ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1842 ปีศาจจอมตื๊อ
มู่เฉียนซีตบไปที่บ่าของโม่ซวนพลางกล่าวว่า “เป็นเจ้านี่ก็ไม่ง่ายเลยจริง ๆ จากนี้ไปข้าจะทำดีต่อเจ้าให้มากขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน”
หลังจากที่มู่เฉียนซีเดินจากไปแล้ว แววตาของเหยียนเหลียนเจียก็ปรากฏร่องรอยที่อันตรายออกมา “ที่น้องซีเอ๋อร์บอกว่าจะทำดีกับเจ้าให้มากขึ้น มันช่างทำให้ข้าอิจฉามากเลยจริง ๆ”
“ที่จริงแล้วเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ข้าต้องการที่จะติดตามน้องซีเอ๋อร์!”
“ดูท่าว่าข้าจะต้องทำให้เจ้าสลบก่อน ค่อยพาไปแล้วล่ะ”
“ซวนซวนน้อย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอกนะ!”
ตูมมม!
มู่เฉียนซีไม่คาดคิดว่าทันทีที่นางจากไป ห้องข้าง ๆ นั้นจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นเสียแล้ว
แม้ว่าเหยียนเหลียนเจียจะเป็นผู้หญิงบ้าที่ไม่น่าเชื่อถือคนหนึ่ง แต่นางก็มองออกว่าโม่ซวนนั้นมีความสนิทสนมกับนางเป็นอย่างมาก
คนผู้นี้เป็นคนที่โม่ซวนไว้วางใจมากที่สุด น่าจะไม่ทำร้ายผู้ใดจนถึงตายหรอกกระมัง
ทันใดนั้นร่างสีดำร่างหนึ่งก็ปรากฎตัวออกมา เขากล่าวว่า “ศิษย์น้องหญิง!”
“ศิษย์พี่ ท่านมาแล้วหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หญิงสาวผู้นั้นคือ?”
“อ้อ! แม้ว่าประสาทนางจะป่วยไปสักหน่อย แต่น่าจะไม่ใช่ศัตรู ไม่มีปัญหาหรอก!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หากศิษย์น้องอยากจะไปที่ดินแดนทางทิศใต้ ครั้งนี้ข้าก็จะไปด้วยกันกับศิษย์น้องด้วย” ฉู่หลีกล่าว
เรื่องที่พวกเขาพูดคุยกันภายในห้องก่อนหน้านี้ฉู่หลีต่างก็รู้หมดแล้ว และเขายังรู้แผนการขั้นต่อไปของมู่เฉียนซีอีกด้วย
“ตรงนี้ไม่ต้องการเจ้าหรอก มีข้าที่คอยติดตามศิษย์ที่รักไปก็เพียงพอแล้ว คิดว่าข้าจะปล่อยให้มีผู้ใดมารังแกศิษย์ที่รักของข้าได้เช่นนั้นหรือ?” นิรันดร์ลุกยืนขึ้น และต่อต้านฉู่หลีอย่างรุนแรง
“เพราะเป็นเจ้า ข้ายิ่งไม่วางใจ” ฉู่หลีกล่างอย่างนิ่งสงบ และเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะป้องกันนางจากนิรันดร์
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ด้วย นิรันดร์ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ศิษย์พี่อย่าได้กังวลไปเลย”
“แล้วยังมีอีกเรื่อง หากข้านึกอะไรออก ข้าจะได้สามารถบอกศิษย์น้องได้ทันทีอย่างไรล่ะ”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน! คิดว่าเป็นหมอดูอย่างนั้นหรือ? เจ้าสามารถคำนวณว่ามังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างอยู่ที่ใดได้อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่เชื่อแผนการของเจ้าหรอก ศิษย์ที่รักเจ้าก็อย่าไปเชื่อเขานะ”
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าศิษย์พี่จะไม่พูดโกหกกับนางอย่างแน่นอน นางกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ตอนนี้ข้าได้ถูกคนของสำนักหลินเยว่จับตามองแล้ว หากศิษย์พี่ติดตามข้าไปด้วยละก็ อาจจะต้องกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีจากพวกเขาไปด้วยก็เป็นได้”
“ข้าสามารถปกป้องศิษย์น้องได้!” ฉู่หลีกล่าว
“ก็บอกไปแล้วไง ว่าไม่ต้องการเจ้า ศิษย์ที่รักมีข้าก็เพียงพอแล้ว!”
ตูมม!
ห้องที่อยู่ข้าง ๆ พังทลายลงมา และการเคลื่อนไหวของทั้งสองก็ทำให้เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมดังออกมาไม่น้อย
หัวหน้าสำนักเหยียนเยี่ยรีบพาคนมากมายตรงเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางที่เขินอายของคุณชายไป๋เจ๋อและสาวงามดุจนางฟ้าคนหนึ่ง เขาจึงกล่าวถามขึ้นทันที “คุณชายไป๋เจ๋อ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
โม่ซวนกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะชดใช้ให้อย่างแน่นอน”
“ไม่ต้อง ไม่ต้องหรอก!” หัวหน้าสำนักเหยียนเยี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหยียนเหลียนเจียได้หยุดลงไปสักพักแล้ว นางไม่ได้มาคอยตามตื๊อมู่เฉียนซี แต่ก็ไม่รู้ว่าไปล่อลวงคนอยู่ที่ไหนแล้ว
ในช่วงค่ำ งานเลี้ยงฉลองอาหารค่ำของสำนักเหยียนเยี่ยได้เริ่มต้นขึ้น
เหล่าผู้อาวุโสปรากฏตัวแค่ตอนเปิดงานเพียงชั่วครู่แล้วก็จากไป ฉะนั้นงานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้จึงเป็นพื้นที่สำหรับคนหนุ่มสาวเท่านั้น
ภายในงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ ก็มีอยู่สองคนที่ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นอย่างมาก
คนหนึ่งก็คือมู่เฉินซีที่ได้รับอันดับหนึ่งในครั้งนี้ ส่วนอีกคนก็คือเหยียนเหลียนเจียที่ล่อหลอกคนราวกับปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีสามารถที่จะพูดคุยกับอัจฉริยะของสำหนักเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าบุตรแห่งสวรรค์ที่ถูกฟูมฟักอย่างประคบประหงมจากสำนักใหญ่เหล่านี้จะมีข้อด้อยอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนัก
อีกทั้งพวกเขาก็ชื่นชมมู่เฉินซีเป็นอย่างมาก เวลานี้พวกเขาทั้งกินทั้งดื่มไม่มีขาด และแน่นอนว่าการพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องฝึกฝนนั้นก็ไม่ขาดเช่นกัน
งานชุมนุมแลกแปลี่ยนอัจฉริยะครั้งใหญ่นี้ สำนักใหญ่ต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ไม่ผูกใจเจ็บต่อมู่เฉินซีผู้เป็นอัจฉริยะปีศาจที่โผล่ออกมาอย่างแปลกประหลาดผู้นี้เท่านั้น แต่กลับทำให้คนมากมายรู้สึกดีต่อนางมากด้วย
“น้องซีเอ๋อร์ คนเหล่านี้ช่างน่ารำคาญมากเลยจริง ๆ ข้ามาหลบภัยอยู่ที่นี่ดีหรือไม่!” ร่างสีแดงลอยอย่างพลิ้วไหวเข้ามา และเกือบที่จะมาถึงอ้อมกอดของมู่เฉียนซีอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีหลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว และมีคนมากมายต่างก็เข้ามาล้อมรอบเอาไว้
“น้องซีเอ๋อร์…”
“……”
เหยียนเหลียนเจียคิดที่จะครอบครองมู่เฉียนซีไว้เพียงผู้เดียว ถึงผู้อื่นจะกล้าโกรธเคืองแต่ทว่าก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมา
ท้ายที่สุดพวกเขาก็ตระหนักถึงความสามารถของเหยียนเหลียนเจียได้เป็นอย่างดี และการไปยั่วยุหญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก
หลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ ทุกคนต่างก็มีความสุขเป็นอย่างมาก
เหล่าอัจฉริยะสองสามคนจากดินแดนทางทิศใต้มาตามหาเหยียนเหลียนเจีย แต่นางกลับกล่าวว่า “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ! ไปเก็บตัวฝึกฝน หากไม่บรรลุผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าก็ไม่ต้องออกมาให้ข้าเห็นหน้าอีก ครั้งนี้พวกเจ้าทำข้าขายหน้ามากเลยจริง ๆ”
“ขอรับ!” อัจฉริยะทั้งห้าจากไปอย่างเชื่อฟัง
เหยียนเหลียนเจียไม่ได้ใช้วิชามหาเสน่ห์ร่ายใส่พวกเขา แต่ทว่ากลับเป็นพวกเขาเองที่รับฟังคำสั่งจากนางด้วยความเต็มใจ และไม่มีความคับแค้นใจเลยแม้แต่น้อย
วันรุ่งขึ้น แต่ละสำนักใหญ่ต่างกลับไปพร้อมกับประสบการณ์อย่างเต็มเปี่ยม
แต่ทว่าเมื่อพวกเขาออกจากสำนักเหยียนเยี่ยและเดินทางมาตามมาเส้นทาง ก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังออกมาจากภายในป่าอย่างกะทันหัน
มีคนมากมายหันกลับไปมอง และดูเหมือนว่าจะได้เห็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเข้าแล้ว
“เอ๊ะ!”
“นั่นมันลูกศิษย์สำนักหลางซิงและสำนักหลินเยว่ไม่ใช่หรือ?”
“นี่มันจะน่ากังวลเกินไปแล้ว! พวกเขาไม่ได้ตรงกลับไปที่สำนักแต่อย่างใด แต่กลับอยู่นอกสำนักเหยียนเยี่ยมาโดยตลอด…”
“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ พวกเขานี่ช่าง…”
“……”
แต่ละคนต่างจ้องมองไปที่ฉากตรงหน้านั้นด้วยความประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปรบกวน และจากไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีจากไปพร้อมกับพวกของโม่ซวน ฉู่หลีกล่าวว่าเขาต้องการที่จะออกไปหาประสบการณ์ฝึกฝนข้างนอกจึงให้ลูกศิษย์ของสำนักลั่วเยว่กลับไปด้วยตนเอง
ส่วนชิงเสวียนก็ได้วางแผนที่จะออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์เพียงลำพัง อีกทั้งยังหาเงินไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ เมื่อพวกเขาออกมาถึงด้านนอกของสำนักเหยียนเยี่ย จึงได้เห็นสิ่งเดียวกับที่สำนักอื่นได้เห็นกันไปหมดแล้วเช่นกัน
มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางกล่าวว่า “นางปีศาจนั่นเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ”
พอเอ่ยถึงใครบางคน ใครคนนั้นก็มาเสียแล้ว
และเงาร่างสีแดงร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานเข้ามาอย่างกะทันหัน “น้องซีเอ๋อร์ รอข้าด้วยสิ! น้องซีเอ๋อร์…”
ความเร็วของนางนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก และเพียงไม่นานนางก็มาอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีแล้ว
นางเหลือบมองไปทางป่านั้นอย่างรังเกียจพลางกล่าวว่า “น้องซีเอ๋อร์เรารีบไปกันเถอะ ข้าเกรงว่าเจ้าพวกขยะเหล่านั้นจะมาทำให้ดวงตาของเจ้าต้องสกปรกเสียเปล่า ๆ”
เจ้าพวกนี้ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ สินะ!
หลังจากที่ออกมาจากสำนักเหยียนเยี่ยแล้ว มู่เฉียนซีก็ต้องแยกทางกับโม่ซวนเช่นกัน โม่ซวนกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ หากนางตามตื๊อเจ้า ก็ไม่ต้องเกรงใจข้า! อยากจะจัดการเช่นไรก็แล้วแต่เจ้าได้เลย”
“อื้ม!”
หลังจากที่โม่ซวนจากไปแล้ว ในเวลานี้เหยียนเหลียนเจียก็จ้องมองไปที่ฉู่หลีแทน
“คุณชายท่านนี้เป็นลูกศิษย์ของสำนักลั่วเยว่นั่นไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงต้องมาตามน้องซีเอ๋อร์ของข้า ทำไมไม่ยอมกลับสำนักตนเองไปเสียล่ะ!”
สำหรับหญิงสาวผู้นี้ ฉู่หลีไม่สนใจอย่างสิ้นเชิ้ง ทั้งยังขี้เกียจที่จะตอบโต้อีกด้วย
และมันก็เป็นอีกครั้งที่เสน่ห์ของตนเองถูกเมินเฉย จึงทำให้เหยียนเหลียนเจียรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ฉู่หลีเป็นพี่ชายที่แข็งแกร่งมาก การที่ข้าไปยังดินแดนทางทิศใต้ในครั้งนี้หรือว่าข้าจะจ้างคนไปคุ้มกันข้าสักคนไม่ได้เลยหรือ?”
เหยียนเหลียนเจียกล่าวว่า “น้องซีเอ๋อร์ ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าตั้งแต่แรกพบ และคนรับใช้ของข้าก็เปรียบเสมือนคนของเจ้าเช่นกัน ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้! แล้วยังต้องการเขาไปอีกทำไม?”
“แต่ข้าไม่สนิทกับเจ้า ขอบคุณมาก!”
“เช่นนั้นเจ้าสนิทกับเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“เขาหน้าตาหล่อนะ!”
“ข้าก็งดงามเช่นกัน!”
เหยียนเหลียนเจียผู้นี้ช่างก่อความวุ่นวายได้เก่งมากจริง ๆ ฉู่หลีจึงลากศิษย์น้องของสำนักตนเองเดินหนีไป
แต่ทว่าเหยียนเหลียนเจียที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการล่อลวงผู้คน ก็ได้ติดหนึบอยู่ข้างหลังมู่เฉียนซีจนไม่สามารถกำจัดออกไปได้
และฉู่หลีก็ไม่ชอบที่มีคนส่งเสียงเอะอะโวยวาย ทั้งยังตามติดศิษย์น้องของเขาเช่นนี้ เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “หากตามพวกข้ามาอีก ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“น้องซีเอ๋อร์ ผู้คุ้มกันที่เจ้าจ้างมาบ้าบอไปแล้วหรือ! บังเอิญว่าข้าก็กำลังจะไปดินแดนทางทิศใต้อยู่พอดี และเพียงแค่จะไปทางดียวกันก็ไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ? เขาดูจะวุ่นวายมากเกินไปแล้วนะ” เหยียนเหลียนเจียบ่นอย่างไม่สบอารมณ์