ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1857 ไม่ใช่มนุษย์
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีหญิงงามคนใดได้เข้ามา
ทั้งอาหารและสุราของจุ้ยเมิ่งชวนล้ำเลิศเป็นที่หนึ่งไม่แพ้ผู้ใด เหยียนเคยกำชับไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นอาหารที่ยกเข้ามาจึงล้วนรสเลิศและสวยงามประณีตทั้งสิ้น
อีกไม่นานการแสดงอันสุดแสนจะเร่าร้อนของจุ้ยเมิ่งชวนก็จะเริ่มขึ้นแล้ว
ร่างสีแดงก็ได้ล่องลอยออกไป บ่าวรับใช้หญิงของจุ้ยเมิ่งชวนก็เริ่มกระซิบกระซาบขึ้นในทันที “วันนี้ท่านเหยียน ดูแปลกไปนะ!”
“ใช่แล้ว! ท่านเหยียนให้ข้าประทินโฉมให้งามที่สุด อีกทั้งยังสวมเสื้อผ้าที่งามที่สุดอีกด้วย นางไม่เห็นจะเคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย?”
“ท่านเหยียนมีผู้ใดในใจหรือเปล่า”
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง…” เสียงกระดิ่งเสียงใสทำให้พวกนางหยุดวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในทันที ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็ล้วนถูกร่างสีแดงเพลิงดึงดูดไว้จนไม่อาจละสายตาได้
ครั้นเสียงดนตรีบรรเลงขึ้น ม่านระย้าสีแดงก็ร่อนลงมาจากกลางเวหา ดวงตาของหญิงงามล่อลวงหยอกเย้าวิญญาณผู้คน
เรือนร่างเรียวระหงโยกย้ายไปตามจังหวะดนตรี เป็นการร่ายระบำที่งามล่มบ้านล่มเมืองเสียจริง
สายตาของทุก ๆ คนจับจ้องไปยังเรือนร่างนั้นอย่างไม่ลดละ ราวกับว่าพวกเขาถูกล่อลวงวิญญาณไปแล้วก็มิปาน
การแสดงผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา การร่ายระบำของหญิงงามจบลงเสียแล้ว เดิมทีการร่ายระบำก็ดำเนินไปค่อนข้างนานทีเดียว ทว่ากลับทำให้ทุก ๆ คนรู้สึกต้องการรับชมต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“แปะ แปะ แปะ!” มู่เฉียนซีที่อยู่บนชั้นสองก็ปรบมือให้กับการแสดงของนาง นางปีศาจเหยียนผู้นี้มีความสามารถในการดึงดูดใจผู้คนได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ
หลังจากนั้นคนอื่น ๆ ที่ดึงสติขึ้นได้แล้ว ก็ปรบมือให้เหยียนด้วยความชื่นชมเช่นกัน
เหยียนทอดมองไปยังมู่เฉียนซีที่อยู่ในห้องส่วนตัว ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่งดงามที่สุดขึ้น รอยยิ้มนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นรู้สึกราวกับว่าตนได้ดื่มน้ำจัณฑ์จากสวรรค์ก็มิปาน วิญญาณของพวกเขามัวเมาและ เสพสุขเป็นอย่างยิ่ง
ช่างเป็นเสน่ห์ตามธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ในขณะนั้นเองฉู่หลีก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ศิษย์น้อง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่มนุษย์!”
“นางเป็นเผ่าปีศาจ!” นิรันดร์ชิงกล่าวตอบ
“ไม่เพียงแต่จะเป็นปีศาจเท่านั้น เกรงว่านางจะเป็นนางปีศาจจิ้งจอกตัวจริงเสียงจริงอีกด้วย!” นิรันดร์กล่าวด้วยท่าทางทอดถอนใจ
มู่เฉียนซีตกตะลึงไปเล็กน้อย นางเอ่ยถาม “นิรันดร์ ศิษย์พี่ นี่พวกท่านแน่ใจหรือ? ก่อนหน้านี้พวกท่านไม่เห็นพบอะไรเลยไม่ใช่หรือ?”
นิรันดร์กล่าว “ก่อนหน้านี้ ถึงแม้นางปีศาจตัวนั้นจะมีวิชามหาเสน่ห์ชั้นยอด แต่ก็ไม่เคยมีกลิ่นอายของเผ่าปีศาจออกมาแม้แต่นิดเดียว เห็นทีตอนนั้นคงมีคนตั้งใจช่วยนางปกปิด แต่วันนี้ราวกับว่านางนั้นเป็นนกยูงรำแพนหางที่กำลังมองหาคู่ครอง ด้วยเสน่ห์ที่เป็นความสามารถเดิมของเผ่าปีศาจ และแน่นอนว่าพวกเราก็ต้องสัมผัสได้อยู่แล้ว”
“แล้วคนอื่น ๆ จะสัมผัสได้หรือเปล่า?” มู่เฉียนซีเอ่ยถาม
“เจ้าคิดว่าท่านนิรันดร์อย่างข้าคือผู้ใด? ข้าสามารถค้นพบในสิ่งที่ผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นได้ เจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวนี้เก็บซ่อนความลับได้แนบเนียนมาก” นิรันดร์กล่าวตอบ
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูแว่วดังขึ้น
“ซีซี ข้ามาแล้ว!”
“ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้ามาเลยสิ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้าหรอกหรือ?” สุ้มเสียงที่คุ้นเคยทำให้มู่เฉียนซีทราบได้ในทันทีว่าจูเชว่มาแล้ว
เมื่อประตูถูกผลักออก บุรุษสวมชุดคลุมยาวสีแดงเพลิงผู้หนึ่งก็ได้เดินเข้ามา
ดวงตาทั้งสามคู่ได้จับจ้องไปยังบุรุษผู้นั้นเป็นตาเดียว จูเชว่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ซีซี เจ้ามองข้าเช่นนี้เป็นเพราะเจ้าคิดถึงข้าใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “เปล่า เพียงแต่เจ้าในตอนนี้ทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้าเหมือนกับการแสดงของเหยียนก่อนหน้านี้ก็เท่านั้น พวกเจ้าคงไม่ได้เป็นญาติกันหรอกกระมัง?”
นี่เป็นสัญชาตญาณ ร่างสีขาวได้วาบเข้าไปอย่างรวดเร็ว “จริง ๆ แล้วหากอยากรู้มันก็ง่ายมาก ก็แค่กระชากหน้ากากของเจ้านี่ออกมาก็เท่านั้น”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการลอบโจมตีของนิรันดร์ จูเชว่ก็รีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายอันรุนแรงกลุ่มหนึ่งในความมืด ก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ
มู่เฉียนซีกล่าว “นิรันดร์ จูเชว่ไม่อยากถอดหน้ากาก เจ้าก็อย่าได้บังคับเขาเลย”
“เด็กน้อยว่าอย่างไรข้าก็ว่าอย่างนั้น!” นิรันดร์หยุดการกระทำลงในทันที
จูเชว่นั่งลงแล้วเอ่ยถาม “ซีซี เจ้าได้ดูการแสดงของเหยียนแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง เหยียนงามมากเลยใช่หรือไม่?”
จูเชว่ทอดมองไปยังมู่เชียนซีด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ในขณะนั้นเองร่างขาวนวลก็ได้วาบเข้ามา พร้อมกับกล่าวว่า “ข้ามาแล้ว!”
เมื่อมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว จูเชว่ก็ได้โบกมือเล็กน้อยและประตูก็ถูกปิดลง
บริเวณโดยรอบถูกลูกน้องของจูเชว่คุ้มกันไว้เป็นอย่างดี ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ได้
มู่เฉียนซีกล่าว “จูเชว่ เรื่องส่วนตัวของเจ้าข้าขอไม่ยุ่ง เรามาคุยประเด็นหลักกันเถอะ! ข่าวคราวที่เจ้านำมารายงานข้า ทำให้ข้าไม่พอใจมาก เจ้าคิดแล้วหรือยังว่าจะรับมือกับข้าอย่างไร?”
จูเชว่ยิ้มแหย ๆ แล้วกล่าว “คิดเรียบร้อยแล้ว ข้าอุ่นเตียงให้ซีซีเป็นอย่างไร?”
มู่เฉียนซีเหวี่ยงหมัดไปที่ปากของเขาอย่างไม่ลังเล จูเชว่จึงรีบหลบไปยังข้างกายโม่ซวนอย่างรวดเร็วแล้วกล่าว “ซีซี ข้าพยายามที่สุดแล้ว ข้าได้ส่งคนของข้าไปสืบข่าวในทุก ๆ ที่ ถึงแม้จะมีเบาะแสเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าก็ไม่ปล่อยผ่าน”
“เจ้าทำตามที่รับปากข้าไว้ไม่ได้ ดังนั้นเจ้าจะต้องทำเรื่องอื่นเป็นการชดเชยแทน!”
“ไม่มีปัญหา ตราบใดที่ข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าต้องร่วมมือกับโม่ซวนทำให้หอหมอปีศาจขยับขยายในดินแดนทางทิศใต้ สำหรับเจ้าแล้วมันคงไม่ยากไปหรอกกระมัง!”
“เหตุใดต้องเป็นหอหมอปีศาจด้วย พวกเราผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันแล้วนะ เจ้าชักจะเข้าข้างไป๋เจ๋อมากเกินไปแล้ว ข้ารูปงามกว่าไป๋เจ๋อเป็นไหน ๆ ข้า…”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คำถามนั้นง่ายมาก ๆ ก็เพราะว่าข้าเป็นหมอปีศาจอย่างไรล่ะ!”
นางกล่าวต่อว่า “อืม! เจ้าเคยว่าร้ายข้ามาไม่น้อย ข้ายังจำได้ดีเชียว!”
จูเชว่รู้สึกราวกับว่าถูกสายฟ้าฟาดในยามเที่ยงวันก็มิปาน เขาดึงโม่ซ่วนไว้แล้วกล่าว “ข้าต้องหูฝาดไปแน่ ๆ ข้าต้อง…”
โม่ซวนกล่าว “นางคือหมอปีศาจจริง ๆ!”
ครั้นหวนนึกถึงยามที่ตนเองว่าร้ายหมอปีศาจไปนักต่อนัก จูเชว่ก็รู้ได้ในทันทีว่าตนเองได้เดินมาถึงจุดจบแล้ว
“ซีซีจะเป็นหมอปีศาจไปได้อย่างไร ข้าคิดว่าหมอปีศาจจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตมานานกี่ปีแล้วเสียอีก…”
มู่ฉียนซีกล่าว “ข้ารู้จักกับโม่ซวนมานานแล้ว ข้าและเขามีความสัมพันธ์ในแบบผู้ร่วมลงทุน และพวกเราได้ร่วมลงทุนทำหอหมอปีศาจด้วยกัน ข้าคิดว่าเจ้าก็คงจะรู้ในฝีมือการปรุงยาของข้าเป็นอย่างดี”
“ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน หอหมอปีศาจก็สามารถทำประโยชน์ให้เจ้าได้ไม่น้อย อย่างไรเสียยาลูกกลอนก็มีความสำคัญเป็นพิเศษ ไหนจะ…”
ขณะที่มู่เฉียนซีกำลังวิเคราะห์ผลประโยชน์อยู่นั้น จูเชว่ก็ได้ตกตะลึงไปเป็นที่เรียบร้อย
“ฮือ ฮือ ฮือ! ซีซี เจ้าทิ้งซวนแล้วมาร่วมมือกับข้าดีกว่า! ไม่ว่าอะไรข้าก็จะทำตามเจ้า ข้ารับรองว่าข้ามีความสามารถและเชื่อฟังเจ้ามากกว่าซวนอีก…”
จูเชว่ทราบเป็นอย่างดีว่าโม่ซวนมีส่วนช่วยในหอหมอปีศาจ เมื่อมีความช่วยเหลือจากซีซีแล้ว ก็เปรียบดั่งมีเทพเซียนคอยช่วยเหลืออยู่ด้วย เช่นนั้นแล้วเขาก็จะสามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายอยู่เหนือกว่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนพวกเขาก็ต้องตกเป็นฝ่ายที่น่าอนาถแทน
“หากกล่าวเรื่องผู้ใดมาก่อนหลัง ข้าก็รู้สึกพึงพอใจในโม่ซวนมากกว่า ในตอนนี้ข้ายังไม่คิดเปลี่ยนคนกลางคัน”
คำตอบของมู่เฉียนซีทำให้ดวงใจของจูเชว่แห้งเหี่ยวฉับเฉาดั่งกองขี้เถ้า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับโม่ซวนแล้ว จูชว่ก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ทว่าเมื่อมีมู่เฉียนซีอยู่ด้วยแล้ว จูเชว่ก็รู้สึกว่าภาพในกาลข้างหน้าของเขามันช่างริบหรี่เหลือเกิน เขาทราบเป็นอย่างดีว่าสตรีที่อยู่เบื้องหน้านั้นวิปริตมากเพียงใด
โม่ซวนกล่าว “จูเชว่ข้าขอปรึกษากับเจ้าสักหน่อย! จากความสามารถของเจ้าแล้ว หากต้องการเอาชนะมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น การที่เจ้าร่วมมือกับซีเอ๋อร์ทำให้เจ้าเป็นฝ่ายเหนือกว่า อีกอย่าง…”
แน่นอนว่าจูเชว่ย่อมทราบว่าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นมีไม่น้อย ทว่า…
“จ้ามันจอมเอาเปรียบ ข้าล่ะอิจฉา อิจฉา…อิจฉาเจ้าที่สุด เหตุใดคนที่ได้พบเจอซีซีก่อนถึงไม่ใช่ข้านะ” จูเชว่กล่าวด้วยท่าทางหงุดหงิดเต็มประดา
“ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนที่พบเจอข้าก่อน แต่ข้าก็คงจะไม่ยอมเสี่ยงร่วมมือกับเจ้าหรอก!” มู่เฉียนซีกล่าว
จูเชว่รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับก็ไม่น้อย อีกอย่างซีซีก็เป็นเจ้าของหอหมอปีศาจ มันไม่มีเหตุผลใดเลยที่เขาจะไม่ร่วมมือด้วย
เมื่อทั้งสองฝ่ายปรึกษาเรื่องเงื่อนไขกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว โม่ซวนก็ได้ทำการลงนามทำสัญญาภายใต้ดวงตาที่แดงก่ำด้วยความอิจฉาของจูเชว่ ซึ่งกำลังจับจ้องมาอย่างไม่ลดละเป็นที่เรียบร้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ในที่สุดก็เรียบร้อยสักที ต่อจากนี้เรื่องของหอหมอปีศาจก็ขอให้คุณชายจูเชว่ช่วยดูแลด้วย”
จูเชว่กล่าวตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ซีซีวางใจเถอะ! ซีซีนี่สุดยอดไปเลย ที่แท้ซีซีก็เป็นหมอปีศาจที่ผู้คนพากันร่ำลือนี่เอง ข้าตกใจมากจริง ๆ…”