ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1845 กำจัดภัยร้ายเพื่อทุกคน
สิ่งที่เหยียนให้พวกเขาทำนั้นเป็นอะไรที่เกินไปไม่น้อย หากเป็นผู้อื่นก็เกรงว่าจะถูกทุบตีไปแล้ว ทว่าเมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้างามล่มบ้านล่มเมืองของนาง พวกเขากลับไม่อาจทำใจให้มีความคิดอยากเข้าไปทุบตีนางได้แม้แต่น้อย
แล้วนับประสาอะไรกับกระดิ่งกระชากเก้าวิญญาณที่ไม่ธรรมดาของเหยียนเหลียนเจีย พวกเขาแทบไม่กล้ากล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
พลังทำลายล้างของใบหน้างดงามลวงวิญญาณนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับพลังของเหยียนเหลียนเจียแล้ว นางก็สามารถควบคุมทุกคนได้อยู่หมัดจริง ๆ
พวกเขากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ได้แบ่งเบาภาระให้หญิงงามนับว่าเป็นเกียรติของพวกเรา!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! คาดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะโชคดีได้เห็นหญิงงามกับตาตัวเองเช่นนี้”
“……”
ขณะนี้ระหว่างรอยแยกได้มีสิ่งของล้ำค่าพวยพุ่งออกมาจำนวนไม่น้อย เหยียนเหลียนเจียจึงออกคำสั่งต่อไป “ยังไม่รีบไปเก็บอีก!”
สุดท้ายแล้วระหว่างรอยแยกก็มีหินมิติจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เมื่อหญิงงามออกคำสั่ง ถึงแม้ก้อนหินเหล่านั้นจะไร้ค่า ทว่าพวกเขาก็ได้เข้าไปคว้ามันไว้อย่างเชื่อฟัง
เมื่อรอยแยกมิติได้หายลับไปแล้ว เหยียนก็ได้ปรากฏกายข้าง ๆ มู่เฉียนซีแล้วกล่าว “น้องซีเอ๋อร์ พวกเรากลับกันดีกว่า วันนี้เกาะหนานอู่นั่นคงจะไม่ปรากฏขึ้นอีก!”
“อืม!”
เมื่อพวกเขาจากไปแล้วคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง
“เหยียนเหลียนเจียมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริง ๆ!”
“เป็นนางปีศาจเดินดินชัด ๆ!”
“……”
…
เมื่อพวกเขากลับไปถึงโรงเตี๊ยมแล้ว เหยียนก็ตั้งใจหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วกล่าว “น้องซีเอ๋อร์ ตอนนี้จะบอกพวกเราได้แล้วหรือยังว่าของสิ่งนี้คืออะไรกันแน่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงเวลาทดสอบสติปัญญาของเจ้าแล้ว หินก้อนนั้นไม่ต้องนำมันมาให้ข้า เจ้าค่อย ๆ กลับไปคิดวิเคราะห์ศึกษาดูก็แล้วกัน!”
ปัง! มู่เฉียนซีผลักนางออกไปแล้วปิดประตูลง
“อา อา อา!” ขณะนี้มู่เฉียนซีได้นำหินมิติมาวางไว้ในหอฉงโหลวบนเมฆา ทันใดนั้นหอฉงโหลวบนเมฆาก็ได้กรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นเสียเต็มประดา
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง พลังวิญญาณธาตุของหินมิติเหล่านี้แข็งแกร่งมาก มันมีประโยชน์สำหรับเจ้าหรือไม่?”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวตอบ “ขอบคุณซีเอ๋อร์ที่เป็นห่วง แต่มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้า! แต่ซีเอ๋อร์สามารถดูดซับพลังวิญญาณธาตุจากพวกมันได้ มันสามารถทำให้เจ้ายกระดับขึ้นไปได้อีกสักเล็กน้อย”
“จริงหรือ? ข้าจะลองดู!”
มู่เฉียนซีได้ลองดูดซับพลังวิญญาณธาตุมิติดู และนางก็สามารถดูดซับได้สำเร็จจริง ๆ
“ศักยภาพของศิษย์ที่รักในตอนนี้ยังไม่เพียงพอต่อการดูดซับพลังวิญญาณธาตุมิติได้มากนัก ไม่อย่างนั้นแล้วจะสูญเสียการควบคุมได้ง่าย พลังวิญญาณธาตุมิติไม่ได้ควบคุมง่ายเหมือนพลังธาตุวิญญาณอื่น ๆ นะ!” นิรันดร์เข้ามานั่งข้างกายมู่เฉียนซีแล้วกล่าว
“ใช่แล้ว!” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว
“ดังนั้น! อีกประเดี๋ยวศิษย์ที่รักมาฝึกพลังวิญญาณธาตุวายุกับข้าต่อเถอะ! ข้าสามารถบอกเคล็ดลับในการฝึกพลังวิญญาณธาตุวายุให้เจ้าได้”
มู่เฉียนวีกล่าว “เคล็ดลับ เคล็ดลับอะไร?”
“นั่นก็คือ กอดข้า จูบข้าจะสามารถทำให้เจ้าฝึกฝนได้เร็วขึ้นอย่างไรล่ะ!” นิรันดร์ขยับเข้าไปใกล้พลางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“อย่างไรเสียข้าก็เป็นผู้ชี้ขาดของธาตุวายุอยู่แล้ว!”
มู่เฉียนซียกเท้าขึ้นแล้วถีบไปยังนิรันดร์อย่างไม่เกรงใจ จากนั้นจึงจะฝึกฝนพลังธาตุมิติต่อไป
เหยียนได้วิเคราะห์ดูหินมิติก้อนนั้นด้วยความหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง นางไม่อาจวิเคราะห์อะไรออกมาได้แม้แต่น้อย นางอยากจะขยี้ก้อนหินก้อนนี้ให้แหลกคามือด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง
ผลปรากฏว่า นางพบว่าหินก้อนนี้ไม่สามารถขยี้ให้แหลกไปได้ง่าย ๆ
เมื่อออกแรงขยี้อย่างสุดความสามารถ แกรก! ก้อนหินก็แตกออกในทันที ทว่าไม่ได้แหลกละเอียดแต่อย่างใด เนื่องจากข้างในยังมีก้อนหินสีขาวอยู่อีกก้อนหนึ่ง
นางสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันน่าประหลาด พลังวิญญาณนี้ไม่เหมือนพลังวิญญาณธาตุที่พบเจอได้ทั่วไป มีเพียงค่ายกลส่งตัวเท่านั้นจึงจะสามารถสัมผัสพลังวิญญาณธาตุมิติได้
เหยียนกล้าวด้วยความตกตะลึง “นี่มันหินมิตินี่! เป็นหินมิติที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ เมื่อเทียบหินมิติเหล่านี้กลับอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแล้ว อาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรจากขยะเลยสักนิด!”
เหยียนรีบวิ่งไปหามู่เฉียนซีด้วยท่าทางตื่นเต้นอย่างที่สุด “น้องซีเอ๋อร์ ข้ารู้แล้ว! ข้ารู้แล้ว!”
มู่เฉียนซีที่ได้ดูดซับพลังธาตุวิญญาณมิติจากหินมิติเพียงหนึ่งก้อน ก็สามารถสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณธาตุมิติถูกดูดซับมาอย่างเต็มที่แล้ว ที่แท้พลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตก็ไม่เหมาะสมกับการควบคุมพลังธาตุวิญญาณธาตุมิติที่มีความแข็งแกร่งมากเกินไปจริง ๆ ด้วย
เหยียนร้องตะโกนอยู่ข้างนอกด้วยความตื่นเต้น มู่เฉียนซีจึงเปิดประตูออกมาแล้วกล่าว “รู้อะไรหรือ?”
“หินนี่เป็นหินมิติ?”
“อ้อ! ในที่สุดก็รู้จนได้ เจ้าอยากชิงกลับไปหรือไม่? ดูเหมือนข้าต้องพิจารณาฆ่าปิดปากใครบางคนเสียแล้ว” มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
เหยียนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “น้องซีล้อเล่นอะไรกัน สิ่งที่ข้าให้ไปแล้วแน่นอนว่าข้าก็ไม่มีทางรับคืน! น้องซีเอ๋อร์ต้องการหินมิติมากเท่าไร? หากน้องซีเอ๋อร์มีเพียงพอแล้ว จะสามารถแบ่งให้ข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่? ข้าต้องการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
สีหน้าท่าทางของเหยียนดูเหมือนจะไม่ได้เย้าเล่นแต่อย่างใด หินมิติมากมายเช่นนั้นก็เพียงพอให้หอฉงโหลวบนเมฆาใช้แล้ว มู่เฉียนซีจึงกล่าว “หากหลังจากนี้ยังมีหินมิติปรากฏขึ้นอีก ข้าจะแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง!”
เหยียนดีใจเป็นอย่างยิ่ง นางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ท้ายที่สุดแล้วน้องซีเออร์ก็ยังรักข้าจริง ๆ ด้วย!”
นางยังไม่ทันจะได้กระโจนเข้าหามู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็ปิดประตูลงเสียแล้ว อีกเพียงนิดเดียวก็เกือบจะกระแทกจมูกอันงดงามของนางให้เสียโฉมแล้ว เหยียนบ่นกระปอดกระแปด “น้องซีเอ๋อร์สามารถมองออกว่าหินนั่นเป็นหินมิติได้ในแวบเดียว แต่เหตุใดถึงมองไม่เห็นองครักษ์อย่างข้าทั้งคนได้นะ ที่สุดแล้วนางเป็นใครกันแน่? ศิษย์เอกของสำนักกองกำลังระดับสามจะมีพลังและสายตาที่เฉียบแหลมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน น่าแปลกนัก!”
เกาะหนานอู่เป่าใกล้ปรากฏขึ้นแล้ว ผู้คนที่ถูกดึงดูดมาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ข่าวคราวที่เหยียนเหลียนเจียชอบก้อนหินไร้ค่าได้แพร่สะพัดไปไกล พวกนางไม่ต้องไปถึงเกาะหนานอู่ด้วยซ้ำ ก็มีคนนำหินมิติทั้งหมดมามอบให้พวกนางถึงมือแล้ว
วันนี้เป็นวันที่เกาะหนานอู่เป่าปรากฏ พวกของมู่เฉียนซีจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นอีกครั้ง
การปรากฏตัวขึ้นของเหยียนเหลียนเจียบนท้องทะเลอันกว้างไกลนี้ ได้ประกอบรวมกันเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง ในขณะนั้นเองก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นางปีศาจไปตายซะ!”
ผู้มาเยือนคือชายชราที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำสองคน และยังมีผู้บำเพ็ญภูติพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอีกสองคน บางทีอาจเป็นเพราะอายุมากแล้ว จึงสามารถละกิเลสและปล่อยวางได้ ดังนั้นเสน่ห์ของเหยียนเหลียนเจียจึงไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อพวกเขา
เหยียนหัวเราะเยาะแล้วกล่าว “ไอ้แก่ ข้าไปขุดหลุมศพของบรรพบุรุษพวกเจ้าหรืออย่างไร?”
“นางปีศาจ เจ้าหลอกล่อศิษย์ของข้า ทุกวันคืนเอาแต่พร่ำเพ้อถึงเจ้าไม่เป็นอันฝึกฝนวิชา”
“นางปีศาจ เจ้าควบคุมสิทธิ์ของข้าให้เป็นทาสของเจ้า”
“เจ้าใช้วิชามารแย่งชิงของล้ำค่าบนทะเลหนานอู๋ไปอย่างไม่เกรงกลัว เจ้าคิดว่าจะไม่มีผู้ใดจัดการเจ้าได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ร่อนเวหาสังหาร!”
“……”
ร่างสีแดงวาบผ่านไปรวดเร็วปานสายฟ้า “กริ่ง กริ่ง กริ่ง…” เสียงกระดิ่งเย้าเสน่ห์แว่วดังขึ้นอีกครา
แน่นอนว่าชายชราเหล่านี้ต้องเตรียมการป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ อยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่หลงกลโดยง่าย
ปัง ปัง ปัง!
ขณะที่เหยียนกำลังรับมือกับคนเหล่านี้อยู่นั้น เกาะหนานอู่เป่าก็ได้เริ่มเปิดขึ้นแล้ว
“ในที่สุดก็เกาะหนานอู่เป่าก็ปรากฏขึ้นแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
“เร็วเข้า!”
“……”
เมื่อเกาะหนานอู่เป่าปรากฏขึ้นแล้ว แน่นอนว่าการที่เหยียนต้องมารับมือกับคนเหล่านี้ก็ทำให้นางหงุดหงิดรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
“ไอ้แก่ อย่ามาก่อกวนข้า! รีบไสหัวไปได้แล้ว!”
“ถึงแม้วันนี้ข้าจะพลาดเกาะหนานอู่เป่าไป ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าไปทำร้ายศิษย์คนอื่น ๆ ได้อีก!”
“ใช่แล้ว! ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าวางอำนาจบาตรใหญ่ได้อีก”
“……”
สุ้มเสียงหัวเราะเยาะแว่วดังขึ้น “ที่พวกเจ้ากล่าวมาด้วยท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้ เกรงว่าคงจะมีคนกังวลใจแต่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับนางโดยตรง อีกทั้งยังกลัวว่านางจะไปแย่งชิงของล้ำค่าที่เกาะหนานอู่เป่า ดังนั้นก็เลยส่งพวกเจ้ามาขวางไว้สินะ!”
“ไหนพวกเจ้าว่ามาสิ ว่าพวกเขาให้ประโยชน์อันใดกับพวกเจ้าทั้งสี่กันแน่?”
ชายชราทั้งสี่โกรธเป็นอย่างยิ่งพวกเขาจ้องเขม็งไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น! เจ้าเป็นพวกเดียวกับนางปีศาจนี่”