ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 452 แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มพลางกล่าว “อวี้ แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยกลัวตายอยู่แล้ว! ถึงแม้ว่าจะเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ข้าก็ยอมรับ ตายอย่างงดงามที่สุด”
น่าหลานอวี้ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ตัวตนของมู่เฉียนซีที่ปลอมตัวเป็นอาถิงถูกเปิดโปงเป็นครั้งแรก ทว่า มู่เฉียนซีรู้ดีว่าพวกเขาทั้งสองไม่ใช่คนปากโป้ง
เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไป การแข่งขันด่านที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น
เดิมทีเป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรที่จะเป็นคนประกาศการแข่งขัน แต่จู่ ๆ ผู้อาวุโสสี่ก็กล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องใช้หัวข้อของพวกเจ้าแล้ว นี่คือสูตรยาระดับเก้า หากใครสามารถหลอมออกมาได้ก็จะเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งของการแข่งขันในครั้งนี้”
ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรแข็งทื่อ ถึงแม้ว่าในสายตาของพวกเขาเซี่ยโจวจะเป็นที่ทุรกันดาร แต่ถึงอย่างไรแล้วงานนักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจวก็เป็นเรื่องของคนเซี่ยโจวอย่างพวกเขา การที่คนของหุบเขาหมอเทวดามายืนชี้นิ้วสั่งเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมาก
ผู้อาวุโสสี่เห็นว่าหัวหน้าพันธมิตรไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบแต่อย่างใด จึงกล่าวถามเสียงขรึมว่า “เป็นอะไรไป? หรือว่าเจ้าไม่ยอมรับในสิ่งที่ข้าพูด” ถึงแม้ว่าใบหน้าของคนของหุบเขาหมอเทวดาจะดูไร้พิษภัย ทว่าทุกคนเหล่านี้ล้วนแต่โหดร้ายทั้งสิ้น หากพวกเขาทำตัวไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอดแล้วล่ะก็ มีหวังงานนักปรุงยาร้อยปีอะไรนี่ก็คงจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้แน่ อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไปแล้ว
หัวหน้าพันธมิตรยิ้มพลางกล่าว “ท่านผู้อาวุโสสี่ คือว่าสูตรยาระดับเก้านี้เป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนัก ท่านผู้อาวุโสเอาให้คนอื่นเช่นนี้มันจะไม่มีปัญหาเอาหรือขอรับ? ”
ผู้อาวุโสสี่กล่าว “ยาระดับเก้าสำหรับข้าก็ไม่ได้พิเศษอะไรเลย คนเซี่ยโจวช่างเป็นกบในกะลาเสียจริง”
หัวหน้าพันธมิตร “หากเป็นเช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านผู้อาวุโสสี่ว่าก็แล้วกัน”
หัวหน้าพันธมิตรประกาศขึ้นว่า “การประลองในด่านที่สอง ให้นักปรุงยาหลอมยาระดับเก้า หากนักปรุงยาท่านใดสามารถหลอมได้สำเร็จ นับว่าเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง และหากมีนักปรุงยาหลายท่านหลอมออกมาได้สำเร็จ ก็ตัดสินกันที่คุณภาพของยาเม็ดนั้น”
ใบหน้าของผู้อาวุโสสี่หยิ่งผยอง สูตรยานี้ เกรงว่าจะไม่มีนักปรุงยาคนใดสามารถหลอมออกมาได้
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดา หลังจากที่เขาได้ดูการประลองฝีมือปรุงยาในรอบแรก เขาก็สามารถประมาณการนักปรุงยาเหล่านี้ได้คร่าว ๆ แล้ว
ยกเว้นเสียจากมีคนแอบซ่อนไม่กล้าแสดงฝีมือออกมา มิเช่นนั้นแล้วไม่มีทางที่นักปรุงยาเหล่านี้จะหลอมยาระดับเก้าสำเร็จได้ ถ้าหากว่ามีคนแอบซ่อนฝีมืออยู่จริง สามารถตลบตาเขาได้ และสามารถหลอมยาระดับเก้าได้ในขณะที่อายุยังน้อย เช่นนั้นต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีอย่างแน่นอน
ในขณะที่หัวหน้าพันธมิตรประกาศหัวข้อนี้ออกมา เหล่าบรรดานักปรุงยาก็แทบจะเป็นลมก็มิปาน
“หัวข้อการประลองเป็นเช่นนี้ไปได้ยังไง หัวหน้าพันธมิตรโหดเกินไปแล้ว! คงจะไม่อยากให้พวกเราผ่านแน่ ๆ !”
“ยาระดับเก้า พวกเราจะหลอมออกมาได้ยังไงกันล่ะ”
“……”
ชั่วครู่หนึ่ง เสียงบ่นร้องก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาหัวเราะกล่าวด้วยความเย้ยหยันว่า “สวะไร้ประโยชน์จริง ๆ แค่ยาระดับเก้าเม็ดเดียวก็สามารถหยุดคนพวกนี้ได้แล้ว”
“นั่นนะสิ! ศิษย์พี่ใหญ่หน่ะหลอมยาระดับเก้าออกมาได้สบาย ๆ เลยหล่ะจะบอกให้”
ส่วนมู่เฉียนซี ทันทีที่ได้ยินหัวข้อนี้ก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว ขิงแก่ย่อมเผ็ด ตาเฒ่าของหุบเขาหมอเทวดาผู้นี้ใช้วิธีการนี้เพื่อบีบบังคับให้พวกเขาเปิดเผยฝีมือที่แท้จริงออกมา
หัวหน้าพันธมิตรกล่าวว่า “ใครก็ตามที่ชนะอันดับหนึ่งในการประลองการปรุงยาครั้งนี้จะได้เป็นผู้กิตติมศักดิ์ในกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยา และจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยา! ”
“นักปรุงยาสามารถเลือกสมุนไพรวิญญาณได้ตามใจ และผู้ที่เข้ารอบสิบอันดับแรกจะมีสิทธิ์เข้าไปในดินแดนลึกลับของราชวงศ์อีกด้วย”
ในเวลานี้เขาจำใจต้องยกเอารางวัลที่ดีที่สุดมา เพื่อให้เหล่าบรรดาศิษย์ของเซี่ยโจวของพวกเขามีกำลังใจในการปรุงยาในครั้งนี้ และเพื่อให้คนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้หยุดดูถูกดูแคลนศิษย์ของเซี่ยโจวสักที
ต่อให้ถึงเวลานั้นจะมีคนหลอมยาระดับเก้าออกมาสำเร็จจริง ๆ และถูกคนของหุบเขาหมอเทวดาเลือกไป ก็ยังสามารถทำให้พวกเขารู้ว่ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาไม่ใช่คนที่พวกเขาจะมาดูถูกได้ง่าย ๆ ถึงตอนที่ตำแหน่งขึ้นพรวดพราดสมใจเมื่อไหร่ จะได้ปกป้องกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาได้
การปรากฏตัวของคนของหุบเขาหมอเทวดาทำให้เขารู้สึกว่า เขา และกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ในดินแดนอันกว้างใหญ่นี้
เชียนอ้าวเซี่ยมองดูสถานการณ์ตอนนี้ก็ขมวดคิ้วพลางกล่าวขึ้นว่า “อวี้ สถานการณ์ท่าไม่ดีแล้ว” เชียนอ้าวเซี่ยหันไปส่งสายตาให้มู่เฉียนซีเพื่อบอกเป็นนัยให้นางยอมแพ้
ในดินแดนลึกลับของราชวงศ์ เขาเป็นถึงองค์รัชทายาทเซี่ย แค่เสี่ยวซีบอกให้เขาช่วยเขาก็สามารถทำให้นางได้
เขาไม่ได้มีความสงสัยแม้แต่น้อยว่าเสี่ยวซีจะหลอมยาระดับเก้าออกมาไม่ได้ เขาก็แค่กลัวว่าพวกคนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นจะมีเจตนาที่ไม่ดี
มู่เฉียนซีเห็นสายตาที่ร้อนรนใจของเชียนอ้าวเซี่ยนางก็รู้ว่าเขาจะทำอะไร?
นางส่ายหน้า เดิมทีนางก็อยากจะยอมแพ้ ทว่า เงื่อนไขที่หัวหน้าพันธมิตรเสนอออกมานั้นช่างเย้ายวนใจนางเหลือเกิน
นางต้องการหาดอกเก้าพิฆาตลึกลับ ดังนั้นจำเป็นต้องใช้กำลังทั้งหมดของกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยา
น่าหลานอวี้กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “เซี่ย ดูเหมือนว่าซีเอ๋อร์จะไม่ยอมแพ้แน่ ในดินแดนลึกลับของราชวงศ์เจ้าอาจจะจัดการได้ แต่เงื่อนไขสองประการแรกเกรงว่า……”
“ดูท่าว่าจะต้องเตรียมตัวรับมือเอาไว้ก่อน อวี้ ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะมียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิ ก็จะต้องปกป้องเสี่ยวซีถอยออกมาให้ได้! ”
น่าหลานอวี้พยักหน้าพลางกล่าว “แน่นอน”
ต่อให้พวกเขารับมือไม่ไหว ก็ยังมีบุรุษที่อยู่ในความมืดอีกผู้หนึ่ง สำหรับเรื่องความปลอดภัยของมู่เฉียนซีแล้ว เขาเป็นกังวลมากที่สุด
ทว่า เรื่องที่พวกเขาสมควรทำนั้นพวกเขาก็จะทำมันอย่างเต็มที่และทำอย่างสุดความสามารถ การที่จะต้องพึ่งพาศัตรูหัวใจเพื่อปกป้องสตรีที่ตนเองรักนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าอย่างที่สุด
เงื่อนไขสามประการนั้นช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน ดังนั้นนักปรุงยาทุกคนจึงเริ่มทำการปรุงยาอย่างใจจดใจจ่อ
ตูมมมมมม ตูมมมม ตูมมมมม!
จากนั้นไม่นานนัก เสียงระเบิดของเตาหลอมยาก็ดังสนั่นขึ้น คนของหุบเขาหมอเทวดาก็กล่าวเย้ยหยันว่า “ช่างไม่เจียมกะลาหัวตัวเองเอาซะเลย”
แน่นอนว่ายังมีคนที่สั่งสมเก็บพลังจิตและกำลังใจไว้จากรอบแรกอยู่ ทว่า ยาระดับก้านี้ยากเกินกว่าที่จะหลอมออกมาได้จริง ๆ
ล้มเหลว! ล้มเหลว! ล้มเหลว! ไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้วที่หลอมยาล้มเหลวและต้องเดินออกจากสนามไป
มู่เฉี่ยนซียังคงอยู่ในสนามการแข่งขันและนางกำลังตั้งจิตตั้งใจหลอมยาระดับเก้าอยู่
ยาระดับเก้า นางยังไม่เคยลองหลอมมาก่อน นี่เป็นการหลอมยาระดับเก้าครั้งแรกของนาง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ไม่นานนางเป็นแค่ราชาแห่งภูตระดับต่ำ ไม่มีพลังจิตแข็งแกร่งพอที่จะควบคุมหลอมยาระดับเก้าออกมาได้
แต่เป็นเพราะรางวัลพลังวิญญาณที่ได้รับมาจากหอเทพนั้น พลังวิญญาณของนางตอนนี้ก้าวขึ้นมาเป็นราชาแห่งภูตระดับสูงสุด ดังนั้นจึงสามารถลองหลอมยาระดับเก้านี้ได้
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น พลังวิญญาณเพียงพอ พลังจิตก็เพียงพอ พรสวรรค์การปรุงยาและประสบการณ์การปรุงยาที่ผ่านมาของนาง ทำให้นางสามารถหลอมยาระดับเก้าออกมาได้สำเร็จ
“ห๊ะ! สาวน้อยผู้นั้น! ” ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสสี่สังเกตไปที่มู่เฉียนซี ส่วนสายตาเหล่าบรรดาศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาต่างก็จับจ้องไปที่มู่เฉียนซีดวงตาดุจดั่งงูพิษก็มิปาน “สาวน้อยผู้นั้นน่าจะอายุน่าจะประมาณสิบหกปีได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะหลอมยาระดับเก้าได้สำเร็จ! การหลอมยาระดับเก้าได้สำเร็จนั้น นอกจากจะต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งมากแล้ว ก็ต้องเป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตด้วย แต่สาวน้อยผู้นั้นไม่มีทางที่จะเป็นจักรพรรดิแห่งภูตได้”
“แต่ข้ารู้สึกเหมือนนางจะหลอมได้สำเร็จนะ”
พวกเขาต่างก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก หากเด็กอายุสิบหกปีสามารถฝึกฝนพลังวิญญาณเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตได้จริง ๆ และสามารถหลอมยาระดับเก้าออกมาได้ ในหุบเขาหมอเทวดาก็นับว่าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว สาวน้อยผู้นี้ หากท่านอาจารย์รับตัวกลับไปเป็นศิษย์แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงจะโดนเด็กสาวผู้นี้กดหัวเป็นแน่
.