ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1867 น้อยอกน้อยใจ
“ตอนที่อยู่ในเมืองโบราณซางหลันพวกเจ้าได้รับอะไรมาบ้าง?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“นอกจากสมุนไพรวิญญาณและอาวุธวิญญาณเหล่านี้แล้วก็ไม่มีของอะไรที่พิเศษเลยขอรับ” เขากล่าวตอบ
เหยียนคลี่ยิ้ม “เช่นนั้นที่พวกเขาแสร้งทำเป็นภาคภูมิใจเสียเต็มประดานั่น ที่แท้ก็ทำเป็นหน้าใหญ่ใจโตกันเท่านั้นสินะ ที่พวกเจ้าเข้าไปยังเมืองโบราณซางหลันก็ต้องมีเป้าหมายอยู่แล้ว! ที่จริงแล้วเข้าไปเพื่ออะไรกันแน่?”
“เป้าหมายของพวกเขาก็คือผลอายุวัฒนะ เนื่องจากฝ่าบาทใกล้จะจัดงานอายุยืนแล้ว องค์หญิงของพวกเราในฐานะพระราชธิดาแน่นอนว่าจะต้องเตรียมของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปถวายอยู่แล้ว และผลอายุวัฒนะก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ทว่าที่เมืองโบราณซางหลันแห่งนี้กลับไม่มีผลอายุวัฒนะ ฉะนั้นข้อมูลของพวกเราน่าจะผิดพลาด”
เหยียนยิ้มเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่างานอายุยืนจะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วสินะ! มู่หลินหลางถึงได้เตรียมการเร็วถึงเพียงนี้ ช่างเป็นลูกที่กตัญญูเสียจริง ๆ เลย”
“บังอาจนัก! ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าไม่เคารพฝ่าบาทหลินหลางถึงเพียงนี้!”
ปึก!
เหยียนตรงเข้าไปเหยียบบนหน้าอกของเขา “ก็ข้าไม่เคารพ แล้วเจ้าคิดว่าตอนนี้เจ้ามีความสามารถพอจะจัดการข้าได้เช่นนั้นหรือ?”
เหยียนค่อนข้างที่จะเก่งในเรื่องการรีดเค้นเอาข้อมูลออกมา และยังสามารถขุดเอาทุกอย่างที่เจ้าหมอนี่รู้ออกมาได้จนหมดสิ้นอีกด้วย ท้ายที่สุดแล้วเหยียนก็เตรียมที่จะมอบช่วงเวลาที่แสนประทับใจให้แก่เขา
“อ๊ากก!” ใบมีดวายุตัดผ่านต้นคอของเขา และเหลือไว้เพียงคราบเลือดเท่านั้น
“นางปีศาจจิ้งจอกนี่ทำอะไรเชื่องช้าเกินไปแล้ว” นิรันดร์กล่าวอย่างเกียจคร้าน
เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คนที่มีบทบาทเล็กน้อยแค่นี้ ความจริงแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องรบกวนท่านนิรันดร์ให้ลงมือเลย จะไหว้วานให้ข้าน้อยทำให้ก็ย่อมได้”
“เจ้าถือว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน ถึงได้คิดจะยื่นมือเข้ามาสอดในเรื่องที่ข้ากำลังจะทำ”
“น้องซีเอ๋อร์ ท่านนิรันดร์ช่างดุร้ายเหลือเกิน!” เหยียนหลบไปอยู่ข้างหลังมู่เฉียนซีด้วยท่าทางเศร้าหมอง
มู่เฉียนซีผลักนางออกพลางกล่าวว่า”ถึงจะเป็นเนื้อจากขายุงก็ยังเป็นเนื้อ เก็บกวาดสิ่งของของพวกเขามาให้หมด ส่วนเมืองโบราณซางหลัน…”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่เมืองโบราณที่อยู่ข้างหน้า แล้วกล่าวว่า “ทั้งพวกเราและคนของสำนักหลางซิงต่างก็ได้รับข้อมูลของผลอายุวัฒนะเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นข้อมูลนี้น่าจะไม่ได้ผิดเสียทีเดียว แม้พวกเขาจะหาไม่เจอแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเสียหน่อย พวกเราเข้าไปหาอีกรอบเถอะ”
เหยียนกล่าวว่า “ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน”
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ!”
กลุ่มของสำนักหลางซิงถูกทำลายไปแล้ว ส่วนคนอื่นที่บาดเจ็บสาหัสยังไม่ออกไปไหน
ทว่าเมื่อตอนที่พวกเขาเห็นมู่เฉียนซีกลับเข้าไปในเมืองโบราณซางหลันอีกครั้ง พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปอีก
ทั้งสี่คนนี้แข็งแกร่งเกินไป โดยเฉพาะชายที่สวมชุดสีขาวผู้นั้น เนื่องจากเขาสามารถสังหารผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดได้เพียงพริบตา อีกทั้งพวกเขาจะเอาความสามารถที่ไหนไปแย่งชิงสิ่งของกับพวกเขากันล่ะ?
พวกเขาควรรีบออกไปจากสถานที่ที่อันตรายนี้โดยเร็วจะดีกว่า!
เมืองโบราณซางหลันนั้นไม่ได้ต่างไปจากเมืองโบราณแห่งอื่นมากเท่าใดนัก ทว่าบริเวณโดยรอบนี้กลับมีค่ายกลและพื้นที่ต้องห้ามอยู่มากมายเลยทีเดียว
“ระวังหน่อย!”
หลังจากที่เข้ามาแล้วมู่เฉียนซีก็ได้ค้นพบว่า ไม่ว่าพลังจิตวิญญาณจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจที่จะตรวจสอบสถานการณ์จากบริเวณโดยรอบได้เลย
เหยียนกล่าวว่า “ที่นี่มีร่องรอยของคนที่ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ตรงนี้ก็มี…”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหาเกือบทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่ก็ไม่เจออะไรเลย หรือว่าที่นี่จะไม่มีผลอายุวัฒนะจริง ๆ?” และในตอนนี้เหยียนเริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย
นิรันดร์พุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ แต่เขาก็ไม่พบเบาะแสเลยเช่นกัน
นิรันดร์กล่าวว่า “ทั้งเรื่องการหาสมุนไพรวิญญาณและเก็บรวบรวมสมุนไพรวิญญาณ หากมีเสี่ยวอู่อยู่ด้วยแล้วละก็ คงจะทำได้ดีกว่านี้เป็นแน่”
“ฮืออออ! ในที่สุดนายท่านก็จำเสี่ยวอู่ได้แล้ว” หม้อหลุนหุยตื่นเต้นจนอยากที่จะร้องไห้ออกมา
ต้องรู้ด้วยว่าตอนที่นายท่านช่วยเจ้านายเก็บเกี่ยวสมุนไพรอย่างไร้เกียรตินั้น เขาไม่เคยนึกถึงเสี่ยวอู่มาก่อนเลย ถึงอย่างไรตอนนี้เรื่องของเจ้านายสำหรับนายท่านแล้วก็สำคัญมากที่สุด ส่วนเรื่องอื่นต่างก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ชิงมู่กล่าว “นายท่านกล่าวได้ถูกต้อง”
“……”
ต้องบอกเลยว่า แท้จริงแล้วนิรันดร์ได้ลืมเจ้าพวกนี้ไปจนหมดแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อรู้สึกว่าเริ่มมีประโยชน์จึงได้นึกขึ้นมาได้เท่านั้นเอง
มู่เฉียนซีรู้ว่าคนที่นิรันดร์กล่าวถึงนั้นคือผู้ใด ซึ่งมันคือหม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุนั่นเอง
นิรันดร์มาหยุดอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “รอให้ออกไปจากที่นี่ ข้าจะให้พวกที่เหลือออกมา แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์อะไร แต่บางทีก็อาจสามารถช่วยเรื่องเล็กน้อยได้บ้าง”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ได้สิ! ถึงอย่างไรมันก็เป็นของของเจ้า”
ถึงเหยียนจะตั้งใจฟังอีกสักกี่ครั้ง แต่ก็ยังคงได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันไม่ชัดเจนอยู่ดี
ยิ่งตรงลึกเข้าไปในเมืองโบราณแห่งนี้ ก็ยิ่งค้นพบว่ามีสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณโผล่ออกมามากมาย
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“ฆ่ามัน!”
ตูมมม โครมมม!
หลังจากที่พวกเขากวาดล้างสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณซ้ำแล้วซ้ำเล่า มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “พวกเจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่าเจ้าพวกนี้ออกมาจากทิศทางเดียวกัน?”
เหยียนพยักหน้าพลางกล่าว “ข้าเห็นแล้ว หรือว่ารังของพวกมันจะอยู่ด้วยกัน?”
“ลองไปดูเถอะ!”
การที่จะไปยังรังของสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งเกินไปแล้วจริง ๆ แต่ฉู่หลีและเหยียนต่างก็ตามมาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
เป็นไปตามที่คาดไว้ พวกมันล้วนออกมาจากที่เดียวกันจริง ๆ
เหยียนกล่าวว่า “นะ…นั่นคือบ่อน้ำโบราณ!”
“สัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณที่พึ่งพุ่งออกมาไม่ได้ดูดซับพลังวิญญาณของเมืองโบราณซางหลัน ทำให้ความสามารถของพวกมันยังไม่แข็งแกร่งเท่าไรนัก จัดการทำลายพวกมันซะตั้งแต่ที่นี่ รอให้มันไม่โผล่ออกมาแล้วค่อยเข้าไปดูในบ่อนั้น”
“ได้สิ! คอยดูข้านะ! ข้าจะไปจัดการพวกมันเดี๋ยวนี้” เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
และฉู่หลีก็ลงมืออย่างรวดเร็วเฉียบขาดเช่นกัน
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“……”
โครมมม!
เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณโผล่ออกมาจากภายในเป็นระยะ แต่พวกมันไม่ได้จะพุ่งออกไปภายนอกตลอด มิเช่นนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่าคนของสำนักหลางซิงเหล่านั้นจะไม่เจอสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณที่อยู่ข้างในนี้
เหยียนและคนอื่นขยับเข้าไปใกล้ นางกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “ร้อนมาก! ข้างล่างบ่อนี่ไม่ใช่น้ำ คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นไฟ! สัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณเหล่านี้เกิดออกมาจากไฟอย่างนั้นหรือ”
นิรันดร์ชำเลืองมองแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องของไฟนี้เท่าไรนัก ให้เจ้าหนูน้อยนั่นออกมาดูเถอะ!”
แน่นอนว่ามังกรเพลิงมีความเข้าใจต่อไฟมากกว่า เช่นนั้นมู่เฉียนซีจึงได้นำเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา
หลังจากที่มังกรเพลิงออกมาแล้ว มันก็รู้สึกน้อยอกน้อยใจเป็นอย่างมาก ช่วงนี้นายท่านชอบใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์กึ่งเทพที่อ่อนแอนั่นมากกว่าที่จะใช้มัน ซึ่งนั่นก็ทำให้มันรู้สึกน้อยอกน้อยใจมากจริง ๆ…
“ฮืออออ!”
“ไอ้ท่านพี่นิรันดร์คนเลว ไม่คิดเลยว่าจะได้รับความโปรดปราณจากนายท่านไปเพียงผู้เดียว”
เมื่อได้ยินมังกรเพลิงสะอื้นไห้ มู่เฉียนซีก็ทำตัวไม่ถูก “ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้าให้เจ้าออกมาช่วยแล้วอย่างนั้นหรือ? ไฟที่อยู่ด้านล่างนั้นมันคือไฟอะไรอย่างนั้นหรือ?”
กระบี่สีแดงเพลิงเล่มหนึ่งบินลงไปในบ่อนั้น หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “นายท่าน นี่คืออัคคีมรณะ! มันใช้ประโยชน์จากกลิ่นอายมรณะอย่างเชี่ยวชาญในการสร้างสัตว์ประหลาดต่าง ๆ แถมยังไม่เก่งกาจเลยสักนิดเดียว และเมื่อเทียบกับมังกรเพลิงแล้วยังห่างชั้นอีกไกลนัก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นี่คืออัคคีมรณะรึ!”
นิรันดร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นอัคคีมรณะ ผลอายุวัฒนะเป็นผลไม้วิญญาณที่มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ฉะนั้นการที่โดยรอบของมันจะมีสถานะที่ต้านทานอัคคีมรณะได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดเลย”
“ข้าเดาว่า! ผลอายุวัฒนะจะต้องอยู่ใต้อัคคีมรณะนี้เป็นแน่ มิน่าล่ะเจ้าพวกไร้ประโยชน์เหล่านั้นถึงได้หาผลอายุวัฒนะนั้นไม่เจอเสียที”
เหยียนกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “อัคคีมรณะ เป็นอัคคีมรณะในตำนานหรือ! หากสัมผัสเจ้าสิ่งนั้นอาจจะตายก็ได้ แม้ว่าผลอายุวัฒนะจะอยู่ด้านล่างนั่นก็เกรงว่า…”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหยียน เจ้าและศิษย์พี่รออยู่ที่ข้างนอกก่อน ข้าจะไปค้นหาผลอายุวัฒนะ”
เมื่อพูดจบ เปลวเพลิงสีแดงก่ำได้ห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้
เหยียนกล่าวว่าไม่กลัวอัคคีมรณะ ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือของเหยียน ทำให้อัคคีมรณะนั้นจึงไม่สามารถที่จะทำอันตรายนางได้
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่เหยียนพลางกล่าวว่า “ข้าไม่ได้บอกเจ้า ว่าข้าก็เป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีคนหนึ่งเช่นกัน! แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่แปลกใจเลยนะ?”