายในกลุ่มของพวกเขากำลังจะล้มลง เสียงกระดิ่งที่หลอกล่อใจคนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
พวกของหลินเลี่ยรู้สึกหวั่นไหวไปชั่วขณะ ร่างสีแดงก็ได้วาบเข้ามาหาพวกเขา “ที่พวกเขายังไม่ชนะ เพราะข้ายังไม่ได้แสดงฝีมือ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าถอยไป ข้าจะขัดการนางเอง!”
พวกของหลินเลี่ยที่เพิ่งตั้งสติขึ้นได้ก็รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง ที่ถูกเหยียนเหลียนเจียหลอกล่อได้ ใบหน้าของพวกเขาก็ปรากฏความละอายใจขึ้นในทันที
มู่เฉียนซีกล่าว “ทักษะการหลอกล่อของนางแข็งแกร่งมาก การโจมตีพลังวิญญาณก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ไม่ต้องรู้สึกละอายใจหรอก ข้าเพียงคนเดียวก็สามารถรับมือกับนางได้”
วิธีการของเหยียนเหลียนเจียเป็นวิธีการที่แปลกประหลาดเกินไปแล้ว พวกเขาทราบว่าถึงจะดึงดันอยู่ต่อไปก็คงเป็นได้เพียงกระสอบทรายเท่านั้น ดังนั้นจึงตกลงที่จะแยกย้ายกันไปในทันที
“ระวังตัวด้วย!”
คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงมู่เฉินซี “ได้ยินว่ายังไม่รู้ระดับของหญิงงามนั่น แต่ที่ทราบคือการโจมตีพลังวิญญาณของนางยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งมาก เป็นอะไรที่รับมือได้ยากเป็นอย่างยิ่ง เด็กน้อยมู่เฉินซีนั้นกำลังตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ”
“หวังว่าอีกฝ่ายจะมีเมตตาสักหน่อย อย่าได้ทำอะไรให้มันเกินไป!”
“……”
ดวงตาส่องประกายวับวาวได้ทอดมองไปยังมู่เฉียนซี นางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าเป็นที่หนึ่งในครั้งนี้ นับว่าไม่เลวเลยจริง ๆ! ข้าพนันกับเจ้าเป็นอย่างไร?”
“พนันอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังสตรีผู้นั้นด้วยท่าทางระมัดระวังตัวราวกับจ้องมองปีศาจก็มิปาน
“หากข้าชนะ เจ้าต้องไปกับข้า! แล้วเจ้าก็ต้องเป็นคนของข้า เป็นอย่างไร?” นางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์ล้นเหลือ
“ต้องขออภัยด้วย ข้าไม่สนใจผู้หญิงด้วยกัน!” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแค่รู้สึกเสียดายคนมีฝีมืออย่างเจ้า อยากให้เจ้าทำงานให้ข้าก็เท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นหากข้าชนะแล้วข้าจะได้ประโยชน์อันใดหรือไม่?”
นางหัวเราะแล้วกล่าว “แล้วเจ้าอยากได้ประโยชน์อันใดเล่า?”
พัดวิหคเฟิงหลิงได้แปลงกายเป็นดาบหยก ปลายดาบได้ชี้ไปยังเหยียนเหลียนเจีย นางกล่าว “ข้ายังไม่ได้คิดเลย แต่ข้าไม่มีทางแพ้แน่ ๆ ดังนั้นรอให้ข้าเอาชนะเจ้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“ได้สิ!”
ครั้นปลายเท้าของเหยียนเหลียนเจียแตะพื้น กระดิ่งเก้าชั้นที่ผูกอยู่ที่ข้อเท้าของนางก็สั่นขึ้นในทันที เกรงว่าจะเป็นการโจมตีวิญญาณที่กระเพื่อมออกไป มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากเสียงกระดิ่งนี้
ผู้อาวุโสที่มีพลังแกร่งกล้ากลับยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการ ทว่าเมื่อได้เห็นศิษย์ของพวกเขาแต่ละคนที่ถูกปีศาจสาวนั่นหลอกล่อแล้ว พวกเขาก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง
การโจมตีวิญญาณที่น่ากลัวเช่นนี้ เด็กน้อยมู่เฉินซีนั่นคงยากที่จะต้านทานไว้ได้
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!!”
ดูเหมือนมู่เฉียนซีจะไม่สามารถสัมผัสถึงความตายได้แต่อย่างใด ทักษะวิญญาณธาตุลมได้โจมตีไปยังร่างสีแดงที่ลอยอยู่กลางเวหาอย่างรวดเร็ว
กริ่ง กริ่ง กริ่ง!
ภายในชั่วพริบตา ปีศาจสาวที่อยู่เบื้องหน้าก็ได้แยกร่างออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นอะไรที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ครืน ครืน!
เสน่ห์ของร่างสีแดงนั่นเป็นเสน่ห์ที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ครั้นเสียงกระดิ่งที่ผูกอยู่ที่ข้อมือและข้อเท้าดังขึ้น เสียงดนตรีนั้นก็ยิ่งทำให้ผู้คนลุ่มหลงมากขึ้นเป็นเท่าทวี
ร่างสีม่วงวาบผ่านไปรวดเร็วปานสายฟ้า ผมสีดำขลับดั่งน้ำหมึกสยายไปเบื้องหลัง ครั้นกำลังจะโจมตี ร่างสีแดงนั้นก็ได้หายวับไปเบื้องหน้านางอย่างรวดเร็ว
ทั้งทักษะการหลอกล่อ ภาพมายาและการโจมตีวิญญาณล้วนเป็นทักษะชั้นสูงทั้งสิ้น
มีผู้แข็งแกร่งที่สามารถตั้งสติอยู่ได้จำนวนไม่น้อยกล่าวขึ้นว่า “นางปีศาจ! นางต้องเป็นปีศาจอย่างแน่นอน!”
“พัดวิหคสะบัดขน!”
เมื่ออีกฝ่ายหายลับไปแล้ว มู่เฉียนซีเองก็สามารถเลือกที่จะหายตัวไปได้เช่นกัน
ขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่นั้น คนอื่น ๆ ก็ราวกับว่ากำลังตกอยู่ในห้วงนิทราก็มิปาน
คู่ต่อสู้ที่ทั้งมากล้นไปด้วยเล่ห์กล พลิกแพลงสถานการณ์ได้ทุกเวลาเช่นนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากยิ่ง มู่เฉียนซีได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดในการจัดการนาง
“พลังวายุทำลายดับสูญ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
เสียงกระดิ่งเสียงใสได้แว่วดังขึ้นข้างหู ราวกับเสียงดนตรีบรรเลงไพเราะเสนาะหูชวนให้ก้าวล้ำเข้าไปในห้วงนิทราก็มิปาน
พลังธาตุวายุได้ทำลายการโจมตีของนางลงอย่างไร้ปราณีครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับคลื่นทะเลยักษ์ที่เป็นเหมือนกับกำแพงที่หล่อขึ้นด้วยเหล็กและทองแดง ทำให้เหยียนเหลียนเจียไม่มีโอกาสทำอะไรได้แม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสเหล่านั้นกล่าว “พลังวิญญาณนั่นน่ากลัวมากเกินไปแล้ว เจ้าเด็กสองคนนั่นเป็นปีศาจร้ายชัด ๆ!”
ไม่รู้ว่าทั้งสองได้ปะทะกันไปกี่ครั้งต่อกี่คราแล้ว ร่างสีแดงนั้นได้ร่อนลงบนพื้นดินราวกับผีเสื้อสีแดงเพลิง ใบหน้าของนางซีดเผือดไร้สีชาด
“ข้าใช้พลังวิญญาณหมดไปแล้ว แต่ก็เอาชนะเจ้าไม่ได้ เจ้าช่างแข็งแกร่งจริงๆ!” ถึงแม้จะพ่านแพ้ ทว่านางก็ยังคงมีท่าทีสุขุมไม่แปรเปลี่ยน ช่างเป็นผู้หญิงที่สง่างามมากจริง ๆ
กระบี่หยกได้จรดลงบนต้นคอของนาง เหยียนเหลียนเจียกล่าว “ข้าแพ้แล้ว ดูเหมือนวันนี้ข้าจะไม่อาจพาเจ้ากลับไปด้วยได้ เจ้าคิดจะทำเช่นไร?”
“แท้จริงแล้วนอกจากตัวข้า ข้าก็ไม่มีอะไรแล้ว หากเจ้าต้องการก็นำไปได้ตลอดเวลา!”
เหยียนเหลียนเจียรู้สึกวิงเวียนศีรษะหน้ามืดตามัว นางใช้พลังวิญญาณไปอย่างไม่บันยะบันยัง หากไม่วิงเวียนศีรษะก็แปลกแล้ว
นางไม่เกรงกลัวกระบี่ที่อยู่บนคอนางซึ่งสามารถคร่าชีวิตนางได้ทุกเวลาแต่อย่างใด นางเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีด้วยท่าทางอ่อนล้ายิ่งขึ้นเรื่อย ๆ!
สิ่งนี้ทำให้ทุก ๆ คนรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย เหยียนเหลียนเจียใช้กลยุทธ์หญิงงามกับผู้หญิงด้วยกันอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่นางกำลังเข้าใกล้มู่เฉียนซีนั้น ร่างสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าไปประคองเหยียนเหลียนเจียที่กำลังจะสลบไปอยู่รำไร
ทุก ๆ คนเบิกตาโพลง “นั่น! นั่นมันคุณชายไป๋เจ๋อนี่?”
“นี่คุณชายไป๋เจ๋อยื่นมือเข้ามาช่วยเหยียนเหลียนเจียอย่างนั้นหรือ?”
“คุณชายไป๋เจ๋อสนิทสนมกับเหยียนเหลียนเจียหรือ?”
“……”
โม่ซวนที่ได้รับบาดเจ็บจนเส้นเลือดแทบจะปริแตกอยู่รำไร ทว่าเขาก็ยังคงจับตัวเหยียนเหลียนเจียที่ในขณะนี้ไม่ต่างอันใดจากร่างไร้วิญญาณอยู่ไม่ปล่อย
เขากล่าว “ข้าขอตัวลาก่อน!”
สายตาของผู้คนที่สาดส่องไปที่พวกเขาแฝงไปด้วยเลศนัย สมแล้วที่เป็นเหยียนเหลียนเจีย! แม้กระทั่งคุณชายไป๋เจ๋อก็ยังยอมก้มหัวอยู่ภายใต้กระโปรงของนางเลย
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกตกตะลึงกับการกระทำของโม่ซวนเช่นกัน!
มู่เฉียนซีกล่าว “การประลองในวันนี้จบลงเพียงแค่นี้ ข้าเองก็ขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
เจ้าสำนักเหยียนเยี่ยรู้สึกโล่งใจขึ้นในทันที การประชุมแลกเปลี่ยนผู้มากฝีมือของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในครานี้จะต้องเป็นครั้งที่พิเศษที่สุดในรอบหลายร้อยปีอย่างแน่นอน
มีดรุณีน้อยที่ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าปีศาจปรากฏตัวขึ้นหนึ่งคน และยังมีการเล่นงิ้วอันแสนวุ่นวายที่ทำให้สำนักหลินเยว่ต้องขายหน้า ไหนจะเรื่องที่มีคนมาก่อนความวุ่นวายให้เสียบรรยากาศอีก
ทว่าพวกที่มาก่อความวุ่นวายก็ถูกผู้มากฝีมือของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จัดการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ได้กลายเป็นจุดด่างพร้อย ทว่ากลายเป็นมีชื่อเสียงแทน
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านพ้นไป ทุก ๆ คนต่างก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย
“ทุกท่านกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ การเลี้ยงฉลองของงานประชุมผู้มากฝีมือในค่ำคืนนี้จะต้องสมบูรณ์แบบที่สุด”
…
ปัง!
มีเพียงคุณชายไป๋เจ๋อเท่านั้นที่จะทำใจโยนหญิงงามลงบนเตียงนอนได้อย่างไร้ความทะนุถนอมได้เช่นนี้