ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1880 ฮองเฮา
“อั้ก อั้ก อั้ก!” เห็นได้ชัดว่าหากนิรันดร์จะคร่าชีวิตพวกเขา พวกเขาเหล่านั้นก็คงไม่อาจหนีรอดไปได้
แต่ละคนถูกธาตุวายุจัดการจนย่ำเข้าประตูผีไป แล้วล้มลงบนกองเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น
เป่ยกงจั๋วที่นำกองทัพที่แข็งแกร่งและน่าเกรงขามมาด้วยจำนวนหนึ่ง บัดนี้ได้ล้มตายกันไปหมดแล้ว
คนอื่น ๆ เองก็รู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
นิรันดร์ค่อย ๆ เหาะลงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเป่ยกงจั๋ว แล้วกล่าว “ฆ่าเจ้าทิ้งเสียตอนนี้จะดีที่สุด!”
“ข้าเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน!” สุ้มเสียงเย็นชาสุ้มเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้น กระบี่เล่มหนึ่งได้จ่อมาที่ลำคอของเป่ยกงจั๋ว
ทว่าปลายกระบี่อันแหลมคมนั้นก็ไม่ได้ยื่นแทงไปเบื้องหน้าต่อแต่อย่างใด
นิรันดร์กล่าวกับฉู่หลี “ในที่สุดหางจิ้งจอกก็โผล่ออกมาสักที พลังปีศาจอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปแล้วกล่าว “ศัตรูก็จัดการไปหมดแล้ว เสี่ยวไป๋เจ้ายังไม่เลือกที่จะไปกับข้าอีกหรือ?”
กู้ไป๋อีส่ายหน้าปฏิเสธแล้วกล่าว “อืม! ข้ามีทางไปของข้า”
“ข้าคงต้องบังคับช่วยเหลือเจ้าเสียแล้ว” นางตระเตรียมเชือกและเข็มฉีดยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จูเชว่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ซีซี นี่เจ้าจะจับตัวองค์รัชทายาทเป่ยกงไปเป็นภรรยาของหัวหน้าโจรป่าหรืออย่างไร? เขาไม่เหมาะสมเลยสักนิด หรือไม่เปลี่ยนมาเป็นข้าเป็นอย่างไร?”
กู้ไป๋อีกล่าว “ซีเอ๋อร์ มันไม่ได้ผลหรอก ข้าไม่กล้าอยู่ใกล้เจ้าเกินไป และไม่มีทางอยู่ใกล้เจ้ามากเกินไปด้วย”
ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เผ่าปีศาจน่ารังเกียจจะตายไป หากเจ้าคิดจะอยู่ข้างกายศิษย์น้องของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน ถึงแม้ข้าจะถูกศิษย์น้องฆ่าทิ้งก็ไม่เป็นไร”
ความรู้สึกของฉู่หลีแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้อยู่ไปก็มีแต่จะเป็นภัยร้าย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีวันปล่อยให้คนผู้นี้อยู่ข้างกายศิษย์น้องอย่างแน่นอน
ถึงแม้สำหรับศิษย์น้องแล้วคนผู้นี้จะสำคัญมากก็ตาม
นิรันดร์เผยรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุด ทว่าก็แฝงไปด้วยความอันตรายอย่างยิ่งยวด
“ศิษย์ที่รัก เจ้าจะทำแบบนั้นกับเขาก็ได้ และข้าก็จะทำแบบนั้นกับเจ้าเหมือนกัน! ข้าจะทำให้เจ้าสลบแล้วพาตัวเจ้าไป เจ้าคิดว่าครานี้สุ่ยจิงอิ๋งจะช่วยเจ้าหรือข้ากันแน่?”
แววตาของมู่เฉียนซีลึกล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกนึกคิดของนางบอกนางว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่… นางเป็นกังวลมากจริง ๆ
กู้ไป๋อีกล่าว “ซีเอ๋อร์ต้องเชื่อใจข้า ตราบใดที่เป่ยกงจั๋วยังข่มขู่เจ้าอยู่ ข้าก็จะไม่มีวันยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน ข้าอยากปกป้องเจ้า ถึงแม้จะต้องตายข้าก็ไม่อยากทำร้ายเจ้า”
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังพวกเขาด้วยสีหน้าท่าทางตกตะลึง ราวกับว่านางสามาถตัดสินใจอะไรได้แล้ว
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ได้! ข้า…ข้าจะไม่ดื้อรั้นอีกแล้ว ข้าจะไม่ดื้อรั้นอีกแล้วจริง ๆ”
“เจ้าไปเสียเถอะ! เจ้าไปก่อน!” มู่เฉียนซีเบี่ยงหน้ากลับไป
กู้ไป๋อีมองดูมู่เฉียนซีที่กำลังเหม่อลอย เขาก็อยากให้มู่เฉียนซีทำทุกสิ่งทุกอย่างตามใจปรารถนา แต่ทว่าตอนนี้ทำไม่ได้เป็นอันขาด…
เป่ยกงจั๋ว ดูเหมือนชะตาจะลิขิตให้ข้าและเจ้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
เมื่อจ้องมองนางเป็นเวลานาน เขาก็รู้สึกว่าตนเองก้าวขาไม่ออก
คนที่บอกว่าไม่อาจอยู่ข้างกายนางได้ก็เป็นตัวเขาเอง และในตอนนี้คนที่อาลัยอาวรณ์จนไม่อาจก้าวเดินออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียวก็คือตัวเขาเอง
นิรันดร์รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง หากจะไปก็รีบไปเสียสิ มาทำหงึกหงักจะไปก็ไม่ไปอยู่ได้
แววตาของฉู่หลีเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าหากเขายังไม่ไป ฉู่หลีจะอดไม่ไหวแล้วเข้าไปจัดการเขาในทันที
ในที่สุดกู้ไป๋อีก็ได้จากไป ทันทีที่เขาเหาะเหินขึ้นสู่ท้องนภาก็มีคนสองคนปรากฎตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ตีกู้ไป๋อีจนสลบด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
“เกิดเรื่องกับองค์รัชทายาทขึ้นเล็กน้อย รีบพาเขากลับไปพบฮองเฮาเร็วเข้า ฮองเฮาน่าจะสามารถช่วยองค์รัชทายาทได้”
ความเร็วในการช่วยเหลือของพวกเขาเป็นไปด้วยความฉับไว เมื่อทำให้เขาสลบไปแล้วก็ใช้คัมภีร์มิติหายวับไปจากเบื้องหน้าพวกเขาในทันที
“เสี่ยวไป๋…” มู่เฉียนซีที่รีบพุ่งตัวออกไปก็ถูกนิรันดร์ฉุดรั้งไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ถูกฉู่หลีฉุดกระชากไว้เช่นกัน
นิรันดร์กล่าว “อย่างไรก็ไปอยู่ดี จะไปแบบขวางทางหรือตามทางมันก็ไม่ต่างกัน”
“ถึงแม้ศิษย์พี่จะไม่ชอบเขา แต่เขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง เขาไม่มีทางถูกฆ่าได้ง่าย ๆ หรอก”
ผู้แข็งแกร่งที่ฉู่หลีให้การยอมรับในตอนนี้ นอกจากมู่เฉียนซีแล้ว ก็คือกู้ไป๋อี
มู่เฉียนซีก้มใบหน้าลงเล็กน้อยแล้วกล่าว “ข้ารู้ ข้าเชื่อในตัวเสี่ยวไป๋ ข้าเชื่อในตัวเขา!”
ในที่สุดเส้นประสาทที่ตึงเขม็งก็ผ่อนคลายลงเสียที การที่ต่อสู้กับเป่ยกงจั๋วด้วยสติปัญญา ความกล้าและชีวิต ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด เมื่อกู้ไป๋อีได้หายตัวไปแล้ว ความอดทนที่มู่เฉียนซีมีมาตลอดก็พังทลายลงในทันที
นิรันดร์รีบเข้าไปพยุงตัวมู่เฉียนซีในทันที “อดทนมานานขนาดนี้ เจ้าคิดจะทำให้ข้าปวดใจตายไปเลยหรืออย่างไร?”
“จัดการอย่าให้เหลือร่องรอย แล้วกลับได้แล้ว!” นิรันดร์กล่าว
“ขอรับ!”
ถึงแม้มู่เฉียนซีจะบาดเจ็บสาหัสจนต้องเป็นลมสลบไป ทว่าเมื่อมีนิรันดร์อยู่ด้วยแล้วสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา ทว่านิรันดร์ก็ยังรู้สึกแย่เป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่มู่เฉียนซีเป็นลมสลบไป นิรันดร์ก็ได้สาดส่องสายตาไปยังทุก ๆ คนแล้วกล่าว “เรื่องในวันนี้ข้าไม่อยากให้แพร่งพรายออกไป หากผู้ใดกล้าแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว พวกเจ้าจะต้องตกอยู่ในสภาพน่าอนาถกว่าคนเหล่านี้อย่างแน่นอน”
วิธีของนิรันดร์เป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขามีชีวิตกันมานมนานแล้ว ทว่าก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอคนที่น่าเกรงขามมากถึงขนาดนี้
จูเชว่กระตุกยิ้มมุมปาก “นิรันดร์กล่าวได้ถูกต้อง พวกเจ้าจงจำไว้ให้ดี”
“ช่างเถอะ ลบความทรงจำของพวกเจ้าง่ายกว่า”
นิรันดร์นำยาลูกกลอนออกมาหนึ่งขวด “กินไปให้หมดทุกคน รวมไปถึงสองคนที่หลบอยู่ด้วย อย่าคิดว่ามีวิชาเร้นกายแล้วข้าจะไม่เห็นพวกเจ้านะ”
นิรันดร์ลบความทรงจำของพวกเขาตามอำเภอใจ ทว่าเขาก็ไม่แตะต้องฉู่หลีและจูเชว่หรือไป๋เจ๋อแต่อย่างใด อย่างไรเสียหากเขาลอบทำเรื่องแบบนี้กับสหายของศิษย์ที่รัก เมื่อศิษย์ที่รักฟื้นขึ้นมาแล้ว จะต้องฉีกร่างเขาเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน
นิรันดร์ทอดมองไปยังฉู่หลีแล้วกล่าว “ฮึ ฮึ ฮึ! เผ่าปีศาจอย่างนั้นหรือ! ผู้ใดเป็นคนมารายงานล่ะ?”
เมื่อลบความทรงจำของคนเผ่าปีศาจเหล่านั้น ก็ไม่มีผู้ใดเหมือนเลยสักคน
ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าก็ไม่รู้?”
“สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ไม่ดีเอามาก ๆ บอกข้ามาหากเป็นสหายของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
“ข้าไม่ต้องการ!”
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า” นิรันดร์โบกมือไปมา
…
ครั้นมู่เฉียนซีฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็ได้มาถึงหอหมอปีศาจที่เมืองหนานหวางแล้ว ส่วนคนเหล่านั้นก็ถูกลบความทรงจำในเขตสัตว์ร้ายไปจนหมดสิ้น
ครั้นลืมตาขึ้นนางก็พบว่ามีดวงตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยการกล่าวโทษจับจ้องมาที่นาง มู่เฉียนซีจึงเลือกที่จะแกล้งหลับต่อไป นางรู้สึกง่วงมากจริง ๆ
“ศิษย์ที่รัก ลุกขึ้นมากินยาได้แล้ว!”
นิรันดร์ป้อนยาลูกกลอนให้มู่เฉียนซีไปหนึ่งเม็ด ขมจะตายอยู่แล้ว…
ใบหน้าของมู่เฉียนซีบิดเบี้ยวขึ้นในทันที นางลืมตาขึ้นแล้วกล่าว “นิรันดร์ เจ้าจงใจแกล้งข้ารึ”
ความสามารถของนิรันดร์ หากไม่อยากปรุงยาที่มีรสขมก็สามารถทำได้ง่ายดายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก
ในขณะเดียวกันหากเขาจะปรุงยารสขมออกมาก็ง่ายดายไม่แพ้กัน!
นิรันดร์กล่าว “ไม่ได้เห็นเด็กน้อยที่หน้าตาสะสวยมาหลายวันแล้ว ข้าก็เลยหงุดหงิด ฝีมือของข้าคงจะลดลง ถึงแม้รสชาติที่ปรุงยาออกมาจะแย่ แต่ผลลัพธ์ของมันก็ยอดเยี่ยมเป็นที่หนึ่ง ศิษย์ที่รัก เจ้าอย่าได้รังเกียจยาเม็ดนี้เลย”
มู่เฉียนซีรู้ตัวเองเป็นอย่างดี ว่าการกระทำของนางในครั้งนี้ดื้อรั้นเอาแต่ใจเกินไป นางเสี่ยงอันตรายไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น ทำให้พวกเขาต้องเป็นห่วง การที่นิรันดร์จะโกรธก็ใช่ว่าไร้เหตุผล
“ข้าจะกิน ข้าเป็นถึงหมอปีศาจ มีหรือจะกลัวยารสขม? นิรันดร์ เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว” มู่เฉียนซีถอนหายใจแล้วกล่าว
ฉู่หลีเองก็ได้มาตรวจอาการศิษย์น้องของเขาเช่นกัน เขากล่าว “ศิษย์น้อง ข้าไม่ได้โกรธ ข้าเพียงแค่โกรธตัวเองเท่านั้น หากพลังของข้าแข็งแกร่งกว่านี้…”
“ศิษย์พี่ยังกล้าพูดอีกหรือ อยู่ ๆ พลังของท่านก็แข็งแกร่งขึ้น มันเกิดไรขึ้นกันแน่? มาให้ข้าดูสักหน่อย” มู่เฉียนซีหวนนึกถึงวันที่พลังของฉู่หลีจู่ ๆ ก็ระเบิดขึ้นมา การที่อยู่ ๆ พลังก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนั้นจะไปรับได้ได้อย่างไร
ครั้นมู่เฉียนซีกำลังจะลุกขึ้นนั่ง นางก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะหน้ามืดเล็กน้อย เนื่องจากสลบไปเป็นเวลานาน ทันใดนั้นก็มีสายลมมากดตัวให้นางเอนกายลง นิรันดร์ทอดมองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ศิษย์ที่รัก มีอาจารย์อยู่! เขามีปัญหาเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ อาจารย์จัดการได้ นี่เจ้าไม่เชื่อข้าเลยหรือ?”