ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1854 ไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ
แน่นอนว่าตลอดการเดินทางไปยังเมืองหนานหวางของมู่เฉียนซีและพรรคพวกนั้นไม่ได้สงบสุขมากนัก เนื่องจากสำนักหลินเยว่ได้ค้นพบเส้นทางการเดินทางของพวกนางแล้ว
ครั้งนี้พวกเขาได้ร่วมมือกับสำนักหลางซิง และเตรียมตัวที่จะจัดการกับมู่เฉียนซีในค่ำคืนนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงานชุมนุมแลกเปลี่ยนอัจฉริยะแห่งดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้ มันคือความอัปยศที่ไม่อาจลบล้างได้ตลอดไปของพวกเขาทั้งสองสำนักใหญ่อย่างแน่นอน
และมีเพียงแต่ต้องการจัดการมู่เฉินซีเท่านั้น ถึงจะสามารถระบายความเกลียดชังในหัวใจของพวกเขาไปได้
พวกเขานั้นไม่ได้ปกปิดจิตสังหารของตนเอง ฉะนั้นหลังจากที่พวกเขาเข้าใกล้ จึงทำให้มู่เฉียนซีและพรรคพวกสังเกตถึงพวกเขาได้
ภายในแววตาของเหยียนฉายแววอันตรายออกมา เจ้าพวกชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนพวกนี้นี่
ตูมมม!
ก่อนที่พวกเขาจะมาก็เคยสอบถามถึงความสามารถของเหล่าผู้คนที่อยู่ข้างกายมู่เฉียนซีมาก่อนหน้านี้แล้ว ตัวอย่างเช่นมีชายชุดคลุมดำที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง และเช่นมีเหยียนเหลียนเจียผู้มีพลังโจมตีทางวิญญาณที่ทรงพลังมากอีกคนหนึ่ง
ปังงง!
พวกเขาต่างพากันบุกทะลวงเข้ามา คนส่วนหนึ่งจัดการกับฉู่หลี และส่วนคนอีกส่วนหนึ่งจัดการกับเหยียนเหลียนเจียตามลำดับ
หญิงสาวจากสำนักหลินเยว่เป็นผู้จัดการเหยียนเหลียนเจีย เพราะถึงอย่างไรก็ตามความสามารถในการหลอกล่อผู้ชายของหญิงสาวผู้นี้นั้นแข็งแกร่งเกินไป ฉะนั้นคนจากสำนักหลางซิงคาดการณ์ว่าน่าจะไร้ประโยชน์ต่อพวกนาง
และคนจากสำนักหลางซิงก็ได้ร่วมมือกันแบ่งไปจัดการกับฉู่หลี
แน่นอนว่า มู่เฉียนซีได้กลายเป็นเป้าหมายในการร่วมมือกันโจมตีของพวกเขา และยังเป็นบุคคลที่จะต้องกำจัดให้ได้อีกด้วย
“หากข้าเป็นเจ้า ตอนนี้ก็คงจะฆ่าตัวตายไปแล้ว เพื่อที่เมื่อถึงเวลานั้นจะได้หลีกเลี่ยงการตายอย่างน่าสังเวช” หญิงสาวจากสำนักหลินเยว่คนหนึ่งกล่าวอย่างคนมีอำนาจบาตรใหญ่
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย้ยหยัน “พวกเจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน คิดจะฆ่าข้าหรือ ฝันไปเถอะ!”
“รนหาที่ตายซะจริง!”
พวกเขากวัดแกว่งกระบี่ที่คมกริบ และตั้งค่ายล้อมโจมตีมู่เฉียนซีเอาไว้
พัดวิหคเฟิงหลิงวาดผ่านไปในอากาศ และมู่เฉียนซีก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “พลังวายุทำลายดับสูญ!”
“เป็นการต่อสู้ที่น่าขันนัก!” พวกเขากล่าวอย่างเยาะเย้ย และโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ตูมมม โครมมม!
รูปแบบของค่ายกลกระบี่ที่ก่อตัวขึ้นทั้งสองด้านได้กักขังมู่เฉียนซีเอาไว้ตรงกลาง พวกนางรู้ดีว่ามู่เฉินซีนั้นรวดเร็วมากเพียงใด ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาสามารถคิดวิธีการในการจัดการนางได้แล้ว
เมื่อถูกกักขังเอาไว้ ความเร็วของคนผู้นี้ก็ยิ่งเร็วมากขึ้นไปอีก และสุดท้ายก็หมดหนทางที่จะยื้อเอาไว้ได้!
“ตายซะเถอะ!”
การโจมตีที่แข็งแกร่งจู่โจมมาทางมู่เฉียนซี และแสงเงาของกระบี่นับพันก็ต้องการที่จะทะลุผ่านร่างของมู่เฉียนซีโดยไร้ซึ่งความปรานีแม้แต่น้อย
แต่ทว่าสีหน้าของมู่เฉียนซียังคงนิ่งเฉย และพัดวิหคเฟิงหลิงก็ได้กางออก “พลังวายุเมฆา ดาวกระจาย!”
ตูมม โครมมมม!
พวกเขาไม่คาดคิดว่า ในเวลาเช่นนี้มู่เฉินซีไม่เพียงแต่จะไม่ป้องกันเท่านั้น แต่ยังโจมตีพวกเขากลับมาได้อีกด้วย
เกือบที่จะเอาชีวิตไม่รอดเสียแล้ว นี่คือแผนการที่จะทำให้พวกเขาพังพินาศไปด้วยกันเช่นนั้นหรือ?
ทว่าการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดคนหนึ่ง น่าจะไม่สามารถทำอันตรายต่อพวกเขาได้มากมายเท่าไรนัก
ตูมม!
แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างควาเสียหายได้มากนัก แต่ทว่าค่ายกลของพวกเขาก็ได้ถูกมู่เฉียนซีทำลายลงจนเกิดช่องโหว่ขึ้นมาจนได้
นอกจากเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีที่ถูกโจมตีไปก่อนหน้านี้จะไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? คิดไม่ถึงว่านางจะไม่เป็นอะไรเลย!”
“อาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์ได้คุ้มครองนางเอาไว้ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่!”
“โจมตีต่อไป ทำลายเกาะป้องกันของนางเสีย แล้วมาดูกันว่านางจะพึ่งพาอะไรได้อีก!”
คนของสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ต่อมาจึงได้ร่วมมือกันจัดการมู่เฉียนซีอีกครั้งหนึ่ง และผู้คนมากกว่าสิบคนก็เข้ามาโจมตีอย่างพร้อมเพียงกัน แต่ละกระบวนท่ามีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเพิ่มพลังโจมตีในการทำลายล้างให้แข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
ถึงต้องเผชิญหน้ากับการโจตีที่แข็งแกร่ง ทว่ามู่เฉียนซีก็ยังคงตอบโต้พวกเขาอย่างใจเย็น
โครม!
เสียงสะเทือนเลือนลั่นดังกึกก้องไปทั่ว และมู่เฉียนซีก็พุ่งออกมาจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย จากนั้นก็ลงมือจากกลางอากาศอีกครั้งหนึ่ง
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
มีเสียง ตูมม! ดังขึ้น และพวกเขาก็ถูกโจมตีจนลอยละลิ่วออกไป
แต่ทว่ามู่เฉียนซีก็ยังคงไม่เป็นอะไรอยู่ดี และนั่นก็ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก “ยังสามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้อีกรึ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!”
ดวงตาของทุกคนต่างพากันเบิกกว้าง อาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์อะไรถึงได้แข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้!
“เหล่าศิษย์น้องและศิษย์พี่หญิงทั้งหลาย โปรดนำอาวุธที่แข็งแกร่งมากที่สุดออกมา พวกเราไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่สามารถทำลายเกาะป้องกันของนางเด็กสาวชั่วร้ายผู้นี้ได้”
“เหล่าศิษย์น้องและศิษย์พี่…”
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นที่คล้ายกัน ทันทีการกวัดแกว่งกระบี่เริ่มต้นขึ้น พลังวิญญาณอันบ้าคลั่งที่น่าสะพรึงกลัวก็ทะลักออกมา ราวกับว่ากำลังจะกลืนกินมู่เฉียนซีก็มิปาน
ไม่ว่าคนเหล่านี้จะใช้กลอุบายอะไรก็ตาม มู่เฉียนซีก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจทั้งสิ้น
นี่เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่หากเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงท่วงท่านี้ออกมาแล้วละก็ มันคงจะทำให้นางต้องปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว
“กระบี่สังหารคลื่นจันทรา!”
“กระบี่สังหารหมาป่าทำลาย!”
ทั้งสองฝ่ายระเบิดกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจากทั้งสองด้าน และพลังวิญญาณทั้งหมดของมู่เฉียนซีก็ได้ไหลเข้าไปในพัดวิหคเฟิงหลิงแล้ว ฉะนั้นดูเหมือนว่าจะไร้การป้องกันไปอย่างสิ้นเชิง
ความแข็งแกร่งของเกาะป้องกันทางกายภาพนั้นเป็นการฝึกฝนร่างกายเพื่อให้ได้มา และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พลังวิญญาณในการคงสภาพแต่อย่างใด
แม้ว่าการโจมตีทั้งสองกระบวนท่านนี้จะแข็งแกร่ง แต่ว่าเมื่อต้องเผชิญกับเกาะป้องกันทางกายภาพที่แข็งแกร่งก็ยังคงไม่อาจที่จะสร้างแรงกระเพื่อมได้อยู่ดี
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ปังง!
ในตอนที่พวกเขากำลังเข้าโจมตีมู่เฉียนซีอยู่นั้น มู่เฉียนซีเองก็โต้กลับอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และเป้าหมายก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ต้องการที่จะทำลายค่ายกลของพวกเขาต่างหาก!
และครั้งนี้ มันจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน
เพียงแค่มู่เฉียนซีไม่เป็นอะไรก็ทำให้พวกเขาตื่นตกใจมากเกินพอแล้ว และผลที่ได้ก็คือค่ายกลของพวกเขายังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาเสียอีก
“เป็นไปได้อย่างไร? นะ…นางยังไม่เป็นอะไรอยู่อีกรึ!”
“กางค่ายกลต่อไป แน่นอนว่าไม่อาจปล่อยให้นางหนีไปได้ เร็ว!” มีใครบางคนร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความร้อนใจ
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว! และมู่เฉียนซีก็ไม่ได้ใจดีถึงขนาดที่จะให้เวลาพวกเขาได้กางค่ายกลขึ้นมาใหม่ ทันใดนั้นใบพัดของพัดวิหคเฟิงหลิงก็ได้กางออก จากนั้นก็กวาดพุ่งไปทางพวกเขา
“อ๊ากกก!”
เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นออกมา พัดวิหคเฟิงหลิงที่กลายเป็นอาวุธลับนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรมันก็คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพชิ้นหนึ่งอยู่ดี
“ศิษย์น้องหญิง!”
“ศิษย์พี่!”
หลังจากที่มีคนล้มลงไปหลายคน ค่ายกลนี้ก็ไม่สมบูรณ์แบบอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าจะยังกางค่ายกลนี้ต่อไป แต่มันก็ไม่ได้ทรงพลังเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนี! สำหรับพวกเจ้า? ข้าคงไม่ถึงกับต้องหนีหรอกกระมัง?”
“มู่เฉินซี เจ้าอย่าได้ใจไปหน่อยเลย!”
“โจมตีพร้อมกัน! ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเพียงคนเดียว จะทำให้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าอย่างพวกเราจัดการไม่ได้เชียวหรือ?”
ค่ายกลได้พังทลายลง และในตอนที่พวกเขากำลังจะโจมตีกลับไม่เห็นแม้แต่เงาร่างของอีกฝ่ายแล้ว
ในตอนที่พวกเขากำลังยากที่จะเชื่อ “ความเร็วของนางก็เปลี่ยนเป็นเร็วมากขึ้นแล้ว!”
“ตายซะเถอะ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
“พลังวายุดาราพินาศ!”
โรงเตี๊ยมทั้งหลังได้กลายเป็นซากปรักหักพังที่พังทลายลงไปกองอยู่บนพื้น และท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามู่เฉินซีได้หายไปอยู่ที่ใดแล้ว?
ความสามารถในการซ่อนกลิ่นอายนั้นยังรวดเร็วมาก และความสามารถของพวกเขาก็ห่างชั้นกับมู่เฉียนซีมากมายนัก
พรวด พรวด พรวด!
พวกเขาแต่ละคนกระอักเลือดออกมาเนื่องจาก พร้อมทั้งมีอาการบาดเจ็บสาหัส และได้พากันล้มลง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เรียนอะไรไม่เรียน ดันไปเรียนวิธีการลอบโจมตีผู้อื่นยามราตรีอย่างไรดีมาเสียได้ แต่ในเวลายามค่ำคืนเช่นนี้ ข้าก็สามารถซ่อนเร้นได้ดียิ่งกว่า ตอนนี้ไม่ได้เป็นพวกเจ้าที่มาฆ่าข้าอีกแล้ว แต่เป็นข้าที่กำลังเล่นสนุกกับพวกเจ้าต่างหาก!”
พวกเขารู้สึกหดหู่ใจอย่างที่สุด เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งมากกว่ามู่เฉินซี แต่ทว่านางกลับอาศัยความรวดเร็วของตนเองมาลอบโจมตีพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ท่านผู้อาวุโส ช่วยพวกข้าด้วย!”
“ท่านผู้อาวุโส…”
มู่เฉียนซีมอบแรงกดดันให้พวกเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งอันที่จริงพวกเขาก็รับมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้นจึงได้เริ่มมองไปทางผู้อาวุโสของตนเองเพื่อขอควาช่วยเหลือ
แต่ทว่า…
ดูเหมือนว่าจะไม่มีเหล่าผู้อาวุโสคนไหนเข้ามา ไม่มีทาง!
จากนั้นความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา ในเวลานี้เหล่าผู้อาวุโสของสำนักหลินเยว่ต่างพากันเหม่อลอย ผ้าแพรต่วนสีแดงกวาดผ่านไปบนใบหน้าของพวกเขา เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นยังพอดูได้บ้าง! แต่ก็แก่มากเกินไปอยู่ดี เจ้าว่าข้าจะส่งไปพวกเจ้าไปขายที่ไหนถึงจะได้ราคาดี ๆ ล่ะ!”