ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1851 ชุลมุนวุ่นวาย
หากสามารถเดินหน้าไปได้ มันก็จะทำให้พวกเรารู้สึกดีต่อตนเอง ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย
พวกเขาเหลือบมองไปยังคนที่อยากจะเดินหน้าแต่ก็ไม่มีความสามารถมากพออย่างเยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า “นักปรุงยาระดับต่ำอย่างเช่นพวกเจ้าเดิมทีก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับสมุนไพรวิญญาณของที่นี่อยู่แล้ว รีบไสหัวออกไปเสียเถอะ! อย่าได้ทำตัวน่าขายหน้าอีกเลย”
ความหยิ่งยโสที่น่าโมโหอย่างที่สุดของฝ่ายตรงข้ามนั้น ทำให้พวกเขาได้แต่กล้าที่จะโกรธแค้น แต่ไม่กล้าพูดออกมา
ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะสามารถเดินหน้าไปได้ แต่มันก็เหลือสมุนไพรวิญญาณอยู่เพียงเล็กน้อยอยู่ดี
พวกเขากล่าวพร้อมกัดฟันกรอดพลางมองไปทางร่างของมู่เฉียนซี “แม่เด็กสาวคนนั้น!”
“ไล่ตามไป!”
พวกเขาคิดว่าในเมื่อมู่เฉียนซียังสามารถรุดหน้าไปได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น ฉะนั้นนักปรุงยาระดับสูงที่สูงส่งเช่นพวกเขาหากต้องการที่จะข้ามไปก็ต้องง่ายดายกว่ามากอย่างแน่นอน
ปัง!
ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาดคิดไว้ นั่นก็คือพวกเขาต่างก็ถูกขัดขวางเอาไว้เช่นกัน
ถึงจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ก็หมดหนทางที่จะเดินเข้าไปได้แม้อีกสักเสี้ยวอึดใจ พลันนั้นสีหน้าของนักปรุงยาระดับสูงเหล่านี้จึงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นมา
ในเวลานี้เหล่านักปรุงยาระดับต่ำเหมือนกำลังดูเรื่องตลกของพวกเขาอยู่ “ก็คิดว่าจะเก่งกาจสักแค่ไหน ที่แท้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปมากกว่าพวกเราสักเท่าไรหรอก”
“ใช่แล้ว! ก่อนหน้านี้ทำเป็นอวดดีเสียเต็มประดาขนาดนั้น”
“……”
นักปรุงยาที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงของดินแดนซวนเทียนไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงภัยอยู่ที่นี่ ฉะนั้นนักปรุงยาที่เข้ามายังเกาะหนานอู่เป่าเหล่านี้ต่างก็มีความสามารถที่ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
นักปรุงยาระดับสูงเหล่านั้นต่างจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บสมุนไพรวิญญาณอย่างไม่เชื่อสายตา “เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพลังวิญญาณของแม่สาวน้อยผู้นั้นจะแข็งแกร่งมากกว่าพวกเรา หรือว่านางจะเป็นนักปรุงยาที่เหมือนเสือซ่อนเล็บอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อมองดูมู่เฉียนซีแล้ว ก็ดูเหมือนว่านางจะอายุน้อยมากเกินไป แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขามากถึงเพียงนี้
ในเมื่อไม่มีผู้ใดข้ามมาได้ มู่เฉียนซีจึงค่อย ๆ เก็บสมุนไพรอย่างสบายใจ และหญ้าโลหิตมังกรก็มาอยู่ในมือของนางเพิ่มขึ้นแล้ว
ถึงตอนเก็บสมุนไพรนั้นง่ายดายแต่หากต้องการจะออกไปจากที่นี่คงไม่ง่ายเท่าไรนัก ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ข้างในสวนสมุนไพรหรือข้างนอกสวนสมุนไพรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จ้องมองมาทางนางอย่างดุร้าย
หากนางออกไป พวกเขาเหล่านี้จะต้องไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน
นักปรุงยาระดับสูงเหล่านั้นต่างจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี “ทักษะการปรุงยาของนางคงไม่แข็งแกร่งไปกว่าพวกเราแน่นอน นางจะต้องใช้วิธีการอื่นเป็นแน่”
“หรือว่าอันที่จริงแล้วมันยังมีวิธีการอะไรอีก?”
สายตาของหนึ่งในนักปรุงยาฉายแววดุร้ายออกมา เขากล่าว “แม่สาวน้อย ในเมื่อเจ้าทำให้คนเกลียดชังได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน”
เขาได้หยิบเอากล่องใบหนึ่งออกมา และทันทีที่เปิดกล่อง ผึ้งพิษที่มีจุดสีดำก็บินออกมาทีละตัว
สิ่งนี้ได้ทำให้ทุกคนต้องหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ “ผึ้งพิษดำ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นผึ้งพิษดำ ท่านปรมาจารย์หวัง คะ…คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเลี้ยงเจ้าสิ่งนี้ มันอันตรายเกินไปแล้ว”
ปรมาจารย์หวังท่านนี้กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ทุกท่านโปรดวางใจ ผึ้งพิษดำพวกนี้ข้าสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ และข้าจะไม่ปล่อยให้มันทำร้ายทุกท่านอย่างแน่นอน!”
“สวนสมุนไพรนี้น่าจะป้องกันเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น ส่วนสัตว์จำพวกแมลงน่าจะผ่านไปได้อย่างไร้ข้อจำกัด รอให้แม่สาวน้อยผู้นั้นถูกพิษของผึ้งพิษดำเสียก่อนเถอะ และเพื่อที่จะมีชีวิตรอด นางจะต้องบอกวิธีเข้าให้ข้าอย่างแน่นอน! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะไม่ปิดบังพวกท่านเป็นแน่”
แต่ละคนต่างก็มีความคิดที่แตกต่างกันไป แต่กลับยังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถือว่าปรมาจารย์หวังยังพอมีวิธีอยู่บ้าง!”
“มิเช่นนั้นแม่สวยนั้นผู้นั้นก็คงจะได้กินเนื้อแต่เพียงผู้เดียวเสียแล้ว และพวกเราก็คงจะไม่ได้กินแม้แต่น้ำแกงเลยด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นมันก็น่ารังเกียจเกินไป!”
“……”
แน่นอนว่า อย่างไรเสียพวกเขาก็จะต้องป้องกันผึ้งพิษดำนี้อยู่ดี เพราะหากผึ้งพิษดำนี้โจมตีพวกเขาเข้าละก็ พวกเขาก็คงจะซวยไปด้วยเช่นกัน
หึ่ง หึ่ง หึ่ง…
ผึ้งพิษดำบินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วอย่างไร้ข้อจำกัด และทันใดนั้นมันก็ได้ล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้
คนที่อยู่ด้านนอกอุทานออกมาว่า “นี่มันคือหนึ่งในสิบผึ้งพิษขนาดใหญ่นี่! ชายชราผู้นั้นโหดเหี้ยมอำมหิตมากเกินไปแล้ว!”
“แม่นางน้อยผู้นั้นถึงจะโชคดีที่ได้รับสมุนไพรวิญญาณมากมายถึงเพียงนั้น แต่น่าเสียที่ไม่มีความแข็งแกร่งพอ เกรงว่า…”
“……”
“น้องซีเอ๋อร์!” เมื่อเหยียนเหลียนเจียมองเห็นฝูงผึ้งพิษที่หนาแน่นเหล่านั้น ก็อดที่จะเป็นห่วงมู่เฉียนซีไม่ได้
ทว่าบนใบหน้าของฉู่หลีกลับไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา สำหรับพลังอำนาจของศิษย์น้องหญิงของตนเองนั้น เขารู้มันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการใช้พิษ และคาดว่าคงมีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถฆ่าผู้อื่นได้ ส่วนผู้อื่นที่คิดจะจัดการนางก็เหมือนกับทำร้ายตัวเองก็เท่านั้น
และมู่เฉียนซีที่กำลังตกอยู่ในอันตรายตอนนี้กลับคลี่ยิ้มออกมา เดิมทีนางก็คิดอยู่ว่าจะออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยได้อย่างไร แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะคนมีมอบของเล่นดี ๆ เช่นนี้มาให้กับนาง
มู่เฉียนซีได้หยิบเอายาเม็ดออกมาเม็ดหนึ่ง หลังจาก ฟู่ ฟู่ ฟู่! เพียงไม่กี่ครั้ง ผึ้งพิษดำเหล่านี้ถูกล่อลวงให้ตายใจจนร่วงลงบนพื้น
ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน ผึ้งพิษดำทำลายได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
สีหน้าราวกับเห็นผีปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของปรมาจารย์หวัง ตอนแรกเพื่อที่จะจับผึ้งพิษดำเหล่านี้ เขาถึงกับต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยทีเดียว ที่จริงแล้วสาวน้อยผู้นี้ใช้สิ่งใดถึงสามารถทำให้ผึ้งพิษดำเหล่านี้ร่วงลงไปได้กัน
เขาใช้พลังวิญญาณควบคุมผึ้งพิษดำเพราะต้องการที่จะเอาพวกมันออกมา แต่ทว่าพลังวิญญาณที่เชื่อมต่อระหว่างเขากับพวกมันได้ถูกตัดขาดไปอย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซียังคงเก็บสมุนไพรต่อไป และพวกเขาก็ได้แต่เฝ้ามองนางที่ทำให้สวนสมุนไพรวิญญาณค่อย ๆ ว่างเปล่าไป ขอเพียงแม่สาวน้อยผู้นั้นออกมา จะต้องหาวิธีที่จะเอาส่วนแบ่งจากนางมาให้ได้
หึ่ง หึ่ง หึ่ง… ทันใดนั้นเสียงของผึ้งพิษดำที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา ผึ้งพิษดำที่เคยร่วงลงไปบนพื้นอย่างไม่รู้สาเหตุก่อนหน้าได้บินขึ้นมากลางอากาศอีกครั้ง และทิศทางของพวกมันก็ไม่ได้พุ่งเข้าไปหามู่เฉียนซีอีกต่อไป แต่ทว่าพุ่งไปทางฝูงชนอีกฝั่งหนึ่งแทน
ในตอนที่พวกเขาเห็นผึ้งพิษดำเหล่านั้นบินมา ก็ทำให้สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีเสียแล้ว “หนีเร็ว! ผึ้งพิษดำบินออกมาแล้ว!”
“อ๊ากกก!”
“ท่านปรมาจารย์หวัง ผึ้งพิษดำเหล่านี้ของท่าน ทะ…ท่านรีบควบคุมพวกมันเร็วเข้า!”
“อ๊ากกก!” ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของปรมาจารย์หวังก็ดังออกมา ผึ้งพิษดำเหล่านี้ไม่ยอมเชื่อฟังเขา และหันมาโจมตีเขาแทนอีกด้วย
“ท่านปรมาจารย์หวัง สิ่งที่ท่านทำเหล่านี้มันกำลังจะมาทำร้ายพวกเราแล้วนะ!”
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว รีบหนีเร็ว!”
สวนสมุนไพรนี้ไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไปแล้ว และสีหน้าของคนที่อยู่ภายนอกก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
“พวกเจ้าอย่ามาทางนี้สิ! บัดซบเอ๊ย!”
“หนีเร็วเข้า!”
“……”
บริเวณโดยรอบเหล่านี้ พากันชุลมุนวุ่นวายไปหมดแล้ว
เข็มพิษของผึ้งพิษดำนั้นมีพิษที่แรงมาก อีกทั้งยังรวดเร็วฉับไว โดยเฉพาะตรงส่วนหัวที่เล็กจนทำให้ยากที่จะป้องกัน ทำให้พวกเขาต้องตอบโต้อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ และในเวลานี้พวกเขาก็ไม่มีเวลาที่จะไปจัดการแย่งสมุนไพรวิญญาณจากมู่เฉียนซีอีกแล้ว
มู่เฉียนซีพุ่งตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว และฝูงชนที่ตกอยู่ในความวุ่นวายก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นนางเลย
“เสี่ยวโม่โม่” มู่เฉียนซีได้เรียกเสี่ยวโม่โม่ออกมา จากนั้นก็ได้กระโดดขึ้นไปบนตัวของเสี่ยวโม่โม่ทันที
“ขึ้นมาเร็ว!” มู่เฉียนซีหันไปกล่าวกับเหยียนเหลียนเจียและฉู่หลี
“ข้ามาแล้ว น้องซีเอ๋อร์!” เหยียนเหลียนเจียพุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซีอย่างกระตือรือร้น
ฉู่หลีพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากใช้ความพยายามเพียงชั่วพริบตาทั้งสามคนก็ได้มาอยู่บนตัวของเสี่ยวโม่โม่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
ขณะที่พวกเขาบินออกไป คนอื่น ๆ ที่ได้สติกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับรู้สึกเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
“ให้ตายเถอะ! แม่สาวน้อยผู้นั้นจะหนีไปแล้ว!”
“ของสิ่งนี้นางจงใจทำขึ้นมาเพื่อขัดขวางพวกเราไว้ อย่าปล่อยให้นางหนีไปพร้อมกับสมุนไพรวิญญาณมากมายถึงเพียงนั้นได้”
“รีบตามไปเร็ว! ไม่คิดเลยว่าจะมีสัตว์เทพบินได้ด้วย ช่างน่าชิงชังนัก!”
ในเวลานี้พวกเขาต่างต้องคอยหลบหลีกการโจมตีของเหล่าผึ้งพิษดำไปด้วย แล้วจะเอาความเร็วที่ไหนไปไล่ตามสัตว์เทพตัวหนึ่งได้กันเล่า?
พวกเขาทำได้เพียงแค่จ้องมองมู่เฉียนซีและพรรคพวกหายลับไปจากสายตาของพวกเขา ด้วยความโกรธจนแทบที่จะกระอักออกมาเป็นเลือด
“อ๊ากกก! แม่สาวน้อยเจ้าเล่ห์นั่น!”
“อย่าให้ข้ารู้นะว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?”
“……”