ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 618 การสอบในรอบเดือน
คนของห้องเรียนระดับต่ำหลายพันคนมารวมตัวกันอยู่ที่สนามแห่งนี้ อาจารย์ใหญ่ฉู่แห่งสำนักส่วนนอกกล่าวขึ้น “วันนี้เป็นวันสอบประจำเดือนของห้องเรียนระดับต่ำ การสอบในเดือนนี้จะมีศิษย์ทั้งหมดสิบรายชื่อที่จะได้เข้าไปเรียนในห้องเรียนระดับกลาง”
“สำหรับการสอบในครั้งนี้ง่ายนัก นั่นก็คือการขึ้นเขาหมอกแดง บนยอดเขามีธงอยู่สิบผืน หากผู้ใดคว้าธงและนำมันลงมาจากเขาเพื่อมอบให้ข้าได้สำเร็จ ก็นับว่าเจ้ามีรายชื่อได้เข้าไปเรียนในห้องเรียนระดับกลาง”
“ถึงแม้ว่าในครั้งนี้จะมีคนสอบไม่ผ่านก็จงอย่าได้ท้อแท้ สำนักศึกษาซวนเสียของพวกเรามีการจัดสอบเช่นนี้เดือนละครั้ง แต่ละเดือนพวกเจ้าล้วนมีโอกาสฝึกปรือ ทว่าหากผ่านไปสามปีแล้วมิสามารถเลื่อนขึ้นไปเรียนที่ห้องเรียนระดับกลางได้ จะต้องถูกเชิญออกไปอย่างถาวร”
ระยะเวลาสามปีพวกเขามีโอกาสทั้งหมดสามสิบหกครั้ง โอกาสสามสิบหกครั้งนี้จะว่ามากก็ไม่มากเพราะจำนวนทั้งหมดที่รับไปเรียนในห้องเรียนระดับกลางจากห้องเรียนระดับต่ำมีเพียงแค่สิบรายชื่อเท่านั้นเอง
น้อยจริง ๆ!
“เอาล่ะ ศิษย์ทั้งหลายจงตามข้ามาเถิด” ศิษย์จากห้องเรียนระดับต่ำทั้งหมดเดินตามอาจารย์ใหญ่และอาจารย์อีกหลายท่านไปจนถึงตีนเขาหมอกแดง
อาจารย์ใหญ่กล่าวขึ้น “พวกเจ้าอย่าได้ประมาทไป สัตว์วิญญาณที่เขาหมอกแดงแห่งนี้มีจำนวนไม่น้อยเลย พวกเจ้าต้องระวังตัวเข้าไว้ บัดนี้ ข้าขอประกาศให้การสอบในรอบประจำเดือนนี้เริ่มขึ้นได้!”
สิ้นเสียงอาจารย์ใหญ่ เหล่าศิษย์ทั้งหมดพุ่งไปที่เขาหมอกแดงด้วยความเร็วสูงสุดของตน
เพียงวูบเดียว มู่เฉียนซีสัมผัสได้ถึงลมเบา ๆ กระโชกผ่านร่างกายนางไปพร้อมกับแสงสีทองแสงหนึ่งที่พุ่งผ่านไป คนผู้นั้นคือหวังชวน
“คราวนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน อย่าคิดว่าเอาชนะจูเก๋ออี้เทียนในรอบจัดอันดับได้แล้วจะต่อกรกับข้าได้ ข้าจะบอกเจ้าไว้ว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้!”
“เจอกันที่ยอดเขา อย่าให้ข้ารอนานนักเล่า”
ด้วยพลังความสามารถของจักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม หวังชวนพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับมิได้ราบรื่นเหมือนดั่งเช่นหวังชวน นางถูกคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งรั้งเอาไว้
“ศิษย์น้อง เจ้าพอแค่นี้แหละ เส้นทางนี้ตันแล้ว”
“ใช่ จำนวนรายชื่อของผู้ที่จะได้ขึ้นไปเรียนในห้องเรียนระดับกลาง อย่างไรเสียก็ไม่เหลือถึงพวกเจ้าเหล่าศิษย์หน้าใหม่หรอก”
“ยอมแพ้ซะเถอะ”
ในตอนนี้เอง เงาร่างสีเขียวและสีดำวาบเข้ามา “พี่ใหญ่มู่ พวกกระจอกนี่ให้พวกข้าจัดการก็พอ ท่านไปชิงที่หนึ่งเถอะ”
โม่ซางคงกล่าว “พวกบ้านี่ล้วนแต่เป็นพวกที่หวังชวนส่งมาเพื่อลดทอนพลังกายของเจ้า เจ้าขึ้นไปชิงธงเถิด ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลากับพวกเขา”
มู่เฉียนซี “พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสิ่งที่ข้าถนัดที่สุดนั้นคืออะไร มดปลวกไร้ค่าแค่นี้รั้งข้าไว้ไม่อยู่หรอก”
เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งตรงเข้าใส่คนเหล่านั้นทันที พลังความสามารถของพวกที่มารังควานนางแทบจะอยู่ชั้นล่างสุด เรียกได้ว่าไม่มีความหวังในการมุ่งไปชิงสิบอันดับรายชื่อ ดังนั้นแล้วจึงได้ทำการตกลงกับหวังชวนเพื่อลดทอนพลังร่างกายและพลังวิญญาณของมู่เฉียนซี
ถึงแม้ปากของหวังชวนจะกล่าวออกมาอย่างมีความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมากแต่เขาก็ไม่ควรประมาท ในการประลองจัดอันดับ มู่เฉียนซีต่อสู้รวดเดียวก็สามารถไต่เต้าขึ้นไปได้ถึงลำดับที่เจ็ดและมีชื่อเสียงขึ้นมาในคราวเดียว
นางมีทักษะวิญญาณอันทรงพลัง นั่นยิ่งทำให้เขาหวาดหวั่นมากกว่าเดิม เพื่อที่จะให้ตนเองได้รับชัยชนะ แน่นอนว่าเขาต้องหาวิธีอะไรบางอย่างมาเพิ่มโอกาสชนะของตัวเองให้มากขึ้น
เมื่อเข็มยาของมู่เฉียนซีถูกปล่อยออกมา นางไม่รอให้เสียเวลาเปล่า รีบปล่อยผงพิษส่วนหนึ่งออกไปเล่นงานเจ้าพวกขี้โกง — ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
โม่ซางคงและฉินปาตะลึงตาค้าง พวกเขาลืมไปแล้วว่าเรื่องการใช้พิษทั้งหมื่นพิษของนางนั้นแข็งแกร่งแทบไม่มีใครเกิน
มู่เฉียนซียิ้มเยาะ “เหอะ ๆ ดูเหมือนว่าอาจารย์ใหญ่จะไม่ได้กล่าวเรื่องการใช้พิษต่อกรกับผู้อื่นกระมัง พวกเจ้ายังตะลึงงันกันอยู่ทำไม ?”
โม่ซางคง “ก็จริง เช่นนี้มิถือว่าผิดกฎแต่อย่างใด”
เวลาต่อมาเสียงของร่างทั้งสามพุ่งออกไป ทั้งเทือกเขาหมอกแดงก็ได้กลายเป็นครึกครื้นขึ้นมา …
“โฮก!”
เสียงคำรามของสัตว์ดังมาเข้าหูพอให้ตื่นเต้นเป็นช่วง ๆ มิเพียงแต่เหล่าศิษย์เก่าใหม่ที่ลงมือต่อสู้กันเองเท่านั้น สัตว์ต่าง ๆ ก็เริ่มออกมาผสมโรงด้วยแล้ว
พวกมู่เฉียนซีว่องไวมาก พวกเขาใกล้จะไล่ตามหวังชวนได้ทันแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับพบกับความซวยอย่างกะทันหัน เบื้องหน้าของพวกเขามีเจ้าตัวใหญ่ตัวหนึ่งยืนคำรามอยู่
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง มันคือพยัคฆ์สะท้านฟ้า!
หวังชวนหัวเราะเป็นการใหญ่ “ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้าโชคดีจริง ๆ น้อยคนนักจะได้พบกับพยัคฆ์สะท้านฟ้าโตเต็มวัยเช่นนี้ พวกเจ้าเข้าตาจนแต่จงสู้ต่อไป อย่าได้ถูกพยัคฆ์สะท้านฟ้ากินเข้าให้ล่ะ มิเช่นนั้นน้องชายคงได้เสียหญิงข้างกายผู้งดงามไปนางหนึ่ง”
สายตาของมู่เฉียนซีฉายแววเย็นยะเยือก ปากหนอปาก เจ้านี่มันรนหาที่ตายจริง ๆ
“เสี่ยวซี ข้าจะรั้งเจ้าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้เอง เจ้าไปที่ยอดเขาเร็ว ๆ เลย” โม่ซางคงรีบกล่าวลิ้นแทบพันกัน ฉินปา “ใช่แล้วพี่ใหญ่มู่ ท่านวางใจได้ ข้าต้องจัดการกับเจ้าพยัคฆ์สะท้านฟ้านี้ได้แน่”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว “เจ้าอย่าได้ไร้สาระ มาจัดการเจ้าตัวนี้ด้วยกันนั่นแหละดีแล้ว”
“โฮก!”
เมื่อเผชิญการล้อมจากทั้งสามคน พยัคฆ์สะท้านฟ้าอ้าปากคำรามก้อง
เสียงสัตว์คำรามก้องสะท้อนจนอาจารย์ใหญ่ฉู่ที่ได้ยินตะลึงงัน “พยัคฆ์สะท้านฟ้าถูกทำให้ตื่นขึ้นแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง นั่นมิใช่สิ่งที่เหล่าศิษย์รับมือได้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาล้วนมีขั้นไม่สูงเกินไปกว่าระดับสี่” “แย่แล้ว เดิมทีคิดว่าเจ้านั่นคงหลับอย่างสงบไม่ตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้ แต่มันดันตื่นขึ้นในตอนนี้พอดี พวกเราเตรียมตัวเอาไว้ จงเตรียมพร้อมออกช่วยเหลือตลอดเวลา”
“รับทราบขอรับ!”
เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีจากพยัคฆ์สะท้านฟ้า มู่เฉียนซีลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ แขนขาวนวลทว่าไม่อ่อนแอยกขึ้นมากางฝ่ามือตบพลังลงพื้นดินทันที
“ทักษะเทียนซวน!” นางตะโกน
— ตูม! ตูม! —
พลังจากทักษะเทียนซวนตกกระทบลงไปบนตัวพยัคฆ์สะท้านฟ้า แต่นั่นสามารถทำได้เพียงแค่ให้ขนมันร่วงไปเส้นเดียวเท่านั้น
เงาร่างสีเขียวกะพริบผ่านออกไป การโจมตีของผู้มีพลังภูตธาตุวายุจากโม่ซางคงพลันพุ่งเข้ามา
ฉินปาร้องคำรามลั่น เขาเองก็ออกไปต่อสู้อย่างสุดแรง
— ตูม! ตูม! ตูม! —
พลังหลายชนิดปะทะเข้าด้วยกัน ทำให้ต้นไม้ที่อยู่รอบบริเวณนั้นหักล้มระเนระนาด ทว่าพยัคฆ์สะท้านฟ้ากลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อยและมันกระโจนเข้ามาอย่างเคืองแค้น เป้าหมายของมันคือมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีคนเดียวเท่านั้น
มู่เฉียนซีใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวเงาเทวาหลบการโจมตีจากพยัคฆ์สะท้านฟ้าไปได้อย่างรวดเร็ว ฉับพลันร่างของนางร่นถอยหลังไปไกล นางขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ความรุนแรงของทักษะเทียนซวนถือว่ายังขาดพลังไปบ้าง พลังทำลายที่นางมั่นใจกลับกลายเป็นพลังน้อยนิดซึ่งไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับมันได้
มีเพียงแต่พลังที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่สามารถทำอันตรายแก่มันได้ จิ่วเยี่ยสอนนางมานานแล้ว แต่เพราะพลังวิญญาณไม่เพียงพอนางจึงทำไม่สำเร็จ
เมื่อเห็นว่าหวังชวนได้ขึ้นไปถึงบนยอดเขาแล้ว โม่ซางคงก็กล่าวขึ้น “เสี่ยวซีรีบไป! พวกเราจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้เอง พวกเราไม่เป็นไร เดือนนี้ไม่สามารถเลื่อนชั้นเรียนได้ก็ยังมีเดือนหน้า”
ฉินปารีบกล่าวสำทับ “ใช่แล้ว เวลาเพียงหนึ่งเดือนพวกเราสามารถรอได้ แต่ว่าพี่ใหญ่มู่จะให้ไอ้คนเลวเช่นนั้นได้ใจไปมิได้”
มู่เฉียนซี “ไม่! ข้าไม่อยากทำให้พวกเจ้าต้องเสียเวลาเพราะข้า” พลังวิญญาณในเวลานี้นั้นขาดแค่เพียงไม่มากนัก แน่นอนว่านางมีวิธีเติมเต็มมัน
ขอแค่เพียงทำให้พลังของทักษะเทียนซวนมีอานุภาพที่ทรงพลัง พยัคฆ์สะท้านฟ้าก็มิใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป
มู่เฉียนซีกลืนยาเข้าไปเม็ดหนึ่ง พลังวิญญาณในร่างของนางพลันเต็มอิ่ม
ในตอนนี้เอง พยัคฆ์สะท้านฟ้ามุ่งมาทางมู่เฉียนซีอย่างดุดัน ถ้าหากว่าถูกมันโจมตีเข้าละก็ เกรงว่ากระดูกคงป่นไปทั้งตัวแน่
“เสี่ยวซี!” “พี่ใหญ่!”
โม่ซางคงและฉินปารู้สึกตึงเครียดอย่างที่สุด
เหล่าอาจารย์ที่ซุ่มดูอยู่ก็ตึงเครียดไม่ต่างกัน พวกเขานั้นตั้งใจจะเข้าไปช่วยเพราะสาวน้อยที่กำลังจะถูกโจมตีผู้นี้ไม่มีทางหลบได้พ้นอย่างแน่นอน
แต่อาจารย์ใหญ่ฉู่ดึงตัวพวกเขาเอาไว้ “ช้าก่อน รออีกสักหน่อย”
นี่เป็นลูกศิษย์วิปริตที่ท่านผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นฝึกสอนมา ไม่แน่ว่าบางทีนางอาจมีวิธีรับมือกับมันก็เป็นได้ หากพวกเขาออกตัวไปช่วยอย่างกะทันหันอาจเป็นการไปทำให้เสียเรื่องโดยเปล่าประโยชน์
ต้องทราบก่อนว่าการที่อาจารย์แทรกแซงเข้าช่วยเหลือศิษย์ที่กำลังได้รับอันตรายในการสอบ นั่นหมายถึงว่าศิษย์ผู้นั้นสละสิทธิ์ในการสอบครั้งนั้นไป
มู่เฉียนซีสูดลมหายใจเข้าไปหนึ่งเฮือกใหญ่ นางดูดเอาพลังวิญญาณทั้งหมดของตนและประสานเข้าด้วยกันอย่างเหนียวแน่นก่อนจะปลดปล่อยมันไปทางพยัคฆ์สะท้านฟ้า
“ทักษะเทียนซวน!”