ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 386 การต่อยหมัดที่โหดร้าย
ตอนนั้นนางหลบหนีกลับไปยังสํานักอวิ๋นเยียน เพื่อไม่ให้บิดาลงโทษ นางจึงไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นและผลักทุกอย่างให้ราชาไป๋กู่
ในเวลาเดียวกันก็ไม่ได้ส่งคนไปโจมตีตระกูลมู่ในแคว้นจื่อเยี่ย เหตุผลแรกเพราะกลัวว่าคนของสํานักจะรู้ ส่วนเหตุผลที่สองคือชายผู้นั้นน่ากลัวเกินไป นางไม่อาจที่จะล่วงเกินได้
แต่ใครเลยจะคิดว่าหลังจากผ่านไปสามเดือน สตรีผู้นี้กลับปรากฏตัวต่อหน้านางอีกครั้ง
องครักษ์ข้างกายอวิ๋นฮุ่ยกล่าว “คุณหนูรองขอรับ พวกข้ารับคําสั่งจากคนเพียงสองคนเท่านั้น หนึ่งคือท่านเจ้าสํานัก สองคือคุณหนูใหญ่ขอรับ”
องครักษ์เหล่านี้แข็งแกร่งมาก เพียงแค่คนเดียวก็สามารถฆ่าสตรีตรงหน้านี้ได้ แต่พวกเขากลับไม่ฟังนาง อวิ๋นฮุ่ยโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา “หากพวกเจ้าไม่ลงมือ เช่นนั้นข้าจะลงมือเอง”
คราก่อนนางเป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับต่ำเท่านั้น ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป นางก้าวหน้าไปได้มากโดยได้เลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์ภูตระดับเก้า อวิ๋นฮุ่ยมั่นใจว่าตนมีความสามารถเหลือเฟือที่จะต่อกรกับสตรีชุดม่วงผู้นั้นได้
คิดแล้วก็ไม่รอช้า กวัดแกว่งกระบี่ยาวและโจมตีมู่เฉียนซีอย่างดุดัน
การโจมตีของปรมาจารย์ภูตระดับเก้านั้นไม่ได้อันตรายสําหรับมู่เฉียนซีเลย นางยกมือขึ้นอย่างเกียจคร้านพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ผนึกมังกรวารี!”
เมื่อพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีระเบิดออกมา อวิ๋นฮุ่ยพลันรู้สึกไม่ดี
พลังวิญญาณของราชาแห่งภูตและการโจมตีของพลังธาตุวารี อวิ๋นฮุ่ยจะต้านทานได้อย่างไรกัน
— ปัง! —
นางถูกมังกรวารีโจมตีจนกระเด็นออกไป!
“พรวด!” จากนั้นกระอักเลือดออกมาคําโต ดวงตาของนางเบิกกว้าง นางกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
เห็นได้ชัดว่าเมื่อสามเดือนก่อน มู่เฉียนซีเป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับต่ำเท่านั้น ตอนนี้นางกลับเป็นราชาแห่งภูตระดับหนึ่งแล้ว อวิ๋นฮุ่ยนั้นทึ่งมาก แม้แต่พี่สาวอัจฉริยะของนางก็ยังไม่มีความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?
อวิ๋นฮุ่ยคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
มู่เฉียนซีกล่าว “คุณหนูรองอวิ๋น เจ้ายังอยากสู้ต่ออีกหรือไม่ ?”
คุณหนูรองอวิ๋นลุกขึ้นมาอย่างน่าสมเพช จ้องมองไปที่องครักษ์ข้างกายนางแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้ายังไม่รีบลงมืออีก สตรีนางนี้บังอาจทำร้ายข้า”
“คุณหนูรอง พวกข้ามีหน้าที่คุ้มครองท่านเท่านั้นนะขอรับ”
องครักษ์เหล่านี้ที่ปกป้องอวิ๋นฮุ่ยเข้มงวดมาก อย่างไรก็ไม่ยอมช่วย เว้นเสียแต่ว่าอวิ๋นฮุ่ยจะตกอยู่ในอันตราย
อวิ๋นฮุ่ยมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความโกรธเคือง นางสารเลวผู้นี้ คิดว่าเป็นราชาแห่งภูตแล้วจะสุดยอดหรืออย่างไร ?
อวิ๋นฮุ่ยกล่าว “จงออกมา พยัคฆ์เพลิง”
เสือสีแดงเข้มออกมาปรากฏตัวตรงหน้าอวิ๋นฮุ่ย อวิ๋นฮุ่ยกล่าวว่า “นางบ้า เจ้าเตรียมตัวถูกสัตว์พันธสัญญาของข้ากลืนกินเสียเถอะ!”
แสงสีขาววาบผ่านเข้ามา ทันใดนั้นอวิ๋นฮุ่ยเห็นมู่เฉียนซีกำลังอุ้มลูกแมวสีขาวตัวหนึ่งที่ดูไม่เป็นอันตราย
อู๋ตี้มองเสือตัวนั้นอย่างดูถูกและหัวเราะเยาะ “หึ ๆ เจ้าคนน่าเกลียด เจ้าคงไม่ได้คิดว่าเจ้ามีเสือน้อย ๆ ตัวหนึ่ง แล้วจะสามารถเอาชนะนายท่านของข้าได้กระมัง!”
เสือน้อย… เสือเพลิงตัวนี้ตัวใหญ่มากจนไม่รู้ว่าใหญ่กว่ากี่เท่าของอู๋ตี้ ทว่าอู๋ตี้กลับบอกว่ามันเป็นเสือน้อย แน่นอนว่าไม่เหมาะสมอย่างมาก
อวิ๋นฮุ่ยหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าคงไม่คิดว่าเจ้าลูกแมวตัวนี้จะสามารถรับมือกับพยัคฆ์เพลิงของข้าได้กระมัง! นางผู้หญิงเพ้อฝันเจ้าช่างโง่งม พยัคฆ์เพลิง กลืนกินพวกมันทั้งหมดให้ข้า”
“โฮกกก!” เมื่อถูกลูกแมวตัวหนึ่งดูถูกเหยียดหยาม พยัคฆ์เพลิงกรุ่นโกรธอย่างหนัก มันกระโจนเข้าใส่มู่เฉียนซีอย่างเหี้ยมโหด
เงาร่างสีขาวพุ่งเข้ามาจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ระดับต่ำกว่ามันหนึ่งระดับ อู๋ตี้ใช้อุ้งเท้าของมันเจาะแก่นวิญญาณออกมา หลังจากนั้นก็กลืนกินมันลงไป
— แคร่ก แคร่ก! —
— ตุบ! —
พยัคฆ์เพลิงล้มลงกับพื้น
“อ๊า!” อวิ๋นฮุ่ยร้องโหยหวน เมื่อเห็นว่าสัตว์พันธสัญญาของตนเองตายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ นางแทบจะหมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากทำสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว
“ระดับสาม ลูกแมวตัวนี้อย่างน้อยก็ต้องมีความแข็งแกร่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม นี่มันเกินคาดแล้ว!”
หากไม่ใช่ระดับสาม พยัคฆ์เพลิงของนางคงไม่มีทางถูกแมวตัวน้อยตัวนั้นเจาะแก่นวิญญาณออกมาได้ สตรีชุดม่วงผู้นี้น่ากลัวเกินไป ความเร็วในการเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด แม้แต่สัตว์พันธสัญญาก็ยังแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่นานก่อนหน้านี้ ถ้าหากสตรีชุดม่วงผู้นี้ไม่พึ่งพาคนที่อยู่ข้างหลังนาง นางก็สามารถฆ่าได้อย่างตามใจชอบ
อวิ๋นฮุ่ยถูกทำร้ายอย่างสมบูรณ์เมื่อต้องรับมือกับนางเพียงคนเดียว อวิ๋นฮุ่ยเป็นถึงคุณหนูรองแห่งสํานักอวิ๋นเยียน จะมาพ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวอายุน้อยจากตระกูลเล็ก ๆ ได้อย่างไร ?
อวิ๋นฮุ่ยโกรธจนควบคุมตนเองไม่ได้ นางไม่กล้าที่จะพุ่งเข้าไปสู้กับมู่เฉียนซีอย่างสุดชีวิต จึงหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาวางตรงหน้าพวกเขาก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้าต้องไปฆ่าสังหารสาวน้อยผู้นี้ให้ข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะตายต่อหน้าพวกเจ้า ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะไปอธิบายกับท่านพ่อของข้าอย่างไร”
หนึ่งในองครักษ์กล่าวขึ้น “คุณหนูรองขอรับ เกรงว่าท่านคงจะไม่มีความกล้าหาญที่จะฆ่าตัวตาย”
ที่เขากล่าวมาคือเรื่องจริง แต่ใบหน้าของอวิ๋นฮุ่ยกลับกำลังหม่นคล้ำถึงขีดสุด
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเป็นรอยยิ้ม นางไม่คิดว่าจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงเหล่านี้จากสํานักอวิ๋นเยียนจะมีนิสัยเช่นนี้
“ฮือ ๆ ๆ! ข้าจะไปบอกท่านพ่อของข้า” อวิ๋นฮุ่ยไม่กล้าที่จะฆ่าตัวตายจริง ๆ นางได้แต่ร้องไห้และวิ่งไปข้างหน้า
ทว่าร่างสีม่วงขวางทางนางไว้ มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “คุณหนูรองอวิ๋น ข้าอนุญาตให้เจ้าหนีได้แล้วหรือ ?”
อวิ๋นฮุ่ย “เจ้า… เจ้ากล้าที่จะลงมือกับข้าก็ลองดูเซ่ ? เมื่อข้าพบท่านพ่อ ข้าจะให้ท่านพ่อฆ่าเจ้าเสีย และทําลายตระกูลเล็ก ๆ นั่นของเจ้าด้วย”
“อ๊า!” อวิ๋นฮุ่ยร้องโหยหวน จากนั้นก็เอามือปิดหน้าบวมแดงของตนเอง ปากก็กรีดร้อง “นางบ้า! เจ้ากล้าต่อยหน้าข้าจนบวม ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”
ทว่าหลังจากที่นางลุกขึ้นมา นางกลับไม่กล้าเข้าใกล้มู่เฉียนซี สตรีชุดม่วงผู้นี้ทําให้นางรู้สึกถึงอันตรายที่มากเกินไป และสิ่งที่น่าผิดหวังกว่านั้นคือองครักษ์ที่แข็งแกร่งข้างกายนาง กลับมองนางถูกทุบตีอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ช่วยอะไรเลย
— ปัง! —
ไม่นานหมัดอีกหมัดก็พุ่งเข้ามา
มู่เฉียนซีกล่าวหยอกล้อว่า “คุณหนูรองอวิ๋นน่าจะชอบให้สมดุลกันสักหน่อย ดังนั้นข้าจึงจัดให้เจ้าอีกหนึ่งหมัด”
ดวงตาของอวิ๋นฮุ่ยแดงก่ำ นางกลืนเม็ดยาเม็ดหนึ่งแล้วกล่าวอย่างเหี้ยมโหด “เจ้าชั่วช้า เจ้าบีบบังคับข้า บีบบังคับข้ามาก! วันนี้ข้ากับเจ้าไม่ตายไม่หยุดสู้!”
หลังจากที่นางกลืนยาเม็ดนั้นลงไป พลังก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ระดับเก้าของราชาแห่งภูต และพลังวิญญาณก็พร้อมบดขยี้มู่เฉียนซีอย่างสมบูรณ์
เมื่อความแข็งแกร่งของอวิ๋นฮุ่ยเพิ่มมากขึ้น อวิ๋นฮุ่ยก็มั่นใจในตัวเองทันที สตรีชุดม่วงผู้นี้มาจากตระกูลเล็กๆเท่านั้น ไหนเลยจะเหมือนกับนางที่มีสถานะสูงส่งและมียาที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ?
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย ไม่เสียดายรากฐานของตนเองเพื่อที่จะให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าราชาแห่งภูตระดับเก้านั้น ความสามารถเพียงเล็กน้อยเท่านี้คงยังไม่เพียงพอที่จะมาต่อกรกับนาง!
“ไปตายซะ!” อวิ๋นฮุ่ยตะโกน ฉับพลันกระบี่ยาวพุ่งตรงไปที่จุดสำคัญของมู่เฉียนซีราวกับงูพิษ
แสงสีแดงเข้มพุ่งผ่านอากาศ มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “มังกรเพลิงสังหาร!”
— ตูม! —
กระบวนท่ากระบี่ทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงดังสนั่นลั่นพสุธา มู่เฉียนซีถอยหลังไปหลายก้าว
— ปัง! —
อวิ๋นฮุ่ยเองก็ถอยหลังไปหลายสิบก้าว นางกล่าวว่า “ฮึ่ม! เจ้าอย่าได้รู้สึกลำพองใจไปเร็วนัก ข้ายังไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับพลังเมื่อครู่นี้ ข้ายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ เจ้ารอดูเถอะ ครั้งนี้เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน”
.