ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 315 กายาอสูร
กว่าจะทําให้เยี่ยอ๋องปล่อยนางไปได้นั้นไม่ง่ายเลย
มู่เฉียนซีถอนหายใจ นางเข้ามาใกล้เทือกเขาชีชงอีกครั้ง ตามเส้นทางที่นักผจญภัยอิสระเหล่านั้นให้มา นางเริ่มเดินทางข้ามเทือกเขาชีชง
— ตูม! —
มีเสียงดังมาจากด้านหน้า พร้อมด้วยกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้น นั่นเป็นกลิ่นของเลือดมนุษย์!
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปก็ได้เห็นเงาร่างสีเทาที่คุ้นเคย
เจ้าบ้า! เจ้าหนุ่มชุดเทาผู้นั้น…
เจ้าหนุ่มผู้นี้เข้าไปในเทือกเขาชีชงกับหลางเทียน กองทัพของหลางเทียนถูกทําลายวอดวายทั้งกองทัพ ทว่าเขาผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่
แต่แม้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ สภาพของเขาในเวลานี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะก้าวเข้าไปในประตูผีแล้ว
ร่างกายเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและกำลังวังชาอันแข็งแกร่งก็ได้เสื่อมทรุดมาจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด เขามีแต่จะถูกกลืนกินเท่านั้น
เมื่อมู่เฉียนซีกําลังจะจากไป เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย เขาเห็นเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยผู้นั้น…มู่ซี
“…” เขาอ้าปาก ลำคอแห้งผากจนไม่มีเสียงใด ๆ ออกมา
มู่เฉียนซีอ่านปากของเขาออก ดูเหมือนเขาต้องการจะกล่าวว่า “ช่วยข้าด้วย ข้าสามารถทําอะไรให้เจ้าได้ …ข้ายังไม่อยากตาย”
พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่เลวเลย แต่เขาเป็นคนของหลางเทียน หลางเทียนถูกทําลายไปทั้งกองทัพ หรือสวรรค์จะรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าหลังจากรอดชีวิต
แต่พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มผู้นี้และความตั้งใจในการต่อสู้นั้นน่าชื่นชมยิ่งนัก หากมีผู้ติดตามเช่นเขาก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว
มู่เฉียนซี “จงอดทนสักหนึ่งก้านธูป หากเจ้าสามารถอดทนได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
เจ้าหนุ่มชุดเทากัดฟันและหลบการโจมตีของสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด ดวงตาเขาเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงเข้ม ความโหดเหี้ยมที่เขาแผ่ออกมาอย่างกะทันหันนั้นทําให้มู่เฉียนซีประหลาดใจมาก และยังทําให้สัตว์วิญญาณระดับเจ็ดตัวนั้นร่างสั่นเทิ้ม
จิตสังหารนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลางเทียนสามารถฝึกฝนได้
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป…
ช่างน่าเศร้า กรงเล็บของสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดจ้วงทะลุผ่านหัวใจของเจ้าหนุ่มชุดเทา ใบหน้าของเขาเผือดซีด เขา…
เขาถูกลิขิตให้ต้องตายเช่นนั้นหรือ ?
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เสี่ยวหง เผามันซะ!”
เปลวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งออกมา สัตว์วิญญาณระดับเจ็ดรู้สึกหวาดกลัวจนอยากจะหนี แต่ท้ายที่สุดก็ถูกสังหารด้วยเปลวเพลิงอันรวดเร็วและทรงอานุภาพของเสี่ยวหง
มู่เฉียนซีเดินไปหาเจ้าหนุ่มชุดเทา รีบยัดสมุนไพรวิญญาณทุกชนิดเข้าไปในปากของเขาที่ตายไปแล้ว หัวใจของเขาถูกฉีดด้วยยามากกว่าสิบเข็ม จากนั้นนางเริ่มเย็บแผล
การกระทําทั้งหมดราวกับนางกำลังทำงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบให้เสร็จ เจ้าหนุ่มที่ก้าวเข้าประตูผีไปอย่างสมบูรณ์แล้วถูกมู่เฉียนซีดึงกลับมาได้ แต่ยังคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่เขาจะฟื้นขึ้นมา
เสี่ยวหงย่างสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดอย่างมีความสุข มันหันมากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน เนื้อของเจ้าตัวนี้น่าจะไม่เลวเลย รีบมาดูเร็วเข้าเถอะ”
“อืม เจ้าใส่เครื่องปรุงสักหน่อยสิ จะได้มีรสอร่อย”
สัตว์วิญญาณระดับเจ็ดที่น่าสงสารตัวนี้ นับว่าเป็นเจ้าแห่งบรรดาสัตว์ของป่าเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่กลับโชคร้ายที่ได้มาพบเจอกับปีศาจ จุดจบจึงค่อนข้างน่าอนาถ
เจ้าหนุ่มชุดเทาลืมตาขึ้น มองต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ เขาเบิกตากว้างตกใจอย่างมาก
เขายังมีชีวิตอยู่อีกรึ ?!
เขารอดจากสถานการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายเช่นนั้นมาได้อย่างไร ?
จากนั้นเขาก็เห็นชายหนุ่มนัยน์ตาเขียวคนหนึ่งที่นั่งกินเนื้ออย่างสง่างามอยู่ไม่ไกล เขากล่าวอย่างเกียจคร้าน “โอ้! เจ้าฟื้นขึ้นมาได้เร็วมาก มาเร็ว มากินยาพวกนี้ให้หมดจะได้มีเรี่ยวแรง”
เจ้าหนุ่มชุดเทาถือเม็ดยาด้วยสีหน้าตกตะลึง ยาเหล่านี้ล้วนเป็นยาเม็ดระดับสูง แต่ไม่ว่ายาจะระดับสูงเพียงใด หากเขายังต้องการมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลืนกินยา
— ตุบ! —
เขาเดินโซซัดโซเซไปหามู่เฉียนซีและคุกเข่าลง “ต่อไปข้าจะปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าเท่านั้น”
มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “ก่อนจะมากล่าวคำเช่นนี้ เจ้าต้องสาบานว่าจะจงรักภักดี และเจ้าควรบอกด้วยว่าเจ้ามีประวัติที่ดี แต่ก็เอาเถอะ พรสวรรค์และจิตสังหารของเจ้าไม่ธรรมดาเลย ข้ารับรู้ได้”
“ข้าคงร้อนใจเกินไป ขออภัย” เขาพูดเสียงแหบแห้ง
เมื่อได้ยินคํากล่าวของเจ้าหนุ่มชุดเทา มู่เฉียนซีก็รู้ทันทีว่าเดิมทีเจ้าหนุ่มผู้นี้คงล้มสลบไปในเทือกเขาชีชง หลางเทียนมาเจอจึงได้ได้ช่วยเขาไว้ และเนื่องจากหลางเทียนมีพระคุณช่วยชีวิตเขา ดังนั้นเขาจึงอยู่ภายใต้บัญชาของหลางเทียน
ท้ายที่สุดการที่เขาโน้มน้าวไม่ให้หลางเทียนไล่ล่านาง สุดท้ายจึงถูกหลางเทียนที่โกรธเกรี้ยวลงไม้ลงมือเอาเสียเขาเกือบสิ้นลม แล้วหลางเทียนที่วกไปวนมาอยู่ในเทือกเขาชีชงนั้น ก็ได้ถูกสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดไล่ล่า
เจ้าหนุ่มชุดเทาหมดหนทางแล้ว ผู้ใดก็ตามที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาก็จะซื่อสัตย์กับคนผู้นั้นอย่างที่สุด
มู่เฉียนซีถามขึ้นว่า “หากครั้งหน้ามีคนช่วยชีวิตเจ้าไว้อีกครั้ง เจ้าคงไม่ได้เปลี่ยนผู้นำใหม่ไปง่าย ๆ ใช่หรือไม่ ?!”
“กรีดเลือดสาบาน…” เสียงที่เย็นชาดังออกมา เป็นจิ่วเยี่ยนั่นเอง เขาเดินไปหามู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวอีกว่า “เขา… กายาเจ็ดอสูร เทพสังหารที่เกิดมาแต่ยังไม่โต” มู่เฉียนซีไม่รู้ว่ากายาเจ็ดอสูรคืออะไร แต่ถึงกับสามารถทำให้จิ่วเยี่ยเอ่ยปากได้ เช่นนั้นร่างกายของเจ้าหนุ่มชุดเทาผู้นี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
จิ่วเยี่ย “เลือดในหัวใจเป็นสื่อกลาง ทําพันธสัญญาเถอะ”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วถาม “หืม เจ้าบ้ารึ ? นี่เป็นชื่อที่หลางเทียนตั้งให้เจ้าเช่นนั้นหรือ ?”
เจ้าบ้าพยักหน้า กล่าวว่า “ใช่แล้ว”
“ให้ตายเถอะชื่อนี้ไม่น่าฟัง ข้าจะเปลี่ยนชื่อให้เจ้าเอง”
ใบหน้าของเสี่ยวหงแข็งทื่อ นายท่านสามารถเปลี่ยนชื่อที่ดีกว่านี้ได้จริงหรือ ? บางที สุดท้ายแล้วมันอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าชื่อเจ้าบ้าก็เป็นได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ต่อไปเจ้าชื่อเสี่ยวชีเถอะ”
— ตึง! —
อู๋ตี้และเสี่ยวหงล้มลง
จิ่วเยี่ยเองก็แสดงออกถึงความจนใจ หากคนที่มีกายาเจ็ดอสูรสามารถเติบโตขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย จะกลายเป็นเทพสังหารอย่างแน่นอน ทว่าเทพสังหารกลับมีชื่อเช่นนี้…
เสี่ยวชีไม่ได้ปฏิเสธ เขาคิดว่าชื่อเป็นเพียงรหัสไว้เรียกเท่านั้น สำหรับเขาแล้ว จะชื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้น
“ขอบคุณนายท่านที่มอบชื่อให้ข้า”
หลังจากที่ทั้งสองคนทำพันธสัญญากันแล้ว มู่เฉียนซีก็ให้เสี่ยวชีตามนางไป นางไม่สามารถปล่อยให้เขากลับไปเมืองฉู่เพียงผู้เดียวได้
กว่าจะหาคนที่มีความสามารถที่ดีเช่นนี้ได้ไม่ง่ายเลย หากเสี่ยวชีถูกสัตว์วิญญาณกลืนกินระหว่างทางไปเมืองฉู่ คงจะน่าเสียดายอย่างมาก
เส้นทางของเทือกเขาชีชงนั้นยาวไกลมาก แม้ว่ามู่เฉียนซีจะเดินไปตามทางที่ปลอดภัย แต่มู่เฉียนซีก็ต้องต่อสู้กับสัตว์วิญญาณที่นี่มาหลายรอบแล้ว
อาการบาดเจ็บของเสี่ยวชีหายดีแล้ว พลังเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีมองเขาแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวชี เจ้าอยากฟื้นความทรงจําหรือไม่ ?”
ในฐานะหมอยาคนหนึ่ง นางย่อมมองออกว่าเสี่ยวชีได้รับบาดเจ็บสาหัสจากภายนอกจนถึงกับสูญเสียความทรงจําบางส่วน แต่นางก็มีวิธีทําให้เขาจําทุกอย่างได้ดีดังเดิม
ด้วยความตั้งใจและพรสวรรค์ในการต่อสู้ที่วิปริตเช่นนี้ เขามีร่างกายแข็งแรงอย่างหาได้ยาก หลังจากฟื้นความทรงจําของเขาแล้ว เกรงว่าเขาคงสร้างปัญหาให้นางไม่น้อย
แต่ถึงกระนั้น มู่เฉียนซีก็มอบทางเลือกให้กับเขา หลังจากที่นางกับเขาได้ทำพัธสัญญาเลือดต่อกัน นางก็ไม่กลัวการทรยศของเขาเพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนของนางแล้ว
เสี่ยวชีกล่าวถาม “นายท่าน ข้าต้องฟังนายท่านทุกอย่างเลยใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีในร่างมู่ซีกล่าวตอบ “ใช่ แต่สำหรับเรื่องนี้ข้าให้อิสระกับเจ้า เจ้าเลือกได้เลยว่าต้องการฟื้นความทรงจำหรือไม่ต้องการ”
เสี่ยวชี “อืม… ข้ามีลางสังหรณ์ว่าหากข้าฟื้นความทรงจํา พลังของข้าจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น”
มุมปากมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย นางแสดงสีหน้าขบคิด “แข็งแกร่งขึ้นหรือ ? ดี เช่นนั้นข้าจะคอยดู”
Related