ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1888 ทำสองสิ่งในเวลาเดียวกัน
คุณหนูใหญ่ตานตะโกนออกไปเสียงดังลั่น “ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย! นางจะฆ่าข้า ข้ายังไม่อยากตาย”
ท่านผู้นำตระกูลตานรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าเด็กนรก ยังไม่รีบปล่อยตัวลูกสาวของข้าอีก”
มู่เฉียนซีหนีบคุณหนูใหญ่ตานไว้พลางกล่าว “หอหมอปีศาจของข้าไม่เคยทำของปลอมออกมา มีคนบางคนคิดจะสาดน้ำเสียใส่หอหมอปีศาจของพวกข้า ทุกคนไม่ใช่คนโง่เขลา คงจะรู้ดีอยู่แก่ใจ”
“หากหอหมอปีศาจของข้าไม่มีสมุนไพรวิญญาณละก็ ข้าจะยังกล้ามายืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้อีกหรือ หอหมอปีศาจของข้าในดินแดนทางทิศใต้ในตอนนี้รุ่งโรจน์เหมือนแสงอาทิตย์ในยามเที่ยงวัน สมองของเจ้ากลวงเป็นรูโบ๋หรืออย่างไร จึงคิดทำเรื่องเสียชื่อเสียงแบบนี้?”
“หากทุกคนถูกหลอกลวง และตื่นรู้ได้ตั้งแต่ตอนนี้ หลังจากนี้ก็ยังสามารถไปมาที่หอหมอปีศาจได้! แต่ถ้าไม่ นั่นก็หมายความว่าคนผู้นั้นกลายเป็นศัตรูของหอหมอปีศาจ”
แววตาของมู่เฉียนซีมีประกายความเด็ดเดี่ยววาบผ่าน อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นคนของสำนักกองกำลังระดับสี่ มีศักดิ์สถานะ พวกเขาไม่มีทางโง่เขลาถึงขั้นนั้นอย่างแน่นอน
พวกเขาไม่อาจถูกตระกูลตานหลอกใช้แล้วกลายเป็นศัตรูกับหอหมอปีศาจได้ “ท่านผู้นำตระกูลตาน เรื่องนี้จำเป็นต้องสืบให้ชัดแจ้ง!”
“ใช่แล้ว! การใส่ร้ายผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเอาเสียเลย”
“……”
ท่านผู้นำตระกูลตานกล่าว “ข้าต้องตรวจสอบอยู่แล้ว นี่ก็ไม่ใช่ว่าข้ากำลังเชิญคุณชายโม่ซวนและแม่นางมู่มาปรึกษาด้วยกันอยู่หรอกหรือ?”
โม่ซวนกล่าวเยาะเย้ย “วิธีการเชิญของตระกูลตานช่างป่าเถื่อนขึ้นทุกครั้งจริง ๆ! ข้าเองก็นับว่าได้มีประสบการณ์ถูกเชิญแบบใหม่เช่นกัน”
“แม่นางมู่ไม่ยินยอมหรือ? ข้าว่าเจ้ากำลังโอ้อวดในสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่นะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอนว่าข้าต้องไม่ยินยอมอยู่แล้ว ข้าไม่มีเวลามากนักหรอก! เจ้ารู้หรือไม่ว่าในเวลาหนึ่งชั่วยามข้าสามารถกลั่นยาลูกกลอนออกมาได้มากเท่าไร ข้าสามารถทำรายได้เป็นผนึกซวนและนำไปซื้อสมุนไพรวิญญาณได้มากเท่าไร?”
“ข้าไม่มีเวลาจะมาตรวจสอบเรื่องนี้กับท่านหรอกนะ พวกท่านตระกูลตานคงต้องตรวจสอบเรื่องนี้เอง!”
ท่าทางและการกระทำของมู่เฉียนซีหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง ทว่าก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่าสิ่งที่นางกล่าวมานั้นเป็นความจริง!
ในครานั้นนางได้แข่งขันหลอมยากับคุณหนูใหญ่ตระกูลตาน ทว่านางก็สามารถหลอมยาลูกกลอนระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อย่างรวดเร็ว
“หากไม่มีพวกเจ้าอยู่ด้วย แล้วตระกูลตานของข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร?”
“นั่นมันก็เรื่องของพวกท่าน ตอนนี้ข้าต้องการสิ่งของที่ข้าประมูลมาได้ อย่างไรก็ขอให้ตระกูลตานนำออกมาให้ข้าด้วย! หากไม่อาจเอามาให้ข้าได้ เช่นนั้นลูกสาวสุดที่รักของท่านก็คงจะน่าเวทนาไม่น้อย” ทันใดนั้นดาบวายุก็ปรากฎขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นคมดาบวายุก็เฉือนผ่านด้านข้างลำคอของคุณหนูตานไปเล็กน้อย
“อา อา อา!” คุณหนูใหญ่ตานตกใจจนแข้งขาอ่อนยวบไปในทันที ร่างอันบอบบางของนางโอนเอนไปมา ไร้ซึ่งภาพลักษณ์อันสง่างามไปโดยสิ้นเชิง
ราวกับว่าดาบวายุจะสามารถเฉือนลำคอของนางและคร่าชีวิตนางไปได้ทุกเมื่อ
นางร้องตะโกนด้วยท่าทางน่าเวทนา “ท่านพ่อ…ท่านพ่อ…ช่วยข้าด้วย นำสมุนไพรวิญญาณไปให้นาง! รีบเอาไปให้นาง แล้วให้นางรีบไสหัวไปซะ!”
“ฮือ ฮือ ฮือ! พวกเราไม่ได้ทำของปลอมนะ! ทั้ง ๆ ที่พวกเรา…พวกเรา…”
“……”
ในฐานะที่นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลตาน นางจึงถูกผู้อื่นเยินยอและเอาอกเอาใจมาโดยตลอด และไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้มาก่อน
แล้วในครานี้นางก็ถูกมู่เฉียนซีข่มขู่จนแทบจะเสียสติ อีกทั้งยังพูดจาจนเกือบจะเผยการกระทำอันต่ำช้าของพวกเขาออกมาอีก
ผู้นำตระกูลตานก็หน้าถอดสีไปในทันที “เจ้ารีบหุบปากเดี๋ยวนี้!”
“ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวของท่านพ่อนะ ข้าเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านพ่อนะ ท่านพ่อจะใจดำกับข้าแบบนี้ไม่ได้! ข้าอายุยังน้อย ข้ายังไม่อยากตาย…”
“แม่นางมู่ เจ้าอย่าฆ่าข้าเลยนะ! ข้าสามารถคืนความบริสุทธิ์ให้เจ้า คืนความบริสุทธิ์ให้หอหมอปีศาจได้…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้สิ! หากเจ้าพูดมาให้ชัดเจน ข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า”
“หุบปาก!” ผู้นำตระกูลตานตะคอกออกไปด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว
ทว่าเขาก็ไม่อาจห้ามปรามคุณหนูตานได้ ที่แท้ตอนที่ตระกูลตานเอาสมุนไพรวิญญาณของมู่เฉียนซีไป พวกเขาก็ได้ใช้ยาลูกกลอนชนิดหนึ่งที่เตรียมมาตั้งแต่เนิ่น ๆ มาขโมยวิญญาณของสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นไป จากนั้นก็ใส่ร้ายป้ายสีความผิดให้หอหมอปีศาจ
ทุก ๆ คนรู้สึกตกตะลึงกันเป็นอย่างยิ่ง เพื่อกำจัดคู่แข่งอันแข็งแกร่งให้พ้นทาง ตระกูลตานก็ไม่สนว่าวิธีที่ใช้กำจัดนั้นจะชั่วช้าเพียงใด เพียงแค่กำจัดได้ก็เป็นพอ
ตระกูลตานกล่าว “เป็นเพราะเจ้าเด็กนั่นบังคับให้ลูกสาวของข้าพูดอย่างแน่นอน ตระกูลตานของข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีหัวเราะแล้วกล่าว “ท่านผู้นำตระกูลตาน ในเมื่อพยานยังไม่เพียงพอ เช่นนั้นนำสิ่งของมาพิสูจน์เลยดีหรือไม่?”
มู่เฉียนซียังคงเกี่ยวรัดตัวคุณหนูตานไม่ยอมปล่อย คุณหนูตานจึงกล่าว “ข้าพูดไปหมดแล้ว ข้าพูดความจริง เจ้าจะปล่อยข้าได้แล้วหรือยัง?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าเองก็อยากปล่อยเจ้าไปนะ! แต่ท่านพ่อของเจ้าบอกว่าเจ้าพูดโกหกนี่ ดังนั้นเจ้าก็คงต้องทนน้อยใจไปก่อนเสียแล้ว แต่ไม่ต้องรอนานหรอก อีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะไร้ประโยชน์แล้ว”
ผู้นำตระกูลตานเอ่ยถาม “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“เอาวิญญาณของสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นมา ในเมื่อคุณหนูใหญ่ตานกล่าวว่าพวกท่านได้ใช้ยาลูกกลอนทำให้วิญญาณของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้หายไป เช่นนั้นก็สามารถทำให้วิญญาณของพวกมันกลับมาได้ไม่ใช่หรือ? หากมันคืนกลับมาแล้ว ก็แสดงว่าตระกูลตานของพวกเจ้าได้ทำลงไปจริง ๆ” มู่เฉียนซีกล่าว
“เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งนั้น เจ้าไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน! หากเจ้าทำได้ ตระกูลตานของข้าก็ขอน้อมรับ!” ผู้นำตระกูลตานกล่าว
ยาลูกกลอนชนิดนั้นเป็นยาลูกกลอนที่มีตระกูลตานครอบครองอยู่เพียงตระกูลเดียว ไม่มีผู้ใดสามารถฟื้นคืนวิญญาณสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นได้ แม้กระทั่งตระกูลตานเองเช่นกัน
“หากเจ้าทำไม่สำเร็จ เช่นนั้นเจ้าก็จะต้องปล่อยลูกสาวของข้า และต้องยอมรับในเรื่องนี้ด้วย อย่าได้ดันทุรังในเรื่องที่ไร้ประโยชน์อีกต่อไป” ท่านผู้นำตระกูลตานกล่าวตอบ
ในขณะนั้นเองมู่เฉียนซีก็หัวเราะออกมาในทันที
“ข้าน่ะหรือจะทำไม่ได้ น่าขันจริง ๆ!”
ทุก ๆ คนทอดมองไปยังดรุณีน้อยผู้งดงาม พวกเขาต่างก็ตะตึงไปในทันที ดรุณีน้อยผู้นี้มีพลังแห่งความเชื่อมั่นส่องประกายออกมาจากตัว ทำให้ทุกๆคนรู้สึกแสบตาเป็นอย่างยิ่ง
สมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นก็ถูกนำออกมา จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้นำหม้อปาฮวงชิงมู่ออกมา!
“เจ้าจะหลอมยาที่สามารถฟื้นคืนวิญญาณสมุนไพรวิญญาณตรงนี้น่ะหรือ?”
“ข้าเห็นเองกับตา สมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นสูญเสียวิญญาณไปหมดแล้ว ไม่มีทางฟื้นคืนได้อย่างแน่นอน”
“แต่เด็กน้อยคนนี้ดูมั่นอกมั่นใจมาก เช่นนั้นพวกเราก็รอดูไปก่อนเถอะ!”
การที่มู่เฉียนซีเตรียมจะหลอมยา ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้นำตระกูลตาน ชีวิตของลูกสาวท่านอยู่ในกำมือของข้า! ท่านอย่าได้ให้ผู้ใดมาก่อกวนข้าเป็นอันขาด”
เดิมทีผู้นำตระกูลตานคิดว่าเมื่อมู่เฉียนซีเตรียมจะหลอมยา นางจะต้องปล่อยลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน และถึงยามนั้นเขาก็จะใช้โอกาสนี้ช่วยลูกสาวของเขาออกมา
ผลปรากฏว่า…
มู่เฉียนซีใช้มือข้างหนึ่งกำพัดวิหคเฟิงหลิงเพื่อควบคุมบุตรสาวของเขาเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็โยนสมุนไพรวิญญาณเข้าไปในหม้อยาเพื่อทำการหลอมยา
พวกเขากล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง “นะ…นี่มัน ทำสองสิ่งได้ในเวลาเดียวกัน!”
“ในเวลาหลอมยากลับทำสิ่งอื่นพร้อมกันไปด้วย เจ้าเด็กคนนี้ชักจะตลกเกินไปแล้ว”
“……”
ผู้นำตระกูลตานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าเด็กนั่นจะทำสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ รีบไปช่วยคุณหนูใหญ่ให้ข้าเดี๋ยวนี้”
เขาคิดว่าเด็กคนนี้อาจจะไม่ได้เสแสร้งก็ได้ และผู้คนส่วนมากก็คิดแบบนี้เช่นกัน
ครั้นคนของตระกูลตานเข้าใกล้มู่เฉียนซี ทันใดนั้นธาตุลมก็ได้เข้ามาครอบคลุมตัวคุณหนูตานไว้
“อ้า!” คุณหนูใหญ่กรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น ตามร่างกายของนางปรากฏบาดแผลที่มีโลหิตไหลซึมไปทั่ว ทันทีที่มีคนกล้าเข้าใกล้คุณหนูตาน ศีรษะของนางก็จะหล่นลงพื้นอย่างแน่นอน
“ท่านผู้นำตระกูล!” คนเหล่านั้นไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวอีก
ผู้นำตระกูลตานกล่าว “กลับมา!”
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปยังท่านผู้นำตระกูลตานแล้วกล่าว “ท่านผู้นำตระกูลตานไม่ใส่ใจคำเตือนของข้าเลยสักนิด! ไม่อย่างนั้นคุณหนูตานก็คงไม่น่าอนาถขนาดนี้”
ทุก ๆ คนล้วนคิดว่าการที่มู่เฉียนซีจัดการคุณหนูตานไปเมื่อครู่ จะทำให้การหลอมยาล้มเหลวอย่างแน่นอน
แต่ที่ทำให้ทุก ๆ คนตกตะลึงจนดวงตาแทบจะถลนออกมานั่นก็คือ มู่เฉียนซียังคงทำการหลอมยาต่อไปได้ จากนั้นก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมา ดูเหมือนจะไม่ได้ล้มเหลวแต่อย่างใด
นาง…นางสามารถทำสองสิ่งไปพร้อม ๆ กันได้จริง ๆ ด้วย นางหลอมยาพลางควบคุมตัวประกันท่ามกลางศัตรูที่รายล้อมอยู่ไปพลางได้อย่างไม่ยากเย็น