ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 429 หอฉงโหลวบนเมฆา
ตั้งแต่ตอนแรกที่มู่เฉียนซีได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพได้ในขั้นพื้นฐาน เมื่อขึ้นไปถึงครึ่งทางของภูเขานางก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์
เปรี๊ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยงงงง!
ไม่ว่าสายฟ้าสีม่วงจะฟาดลงมาใส่ร่างของมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่งเพียงใด มู่เฉียนซีก็ไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
กลไกวิญญาณไร้คำพูดกับนางจริง ๆ “วิปริต วิปริตไปแล้ว วิปริตจนคนทั่วไปไม่อาจตัดสินได้เลยว่าวิปริตเพียงใด! ”
เปรี๊ยงงงง!
ในขณะที่ร่างชุดม่วงกระโดดขึ้นไปบนยอดเขานั้น เคล็ดวิชาเทพระดับแรกนั้นมู่เฉียนซีได้ฝึกฝนจนสำเร็จอย่างสมบูรณ์แล้ว
ตูมมมมมม!
ท่ามกลางสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างน่าสะพรึงกลัว มู่เฉียนซีกลับยืนอยู่บนยอดเขาด้วยความภาคภูมิใจ ใบหน้าที่งดงามและไร้ที่ตินั้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก นางก้มหน้าลงและยื่นมือไปจับผลวิญญาณรูปวงรีนั้น
“ผลกำเนิดเก้าวิญญาณ ฟ้าดินย่อมให้ความเป็นธรรมต่อผู้ที่มีจิตใจดีงาม ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอจนได้’
ในตอนนี้นางไม่ได้มีความโหดเหี้ยมเหมือนตอนที่พรวดขึ้นไปบนภูเขาแต่อย่างใด นางค่อย ๆ เก็บผลกำเนิดเก้าวิญญาณด้วยความอ่อนโยน
หลังจากที่นางได้เก็บผลกำเนิดเก้าวิญญาณเสร็จ ร่างในชุดสีม่วงของนางนั้นกับสายฟ้าสีม่วงบนท้องฟ้าก็เหมือนกับจะรวมเข้าด้วยกัน และไม่นานนักนางก็ลงมาถึงตีนเขา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “กลไกวิญญาณ ข้าได้ในสิ่งที่ข้าต้องการแล้ว เจ้าส่งข้ากลับเถอะ! ”
กลไกวิญญาณกล่าวถามว่า “เจ้าได้ผลวิญญาณนี้แล้วก็จะออกไปจากเจดีย์เทพ เจ้าไม่ต้องการรางวัลอื่นแล้วเหรอ เจ้าเป็นคนที่กระทำการอย่างรุนแรงตามอำเภอใจจริง ๆ! พันปี เวลานับพันปีมีเพียงเจ้าคนเดียวที่เข้ามาถึงที่นี่ได้! ”
มู่เฉียนซีกล่าว “แต่เจ้าก็บอกแล้วหนิว่าหากข้าเลือกเอาผลกำเนิดเก้าวิญญาณ ข้าก็จะไม่ได้รางวัลอื่นแล้ว”
“เจ้าแน่ใจเหรอว่าเจ้าจะไม่เสียใจทีหลัง เจ้าจะเสียใจทีหลังตอนนี้ก็ยังทันนะ”
“ข้าไม่เสียใจทีหลังแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
“อย่ามัวแต่พูดไร้สาระเลย ส่งข้ากลับไปได้แล้ว! ข้ารีบ” ถึงแม้ว่าจะหาผลกำเนิดเก้าวิญญาณเจอแล้ว แต่นางก็ต้องรีบออกไปหาดอกเก้าพิฆาตลึกลับอีก
“เจ้าอยากจะก้าวขึ้นเป็นยอดฝีมือหรือไม่ เจ้าอยากจะเดินเฉิดฉายในเซี่ยโจวอย่างภาคภูมิใจหรือไม่? เจ้าอยากจะ……”
กลไกวิญญาณพยายามจะโฆษณานั่นนี่ แต่ตอนนี้สีหน้าของมู่เฉียนซีนั้นดำคล้ำด้วยความไม่พอใจแล้ว “พอแล้ว เจ้ามีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ! จะมัวพูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาอยู่ทำไม? ”
“ก็ข้าเหงาปากมานานหนิ่ ข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครคุยด้วยเลย” กลไกวิญญาณกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ”
“ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือว่า เมื่อหลายหมื่นปีก่อนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพสองอย่างได้ตกลงสู่แผ่นดินเซี่ยโจว อย่างแรกแน่นอนว่าคือข้า เจดีย์เทพ หลายพันปีก่อนเผ่าเทพหนานอู้ได้ค้นพบเจดีย์เทพอันศักดิ์สิทธิ์ และได้ก่อตั้งตระกูลขึ้น”
“ส่วนมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอีกอย่างหนึ่งก็คือหอฉงโหลวบนเมฆา ขอเพียงแค่หากุญแจในหอฉงโหลวบนเมฆาเจอข้าก็สามารถออกไปยืดเส้นยืดสายได้ มิเช่นนั้นแล้วข้าคงจะอยู่แต่ในป่าหนานอู้นี้ตลอดไปแน่”
“อ๊ากกกกกก! ข้าไม่ได้ขยับตัวมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว ข้าจะบ้าตายอยู่แล้ว ไอ้ฉงโหลวบ้านั่นสามารถท่องไปทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังเอากุญแจของข้าไป ทำให้ข้าต้องติดอยู่ที่นี่ไม่อาจไปไหนได้” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว เจดีย์เทพก็แทบจะบ้าคลั่งขึ้นมา
มู่เฉียนซีแอบรู้สึกสะใจเล็กน้อย ตลอดการทดสอบของนางที่ผ่านมา มันได้หลอกนางหลายต่อหลายครั้ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่ก็โดนทรมานด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นี่เจ้ากำลังหมายความว่า จะให้ข้าไปตามหาหอฉงโหลว แล้วเข้าไปหากุญแจในหอฉงโหลวนั้น เจ้าเป็นคนบอกเองว่าหอฉงโหลวสามารถท่องไปทั่วทุกมุมโลก แล้วจะให้ข้าไปตามหาได้ยังไง? ”
เจดีย์เทพกล่าวว่า “หากเจ้ายอมรับภารกิจนี้ ข้าก็มีวิธีที่จะทำให้มันมาปรากฏอยู่ในเซี่ยโจว ไหนเจ้าบอกข้ามาซิว่าเจ้าจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “แล้วข้าจะได้อะไร? ”
“เลื่อนขั้นพลังวิญญาณเป็นขั้นจักรพรรดิระดับสูงสุด”
“แค่นี้เนี่ยนะ? ”
“นี่เป็นขีดจำกัดของพลังวิญญาณในเจดีย์เทพแล้ว หากเพิ่มมากเกินไปมันจะส่งผลไม่ดีกับตัวเจ้าเองนะ! ”
“งั้นข้าฝึกฝนทะลวงพลังวิญญาณเองก็ได้! ” มู่เฉียนซีรู้สึกว่าภารกิจที่เจ้าหมอนี่มอบให้นางนั้นไม่ได้ง่ายเลย
“ช้าก่อน! ยังมีข้อดีอีก! ” กลไกวิญญาณตะโกนกล่าว
“ใครก็ตามที่หากุญแจนั้นเจอ ก็จะได้เป็นนายท่านของข้า การที่เจ้าได้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพครอบครองนับว่าเป็นลาภลอยเชียวนะ”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้าบอกว่าลาภลอย? งั้นเจ้าก็คงจะเป็นมหาวัตถุศักดิ์นิรันดร์ใช่ไหม? ”
กลไกวิญญาณกล่าวอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ไม่เปรียบเทียบก็ไม่เจ็บปวด ขะ ข้า……เจ้าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้ยังไงกันล่ะ ขะ ข้า เอิ่ม……”
“แล้วเจ้าทำอะไรได้บ้างล่ะ? ”
“นี่เจ้าเข้ามาถึงนี่แล้วยังไม่รู้อีกเหรอ? เจดีย์เทพอย่างข้าแน่นอนว่าต้องคัดเลือกอัจฉริยะ เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่ปลูกฝังอัจฉริยะนั่นเอง”
“งั้นก็พูดได้อีกอย่างก็คือ เจ้าไม่มีพลังในการต่อสู้! ”
“เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่ช่วยเหลือเกื้อกูล เจ้าจะให้ข้ามีพลังในการต่อสู้อีกเนี่ยะนะ เจ้าจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ! ”
“ข้าก็แค่ชอบผู้ที่มีกำลังในการต่อสู้แข็งแกร่ง”
กลไกวิญญาณรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย มันกล่าวว่า “เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าไม่ตอบตกลงจะทำภารกิจนี้ ไม่ทำก็ไม่ทำ! ถึงอย่างไรเสีย หลายพันปีมานี้ข้าก็เคยขอให้คนอื่นทำภารกิจนี้ ถึงแม้ว่าหอฉงโหลวจะปรากฏขึ้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดแย่งชิงกุญแจมาจากหอฉงโหลวได้เลย”
“ข้าจะส่งเจ้าออกไป! ”
ในขณะที่กลไกวิญญาณจะส่งมู่เฉียนซีออกไป ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “อืม จะว่าไปเลื่อนขั้นเป็นขั้นจักรพรรดิในชั่วพริบตาเดียวก็ไม่เลวนะ”
“ห๊ะ! ” กลไกวิญญาณตกตะลึงขึ้น
“แล้วถ้าหากทำภารกิจไม่สำเร็จจะเป็นยังไงเหรอ? ” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“หากทำไม่สำเร็จ พลังวิญญาณก็จะกลับมาเป็นเช่นเดิม แต่ก็ไม่ได้ส่งผลร้ายแต่อย่างใด”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น ข้าตกลงรับทำภารกิจนี้ของเจ้า”
“จริง ๆ เหรอ? ” กลไกวิญญาณไม่อยากจะเชื่อ “แต่ยังมีอีกเรื่อง? ”
“เรื่องอะไร? ”
“เจ้ารู้จักคนนี้หรือไม่? ”
ทันทีที่กลไกวิญญาณขยับ ม่านแสงสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี ในม่านแสงนั้นปรากฏฉากในชั้นที่หกขึ้น จักรพรรดิเซี่ยกำลังตกอยู่ในความฝันและยังไม่ตื่น
“เขากำลังตกอยู่ในความฝันที่ลึกแสนลึก ไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่ากำลังฝันดีอะไรอยู่ถึงได้ฝันลึกเช่นนั้น หากหลังจากที่เจ้าออกไปและเจดีย์เทพได้ปิดผนึกลงตอนที่เขายังไม่ตื่นขึ้น เขาก็จะตายไปกับความฝันนั้นที่นี่”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ และถามว่า “แล้วจะช่วยเขาได้ยังไง? ”
ในตอนที่ได้หม้อเทพนิรันดร์ เขาก็ยื่นมือช่วยนางเอาไว้หลายครั้ง มิเช่นนั้นนางคงไม่ได้ทำพันธสัญญากับนิรันดร์ได้อย่างราบรื่นเช่นนั้นได้ เมื่อเดินทางมาป่าหนานอู้ เขาก็นำคนตามนางมาอย่างลับ ๆ อีก
นางไม่อยากให้เขามาตายที่นี่ นางถามขึ้นว่า “เจ้าเป็นกลไกวิญญาณ ไม่มีวิธีช่วยเขาได้เลยเหรอ? ”
กลไกวิญญาณกล่าว “ข้าเป็นกลไกวิญญาณ แต่คนที่ยอมรับการทดสอบของเจดีย์เทพก็ล้วนแต่ถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์ทั้งสิ้น ต่อให้เป็นข้า ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
“เจ้าบอกให้ข้ารู้เรื่องนี้แล้วไม่มีวิธีช่วยงั้นเหรอ? ”
“มี แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
“มีข้อแลกเปลี่ยน? ”
“ใช้รางวัลของเจ้าแลกกับชีวิตของชายผู้นั้น เจ้าจะเลือกผลกำเนิดเก้าวิญญาณหรือการเลื่อนขั้นพลังวิญญาณแลกกับชีวิตของเขาล่ะ? ”
จะเอาผลกำเนิดเก้าวิญญาณไปแลกไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้ว่าเขาจะยื่นมือช่วยนางเอาไว้หลายครั้งหลายครา แต่ในใจของนาง เขาไม่อาจเทียบกับท่านอาได้เลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าหลอกข้าอีกแล้วเหรอ ให้ข้ายอมรับทำภารกิจให้เจ้า เพื่อแลกกับการเลื่อนขั้นพลังวิญญาณ แต่สุดท้ายก็ให้ข้าเอาสิ่งนี้มาแลก”
กลไกวิญญาณกล่าวว่า “เจ้าจะไม่เลือกอะไรเลยก็ได้ ปล่อยให้เขาตายไป! หากเจ้ากับเขาไม่ได้รู้จักสนิทชิดเชื้อกัน ก็ปล่อยให้เขาตายไปเถอะ โอกาสที่จะได้เลื่อนขั้นพลังวิญญาณเป็นขั้นจักรพรรดินั้นหายากมากนัก”
“เฮ้อ! จะว่าไปก็เสียดายพรสวรรค์ที่สูงส่งของเขาเหมือนกันนะ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก นิสัยของเขาก็ไม่ได้เลวอะไร ถึงแม้ว่าจะสวมหน้ากากบดบังใบหน้าแต่ก็ดูออกว่าเป็นคนที่หน้าตางดงามมาก หรือว่าเจ้าจะช่วยชีวิตเขา แล้วให้เขาตอบแทนเจ้าทั้งกายทั้งใจ เช่นนี้เจ้าได้ก็จะได้บุรุษรูปงามมาครองแล้ว”