ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 539 การต่อสู้ที่จุดสูงสุด
“ผู้นำใหญ่ทั้งแปดสามารถส่งเหล่าคนของตัวเองลงไปจะคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ กระทั่งพ่ายแพ้จนถึงที่สุด ผู้ที่เหลือเป็นคนสุดท้ายคือผู้ชนะ”
นี่ทําให้ผู้นำทั้งแปดต้องเข่นฆ่ากันอย่างถึงที่สุด ทําให้เกาะวิญญาณมรณะทั้งเกาะถูกสับเปลี่ยนอย่างสมบูรณ์
เขารู้มานานแล้วว่าพี่หลงมีความคิดเช่นนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะระเบิดออกมา
“พวกเจ้าตอบตกลงหรือไม่ ? หรือว่าพวกเจ้าทุกคนกลัวตาย ?”
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักโทษ แต่พวกเขาก็มีสถานะที่ดีบนเกาะวิญญาณมรณะ และยังมีช่วงเวลาที่ดี พวกเขาไม่ต้องการที่จะตายเร็วเกินไป
พี่หลงกล่าว “น้ำพุวิญญาณเทียนเหยียนของเกาะวิญญาณมรณะกําลังจะเปิดแล้ว ฝ่ายที่ชนะสามารถครอบครองสถานที่ได้ พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า ?”
พี่หลงทิ้งระเบิดหนัก ๆ ลงมาเช่นนี้ มีหรือที่ทุกคนจะยังสามารถสงบนิ่งอยู่ได้
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “โม่จิ่น นั่นคืออะไรรึ ?”
“น้ำพุวิญญาณเทียนเหยียนเป็นน้ำพุวิญญาณธรรมชาติของเกาะวิญญาณมรณะ แต่ถูกพี่หลงควบคุมไว้ ข้าได้ยินมาว่าการแช่ตัวในน้ำนั่นจะทำให้สามารถทะลวงผ่านขึ้นไปอีกระดับหนึ่งได้ อย่างพวกเรา แม้ว่าจะไม่สามารถเลื่อนระดับขึ้นได้แล้วเช่นนี้ แต่ก็สามารถเปลี่ยนสมรรถภาพทางกายได้มาก หลายคนจึงอยากได้จนน้ำลายไหลไม่อายคน!”
“เลื่อนขั้นขึ้นไปหนึ่งระดับงั้นรึ ?” มู่เฉียนซีถามทวนอีกหน นางที่พลังลดถอยไปมากจากการใช้ยา ก็อยากจะเลื่อนขั้นขึ้นไปโดยเร็ว น้ำพุวิญญาณเทียนเหยียนนี้ เห็นทีว่าจะมีประโยชน์อย่างมากต่อนาง
โม่จิ่นกล่าว “เป็นอะไรไป เจ้าสนใจมันหรือ? ตราบใดที่เจ้าช่วยให้ข้าชนะในครั้งนี้ สิทธิ์นั้นข้าให้เจ้า”
“เจ้าไม่เสียดายรึ ?” มู่เฉียนซีถามอย่างซื่อตรง
“ถึงอย่างไรน้ำพุวิญญาณนั่นก็เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพทางกายเท่านั้น สําหรับข้าร่างกายที่แข็งแกร่งไม่สําคัญเท่าชีวิต เจ้าว่าจริงหรือไม่ ?”
“เจ้าฉลาดมาก ข้อตกลงนี้ข้าขอคิดดูก่อนแล้วกัน” มู่เฉียนซีไม่ได้ตอบตกลงโดยตรง เพราะพลังการต่อสู้ของอีกฝ่าย นางเองก็ยังรู้ไม่แน่ชัด
โม่จิ่นกล่าว “ได้! แต่อย่างไรก็ตาม ตามกฎของการแข่งขันในตอนนี้ก็สามารถลงสนามได้ตลอดเวลา”
พี่หลงถามขึ้นว่า “พวกเจ้าตัดสินใจกันว่าอย่างไร ?”
“พวกเราตอบตกลง!”
“พวกเราก็ตกลง!”
“พวกเราก็เช่นกัน!…”
สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขาจะไม่ตอบตกลงก็ไม่ได้ หากไม่ตกลงก็จะเสียหน้า และพี่หลงก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่
“ดี! เช่นนั้นก็เปิดเวทีแข่งขันสัตว์กันได้เลย”
เวทีสัตว์ระดับราชาเป็นสีดําสนิท ขณะที่เวทีสัตว์ระดับจักรพรรดิกลับถูกเปิดออกกลางอากาศ กรงสัตว์วิญญาณนับไม่ถ้วนถูกแขวนไว้กลางอากาศและถูกส่งไปเวทีประลองกลางอากาศ
“โฮก!” เสียงคํารามของสัตว์ดังกึกก้อง ทําให้ผู้คนรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างหาที่เปรียบมิได้
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งถึงสามซึ่งไม่เท่ากัน แต่ที่มากที่สุดคือระดับสามอย่างแน่นอน
— ตูม! —
เสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้พี่หลงปรากฏตัวขึ้นบนเวทีประลองแล้ว
ทุกคนต่างพากันส่งเสียงดัง ใครเลยจะคาดคิดว่าการต่อสู้ระดับจักรพรรดิสนามนี้ จะเป็นการต่อสู้ของพี่หลงที่ลงสนามด้วยตัวเอง เช่นนั้นพวกเขา…
พวกเขาจะไปมีหวังได้อย่างไรกัน ?!
เมื่อพี่หลงลงสนามเอง เหล่าผู้นำใหญ่ทั้งหลายก็ไร้ซึ่งความกล้าในทันที พวกเขาแต่ละคนให้คนของตนเองซึ่งอยู่จุดสูงสุดของระดับจักรพรรดิไป
“ผะ ผู้นำ! พวกเรา…”
ฝ่ายตรงข้ามที่ต้องเผชิญหน้าไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นพี่หลงผู้เก่งกาจ พวกเขาทั้งหมดตกใจกลัวจนขาอ่อน
“หากไม่ยอมขึ้นไป ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ตายเสียตอนนี้ เจ้าเลือกเอาแล้วกัน”
การบังคับให้เข้าไปหาสมรภูมินองเลือดที่ฉาบหน้าด้วยคำว่าประลองเช่นนี้มันช่างโหดร้าย ทว่ามันก็ได้ผลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าพวกเขาจะกลัวมากเพียงใด ก็ทําได้เพียงขึ้นไปประลองเท่านั้น
ส่งคนคนเดียวไปคงไม่เพียงพอ เช่นนี้ก็ขอส่งไปเยอะสักหน่อยเถิด ในเมื่อพี่หลงบอกเองว่าไม่จํากัดจํานวนคน
ผู้นำกู่ลุกขึ้นยืน ขณะที่เซียวอู่ตะลึงงัน “พี่กู่ เจ้า… เจ้าคงจะไม่ลงสนามด้วยตัวเองกระมัง! แค่ให้พวกคนของเจ้าลงมือก็น่าจะได้แล้วมิใช่รึ ?”
ดวงตาของผู้นำกู่เต็มไปด้วยเจตนารมณ์การต่อสู้ เขากล่าว “พี่หลงนั่งอยู่ในบัลลังก์อันดับหนึ่งของเกาะวิญญาณมรณะมาเป็นเวลานานมากแล้ว วันนี้เขาให้โอกาสเราเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเราไม่ควรพลาดมันไปอย่างเด็ดขาด!”
ขณะที่ผู้นำกู่เลือกยอดฝีมือของเขาเพื่อเตรียมจะขึ้นไปที่เวทีประลองยุทธ์นั้น เซียวอู่รีบดึงเขาไว้ “พี่กู่ แต่นั่นคือพี่หลงนะ ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป ข้า… ข้าคง…”
— ปัง! —
ร่างกายของเซียวอู่ถูกตบจนกระเด็นออกไป
“เหตุใดข้าจะเอาชนะเขาไม่ได้ ? เจ้าดูถูกข้าเช่นนี้ ข้าโกรธมาก!”
— แคว่ก! —
เพราะพละกำลังของหัวหน้ากู่ เส้นด้ายและเสื้อคลุมของเซียวอู่จึงขาดออกเป็นชิ้น ๆ
ทันใดนั้น ทุกคนเห็นเงาร่างสีเขียวของคนผู้หนึ่งก็ตะลึงงัน
“คนผู้นี้เป็นใครกัน ?”
“โอ้สวรรค์! เหตุใดทุกอย่างเปลี่ยนเป็นสีเขียวเช่นนี้ล่ะ ?”
“ได้ยินเสียงเหมือนจะเป็นสาวงามเซียว แต่เหตุใดถึงกลายเป็นสีเขียวเช่นนี้ไปได้ หรือว่าถูกผู้นำกู่หลอกมากเกินไป จึงได้…”
“เหอะ! บางทีมันอาจจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ”
เซียวอู่ในเวลานี้ก็แทบอยากจะหาถ้ำแล้วมุดเข้าไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ใบหน้าของผู้นำกู่ก็เผือดซีด สายตาที่เย็นชาแฝงรังสีสังหารกวาดมองทุกคนจนพวกเขาไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย
“แฮ่ก! นั่น… นั่นผู้นำกู่ก็พาคนของพวกเขาขึ้นไปด้วย
โม่จิ่นที่ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว ในที่สุดเขาก็พุ่งขึ้นไปคนเดียว
“ผู้นำ! นั่นเจ้า!” สีหน้าเหล่าคนของของโม่จิ่นซีดขาว และคิดจะพุ่งตามขึ้นไป
โม่จิ่นกล่าว “ไม่! พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ไม่มีคําสั่งจากข้าก็ห้ามกระทําอันใดทั้งสิ้น!”
พี่หลงต้องการจะจัดการยอดฝีมือคนอื่น ๆ ให้สิ้นซาก และสุดท้ายก็จะรวบรวมขุมพลังของทั้งเกาะวิญญาณมรณะ
เมื่อยอดฝีมือทั้งหมดมาด้วยกัน จะทําให้เขาประสบความสําเร็จในแผนการของเขาเป็นแน่
พี่หลงมองโม่จิ่น เขากล่าว “เจ้าเด็กนี่ ช่างกล้าหาญเสียจริงนะ”
กู่เจว๋กล่าว “โม่จิ่น ข้านึกว่าเจ้าจะพาสาวน้อยคนงามคนนั้นขึ้นมาด้วยกัน ถึงตอนนั้นต่อให้ตายก็จะได้ตายด้วยกัน” โม่จิ่นกล่าวด้วยเสียงเยียบเย็น “ข้าคิดว่าหากนางขึ้นมา เจ้าจะต้องตายเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน”
“โฮก!”
เวลานี้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในกรงสัตว์ถูกปล่อยตัวออกมาอย่างกะทันหัน เหล่าสัตว์วิญญาณเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่ทุกคนในสนามแข่งขันอย่างบ้าคลั่งทันที
ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิ เหล่าผู้นำใหญ่ที่ขึ้นมา… นี่จะต้องเป็นการประลองที่สุดยอดอย่างแน่นอน
— ตูม! ตูม! —
การต่อสู้เริ่มขึ้น ทําให้ผู้ชมดูรู้สึกตาพร่ามัว บางคนรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาดำมองการต่อสู้ครั้งใหญ่ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“แม่นางน้อย การต่อสู้นี้โม่จิ่นไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่นอน เจ้ามากับข้าดีไหมเล่า ?! ต่อไปข้าจะปกป้องเจ้าเอง ปกป้องอย่างดีด้วย”
ชายชราที่ดูอายุราว ๆ เจ็ดสิบแปดสิบปีเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงบนใบหน้าของเขา
มู่เฉียนซีไล่อย่างเย็นชาทันที “ไสหัวไป!”
“นางคือแขกของผู้นำของพวกเราแล้วเจ้ายังกล้าคิดอะไรน่ารังเกียจอีก ไสหัวไปซะ!” เหล่าคนของโม่จิ่นก็โกรธกรุ่นขึ้นมาเช่นกัน
พวกเขาพากันแสดงอำนาจ ทําให้ทุกคนที่ตั้งใจจะก่อกวนมู่เฉียนซีไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็มีพวกที่หมั่นไส้พูดอย่างไม่พอใจว่า “พวกเจ้าจะเย่อหยิ่งไปไหนกัน ? รอดูโม่จิ่นถูกพี่หลงฆ่าตายเสียก่อนเถอะ ตอนนี้นดูสิว่าพวกเจ้ายังจะหยิ่งยโสอยู่หรือไม่”
คนที่ขึ้นไปบนเวทีสัตว์ ถ้าไม่ตายก็ไม่สามารถที่จะจากออกไปได้ นอกเสียจากว่าจะอยู่และครองชนะจนจบ
ในสายตาของพวกเขา โม่จิ่นคนเดียวไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพี่หลงได้อย่างแน่นอน
“สังหารด้วยเปลวเพลิง!” โม่จิ่นตะโกนออกมา เขานั้นเป็นผู้มีพลังภูตธาตุอัคคี แน่นอนว่าพลังสังหารของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก
เมื่อเห็นธาตุอัคคี ดวงตามู่เฉียนซีพลันส่องประกายออกมา เขาคือผู้มีพลังภูตธาตุอัคคีที่นางเคยเห็นนอกจากจวินโม่ซี
พลังธาตุอัคคีของโม่จิ่นกวาดผ่านมา สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำทําอะไรเขาไม่ได้ ทว่าสุดท้ายเขาก็ถูกคนล้อมไว้
“หึ ๆ ผู้นำโม่ มาดูกันว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน”
.