ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 350 ข้านั้นดีกว่า
ก่อนที่จะออกมาฝึกฝน มู่เฉียนซีศึกษาประวัติศาสตร์ของทวีปเซี่ยโจวแห่งนี้มาแล้ว จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ได้สถาปนาแคว้นหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเซี่ยโจวขึ้นมา นั่นก็คือแคว้นเฉียนเซี่ย
เนื่องจากเขาคือผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิ อาณาจักรเฉียนเซี่ยจึงกลายเป็นขุมกําลังสำนักนิกายระดับหนึ่งเพียงแห่งเดียวในทวีปเซี่ยโจว แต่หลังจากที่จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้สวรรคตไปด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่มีผู้ใดทราบ ความแข็งแกร่งของเฉียนเซี่ยนั้นก็อ่อนด้อยลงไปกว่าเมื่อก่อนมาก ท้ายที่สุดก็ถูกสำนักอวิ๋นเยียนนำหน้าไป
ปัจจุบันนี้… ความแข็งแกร่งของราชวงศ์แห่งแคว้นเฉียนเซี่ยนั้น จัดได้ว่าแข็งแกร่งกว่าสำนักนิกายครึ่งระดับเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสำนักอวิ๋นเยียนแล้วนับว่าห่างไกลกันยิ่งนัก จึงจำต้องแบกรับความกดดันต่าง ๆ จากสำนักอวิ๋นเยียน
แต่ทว่าสุสานของจักรพรรดิในตำนานพระองค์นี้กลับอยู่ที่นี่ ณ ตอนนี้
ในตอนนั้นที่สุสานของจักรพรรดิแห่งสงครามขวางอวิ๋นช่างอันตรายนัก หากมิใช่เพราะกระบี่มังกรเพลิง นางคงออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัยได้อย่างยากลำบากแน่นอน
มาตอนนี้ ในสุสานของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ นางนั้นมิได้คิดว่ามันจะออกไปได้ง่ายกว่าออกจากสุสานของจักรพรรดิแห่งสงครามขวางอวิ๋นเลย
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “คุณชายเซี่ยเจ้าช่างอวดเก่งดีแท้ แน่ใจรึว่าจะเข้าไปในนั้น ?”
อวดเก่ง!
เชียนอ้าวเซี่ยแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขากล่าวว่า… “ที่นี่เป็นถึงสุสานของของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ในตำนาน ข้านั้นได้มาเจอเสียทีนับว่าโชคดีแล้ว แน่นอนว่าข้าจะต้องเข้าไป นี่นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากทีเดียวเชียว”
“อืม ในเมื่อเจ้ายืนกรานจะเข้าไป เช่นนั้นหากเกิดอันตรายใดขึ้นมา ข้าจะไม่สนใจเจ้า”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวพลางคอตก “เอาเถอะ ถ้าหากมีอันตราย เสี่ยวซีซีเจ้าปกป้องตนเองให้ดีก็พอแล้ว ตัวข้านั้นสง่างามถึงเพียงนี้ ฟ้าดินคงไม่ปล่อยให้ข้าต้องมาตายไว”
“อืม ในเมื่อเจ้ามีวิธีในการปกป้องชีวิตของตนเอง เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า”
เจ้านุ่มนิ่มน่ารำคาญผู้นี้เป็นคนประเภทคมในฝัก แน่นอนว่าเขาคงไม่เอาชีวิตของตนเองไปล้อเล่นอย่างแน่นอน
หลังจากที่นางเดินผ่านรูปปั้นผลึกน้ำแข็ง มู่เฉียนซีและเชียนอ้าวเซี่ยก็ได้เข้ามาสู่ห้วงเวลาแห่งผลึกน้ำแข็ง น้ำแข็งแต่ละก้อนสะท้อนเงาร่างของพวกเขา เดิมทีเชียนอ้าวเซี่ยที่เดินตามมู่เฉียนซีมาติด ๆ เขาคิดที่จะเดินไปจับตัวนางที่อยู่ด้านหน้า แต่กลับจับได้เพียงแต่ความว่างเปล่า
“เสี่ยวซีซี…”
มู่เฉียนซีได้ยินเสียงของเจ้าคนน่ารำคาญที่ตะโกนเรียกนาง ทว่าเมื่อหันไปมองก็เห็นชายที่ดูมีเสน่ห์เสมือนดั่งปีศาจหิมะ
— ตูม! —
แต่ทว่าชายผู้นั้นชักกระบี่ยาวสีขาวดุจน้ำแข็งแทงเข้ามาทางนางอย่างไม่ลังเล นางได้แต่เร่งหลบหลีกไปอย่างร้อนรนก่อนจะชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถามเสียงเข้ม นางรู้สึกได้ว่านี่มิใช่ร่างที่แท้จริงของเชียนอ้าวเซี่ย
บุรุษชุดขาวตรงหน้ายิ้ม กล่าวขึ้น “ข้าจะเป็นใครไปได้ ข้าคือเซี่ยอย่างไรเล่า! พวกเราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายเมื่อเชื่อวัน เจ้ากลายเป็นคนไม่รู้จักข้าไปเสียแล้วรึ ?”
“อย่ามาหลอกลวงข้าเสียให้ยาก ทักษะการแสดงของเขานั้นดีกว่าเจ้ามากนัก เจ้าช่างจอมปลอมเสียจริง”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
เปลวไฟสีแดงพุ่งออกมา ทว่าเงาร่างนั้นพลันหายไป
มู่เฉียนซีตะลึงงัน นี่เป็นภาพหลอนอย่างที่นางคิดจริง ๆ …ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ อันตรายก็ได้เริ่มมาถึงตัวเสียแล้ว
— ขลุก! ขลุก! ขลุก! —
เสียงของบางสิ่งบางอย่างกำลังหมุนวิ่งมาทางนาง มู่เฉียนซีมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่ดูอ่อนโยนราวกับหยกนุ่มนวลชั้นดีนั่งอยู่บนเก้าอี้ และกำลังมุ่งตรงเข้ามาใกล้ร่างของนาง
เขามองมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวอย่างเร่งรีบ “ซีเอ๋อร์ มากับข้าเร็ว ข้าจะพาเจ้าไปพบกับบิดาและมารดาของเจ้า”
มู่เฉียนซีส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ นางกล่าวขึ้น “จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ ความสามารถในเรื่องภาพลวงตาของท่านนั้น ไม่ค่อยเท่าไหร่เลย”
แต่เมื่อนางมองชายผู้อยู่ตรงหน้า ถึงแม้นางจะรู้ว่านั่นเป็นท่านอาเล็กตัวปลอม นางก็ไม่คิดที่จะทำร้ายเขา
มู่เฉียนซีนำผ้าสีดำออกมาปิดตาทั้งสองข้าง นางลงมือในทันที “ผนึกมังกรวารี!”
เมื่อการมองเห็นไม่ดีนัก ชายผู้นั้นจึงหลบไปได้เป็นธรรมดา
“ปิดตาทั้งสองข้างแล้วคิดที่จะทำอะไรข้า ฝันไปเถอะ!”
“จัดการเจ้านั้นช่างง่ายดายนัก เจ้าตัวปลอม! …มังกรวารีพิฆาต!”
— โครมมมม! —
ภาพลวงตานั้นถูกมู่เฉียนซีโจมตีสลายหายไปอีกครา ต่อมาก็มีร่างที่เป็นภาพลวงตาปรากฏอีกเช่นเคย
เยวี่ยเจ๋อ จวินโม่ซีผู้ตะกละ ชิงอิ่ง ซวนหยวนชิงอวิ๋น คนเหล่านี้ล้วนไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อนางแต่อย่างใด มิอาจทำให้นางหลงลืมไปได้
ทว่าต่อมา ร่างเงาดำสนิทร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ามู่เฉียนซี ร่างนั้นราวกับเทพมารแห่งความมืดมิดที่ทำให้ผู้คนมิอาจกล้าที่จะมองเข้าไปตรง ๆ ได้
มู่เฉียนขยี้ตาก่อนจะกล่าวขึ้น “จิ่วเยี่ย มีเรื่องอะไรรึ ?”
จิ่วเยี่ยที่อยู่ตรงหน้านั้นมิใช่ภาพลวงตา หากแต่เป็นร่างจริง!
เมื่อมองเพียงปราดเดียวก็สามารถดูออกได้ พลังเช่นนั้น สายตาเช่นนั้น สีหน้าเช่นนั้น ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีจำเขาได้ในทันที มุมปากของจิ่วเยี่ยเผยรอยยิ้มออกมา “ภาพลวงตาเหล่านี้ไม่มีข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “แน่นอนว่าไม่มีเจ้า พวกเขานั้นล้วนแต่เป็นคนที่ข้ากังวลถึง แต่ข้ารู้ว่าเจ้านั้นอยู่ข้างกายข้าตลอด”
จิ่วเยี่ยกระซิบข้างหูของนาง “อืม… ข้านั้นอยู่เคียงข้างเจ้าตลอด”
“อื้อ…”
จิ่วเยี่ยอดทนมานานแล้ว เขาไม่สนใจจะทำตามกฎ จัดการจุมพิตนางในทันใด
หลังจากถอนจุมพิต มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ยังไม่ถึงเจ็ดวัน เจ้าไม่ทำตามกฎ ข้าจะต้องทำโทษเจ้าไม่ให้แตะต้องตัวข้าไปหนึ่งเดือน”
แววตาจิ่วเยี่ยทอประกายอันตราย “เจ้ารู้ว่าข้านั้นอยู่ใกล้ตัวเจ้า แต่กลับให้บุรุษผู้นั้นมาอยู่ข้างกาย การลงโทษเช่นนี้จากข้ายังถือว่าเบานัก”
มู่เฉียนซีต่อรองอะไรไม่ได้อีกต่อไป นางมีความลำบากอยู่ในใจหลายประการ เจ้าเชียนอ้าวเซี่ยจอมน่ารำคาญนั่นทำให้ผู้อื่นได้รับเคราะห์ไม่เบา
เห็นได้ชัดว่าเยี่ยอ๋องกริ้วเสียแล้ว ทั้งยังหึงหวงอย่างปกปิดไม่มิด หลังจากที่เขามาเตือนมู่เฉียนซีเบา ๆ จึงได้ปล่อยนางไป
ในที่สุดเขาก็กล่าวขึ้นอย่างไม่เปิดช่องให้นางได้กล่าววาจาใดแทรกแลย “ซี… เจ้าห้ามไปชอบเจ้าหน้าขาวไร้ความสามารถนั่นเด็ดขาด”
มู่เฉียนซี “หากจะกล่าวถึงเพียงแค่เรื่องใบหน้า ข้าไม่มีทางถูกความงดงามของบุรุษผู้นั้นทำให้หลงไหลได้ จิ่วเยี่ย เจ้าช่างดูถูกความอดทนของข้าเสียจริงเชียว”
นัยน์ตาของจิ่วเยี่ยเริ่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ “เช่นนั้น ข้าในสายตาเจ้า ?”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าดีกว่าอย่างแน่นอน”
“ในเมื่อข้านั้นดีกว่า เช่นนั้นซีจะชอบ…” จิ่วเยี่ยยังกล่าวไม่ทันจบคำ ก็มีเสียงที่แฝงความเจ้าชู้เสียงหนึ่งลอยมา
“เสี่ยวซีซี… ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบเสียที เจ้ามีอันตรายอะไรหรือไม่ ?”
จู่ ๆ ชายผิวกายขาวราวหิมะเข้ามาขัดจังหวะทั้งสอง จิ่วเยี่ยอยากจะเปลี่ยนทุกส่วนทุกระเบียดนิ้วบนร่างของเขาให้กลายเป็นผงกระดูกสีขาว แต่ทว่าเขานั้นไม่อยากไปแทรกแซงการใช้ชีวิตและการฝึกฝนของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยจึงได้หายตัวไป
เงาร่างที่ส่องประกายเฉิดฉายดุจหิมะและดวงจันทร์พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีราวกับผีเสื้อปีกระยิบระยับบินมา เขากล่าวเรียกอย่างดีใจจนแทบบ้า “เสี่ยวซีซี…!”
มู่เฉียนซี “เจ้าแน่ใจถึงเพียงนั้นเลยรึว่าข้าเป็นตัวจริง ?”
สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในเวลานี้นั้น ล้วนเต็มไปด้วยภาพลวงตาทุกแห่งหน
เชียนอ้าวเซี่ย “เสี่ยวซีซี เจ้านั้นไม่รู้ว่าตั้งแต่เข้ามาในที่แห่งนี้ เซี่ยได้เจอเข้ากับร่างปลอมไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่ว่าร่างพวกนั้นมิใช่ร่างจริงของซี ข้ารู้ เพราะเจ้านั้นเป็นคนพิเศษที่สุดในใจของข้า”
เชียนอ้าวเซี่ยกำลังจะวิ่งเข้าไปกอดมู่เฉียนซีอย่างเขินอาย แต่ได้ถูกนางสลัดออกไปในทันที เจ้าบุรุษน่ารำคาญผู้นี้ น่ารำคาญเสมอต้นเสมอปลายโดยแท้
เวลานี้นางเป็นหมอส่วนตัวพิเศษของจิ่วเยี่ย ด้วยอำนาจอันน่าเกรงขามของจิ่วเยี่ย เขาให้บุรุษน่ารำคาญผู้นี้มีชีวิตอยู่ต่อและยังตามตื๊อนางได้อยู่ได้นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว เชียนอ้าวเซี่ยมาทำตัวใกล้ชิดกับหมอยาประจำตัวของจิ่วเยี่ยเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกจิ่วเยี่ยทำให้กลายเป็นผงกระดูกสีขาวอย่างไร้สาเหตุเมื่อไรก็ได้
“เลิกสร้างความวุ่นวายที่นี่ได้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเราจะออกไปจากแดนแห่งภาพลวงตาแห่งนี้ได้อย่างไร”
แม้ว่าพวกเขานั้นจะสามารถแยกภาพลวงตาออกได้ แต่พวกเขาก็ติดอยู่ในที่แห่งนี้
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้ม กล่าวขึ้น “เสี่ยวซีซี บางทีหากเจ้าจุมพิตข้าสักหนึ่งจุมพิต ข้ากับเจ้าอาจจะหลุดออกจากที่แห่งนี้ก็เป็นได้”
.
Related