ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 658 อันดับสองและอันดับหนึ่ง
แม้ฉูห้าวนั้นจะมิใช่ศิษย์ผู้ที่โดดเด่นมากนัก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนอื่น ๆ นับว่าไม่เลวเลย มิเช่นนั้นก็คงจะไม่มีคนมารายงานข่าวให้เขาทราบอย่างทันท่วงที
ฉูห้าวถามขึ้น “พี่ใหญ่มู่ พวกเราจะเอายังไงต่อดี ?”
ในสถานการณ์เช่นนี้นิ่งเงียบเอาไว้เสียช่วงหนึ่งคงจะดีกว่า และด้วยคะแนนที่สูงเป็นอย่างมากของพี่ใหญ่มู่ในตอนนี้ การเข้าไปอยู่ในรายชื่อสิบอันดับแรกนั้นอย่างไรก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ไม่ ข้าชอบทำเรื่องที่มีความท้าทายมากกว่า”
มู่เฉียนซีมิใช่ว่าอยากหาความวุ่นวายให้แก่ตนเอง แต่เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น นางได้พบกับคู่ต่อสู้จำนวนไม่น้อย อีกทั้งนางยังติดค้างอยู่ที่จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งและยังไม่สามารถทะลวงผ่านไประดับที่สองได้เสียที นางคิดว่าการก้าวผ่านไปยังระดับสองได้จะต้องมีความกดดันที่รุนแรงช่วยพลักดัน
ก่อนหน้านี้แม้จะสู้กับผู้ที่อยู่อันดับที่สามก็ยังไหว มาตอนนี้แม้แต่อันดับสอง นางก็ลองสู้ดูได้
เวลานี้ผู้ที่จัดอยู่อันดับสองของห้องเรียนระดับสูงกำลังรอนางอยู่ นางไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรแล้ว
แน่นอนว่าถ้าหากพ่ายแพ้การเดิมพันในครั้งนี้ มิเพียงแค่ไม่สามารถทะลวงผ่านไปยังอีกขั้นหนึ่งได้ แต่มันยังจะทำให้ตัวนางพ่ายแพ้ในการสอบเข้าเป็นศิษย์สำนักส่วนในในครั้งนี้ด้วย
เพื่อเพิ่มพลังความสามารถ นางจำเป็นต้องเดิมพันในครั้งนี้
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม “หากเจ้าเกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดอันใด เจ้าจะแยกทางกับข้าก็ได้”
ฉูห้าวหัวเราะร่วน “ฮ่า ๆ ๆ พี่ใหญ่มู่ ข้าบุกฝ่าฆ่าฟันร่วมกับเจ้ามาแล้วสามวัน ได้พบเจออะไรที่มันนอกเหนือความคาดหมายมาก็มากมาย เจ้าคิดว่าข้ายังหวาดกลัวเหตุไม่คาดฝันอันใดอีกหรือ ?”
“เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”
มู่เฉียนซีลงเขาไปตามเส้นทางเดิม ระหว่างทาง เงาร่างสีขาวเงาหนึ่งวาบผ่านมา ปีกสยายสวยสง่าโผเข้ามากั้นขวางตรงหน้าของนางเอาไว้
“ทั้งที่มีคนส่งข่าวให้แก่ศิษย์น้องคนงามของเราไปแล้ว แต่เจ้าก็ยังเลือกมาเส้นทางนี้ ดูแล้วเจ้าจะมั่นใจในตนเองมากนะ ไม่เสียทีที่เป็นม้ามืดวิปริตแห่งสำนักศึกษาซวนเสียในสามเดือนมานี้ หึ ๆ ๆ” ดวงตาขาวราวกับเม็ดทรายจ้องมองมาที่นาง
“ในเมื่อเจ้ารู้เช่นนี้ก็ยังกล้ามายืนอยู่ตรงนี้อีก ความกล้าของเจ้าเองก็น่านับถือนัก” มู่เฉียนซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“อืม ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะต้องสู้กับเจ้าแล้วล่ะศิษย์น้อง” ไป๋ชายิ้มอย่างเล่นหูเล่นตามากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อปีกสีขาวปีกนั้นของเขาเริ่มขยับ ขนบนปีกแปรเปลี่ยนกลายเป็นมีดแหลมคมขึ้นมาทันที มันพุ่งไปทางมู่เฉียนซีอย่างไม่รีรอ
— ฟึ่บ! —
เข็มยาของมู่เฉียนซีก็พุ่งออกไปในทันทีเช่นกัน เรื่องของการใช้อาวุธลับนั้น ไม่มีใครกลัวใครทั้งสิ้น และอาวุธลับของนาง ยังสามารถแฝงพิษเข้าไปด้วยได้อีกต่างหาก
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
การเผชิญหน้าในครั้งแรกนั้นทั้งสองฝ่ายไม่มีใครได้เปรียบใครอย่างง่ายดาย ทว่าต่อมาไม่นานนัก พื้นใต้เท้าที่มู่เฉียนซียืนอยู่ก็เปลี่ยนกลายเป็นทรายดูดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เมื่อเห็นว่าทั้งร่างของมู่เฉียนซีจะโดนดูดลงไปในทรายดูดนั้น ฉูห้าวก็ร้องขึ้น “แย่แล้ว! ไป๋ชามีพลังพิเศษอย่างมากชนิดหนึ่ง นั่นคือพลังภูตทราย มันสามารถเปลี่ยนให้ผืนดินกลายเป็นทรายดูดที่กักขังผู้ที่ถูกดูดเอาไว้ได้”
“มังกรวารีพิฆาต!” มู่เฉียนซีตะโกนก้อง เหอะ! ก็แค่ทรายดูดงั่ง ๆ ใครคิดว่านางจะยอมแพ้กันเล่า!
มังกรสีฟ้าแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกพุ่งทะยานออกไปเข้าแช่แข็งทรายดูดที่อยู่ตรงหน้านี้ในทันที มู่เฉียนซีพึงพอใจกับผลลัพธ์ นางพุ่งผ่านผืนทรายดูดนั้นไปพร้อมกับกระโดดขึ้นไปกลางอากาศตามด้วยปล่อยพลังตรงไปทางไป๋ชา
“ทักษะเทียนซวน!”
— บึ้ม! —
ไป๋ชาสามารถหลบการโจมตีของมู่เฉียนซีไปได้ เขารีบสร้างกำแพงทรายขึ้นมาต้าน
“แม้แต่ทรายดูดของข้าก็ยังสามารถทำลายมันได้ ช่างร้ายกาจจริง ๆ เจ้านั้นมิใช่จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งธรรมดา ๆ”
“พูดมากจริง!” มู่เฉียนซีเริ่มรำคาญแล้ว
“ข้าเองก็มิใช่ว่าไม่เคยพบผู้มีพลังภูตธาตุวารีมาก่อน เพียงแต่ข้าไม่เคยพบผู้ที่มีคุณสมบัติทางทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นเจ้า ข้านั้นยิ่งสนใจในตัวเจ้ามากขึ้นทุกทีแล้ว” ไป๋ชากล่าวพร้อมยิ้มตาหยี
“แต่ข้าไม่สนใจในตัวเจ้าเลยสักนิด” มู่เฉียนซีตอบกลับอย่างเผ็ดร้อน
— ปัง! —
นางท้าทายขีดจำกัดทั้งหมดของไป๋ชา เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของสตรีตรงหน้าผู้นี้ทำให้ไป๋ชารู้สึกหวาดกลัว
ถึงแม้จะใช้ปีกขาวลอบโจมตีก็ยังถูกนางตรวจพบตั้งแต่แรกและโจมตีสวนกลับเสียจนพังไม่เป็นท่า พลังจิตแห่งการตรวจจับรับรู้ของนางนั้นแข็งแกร่งในระดับที่น่ากลัวมาก
และไหนจะยาพิษของนางอีก!
นี่เป็นการต่อสู้ที่ตึงมือมาก ไป๋ชารู้สึกได้อย่างลึกซึ้งถึงความน่ากลัวของแม่นางมู่เฉียนซีผู้นี้ไปเป็นที่เรียบร้อย
มิน่าล่ะ นางถึงเอาชนะผู้อื่นได้จำนวนมากมายเช่นนั้น และยังได้คะแนนสูงด้วย
“ทักษะตี้ซวน”
“ทักษะเทียนซวน!”
— ตูม! —
ทักษะทั้งสองถูกปล่อยออกไปซ้อนกัน พุ่งเข้าทำลายกำแพงทรายของไป๋ชาพร้อมทำให้ตัวของเขานั้นกระเด็นลอยออกไป
ขนนกสีขาวลอยกระจายร่วงลงสู่พื้น และลูกซวนจูของเขานั้นก็ได้ถูกย้อมเป็นสีโลหิตแดงฉาน
ไป๋ชากล่าวอย่างจนปัญญา “ข้าแพ้… ข้าพ่ายแพ้หมดท่าแล้วจริง ๆ”
ฉูห้าว “เหอะ! เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ ๆ เลย”
ขวางทางใครไม่ขวางมาขวางทางมู่เฉียนซี ช่างหาเรื่องใส่ตัวเสียจริง ทว่ามู่เฉียนซี แม้นางจะชนะฝ่ายตรงข้ามแล้ว กลับไม่ได้ดีใจแต่อย่างใดเพราะยังเหลืออีกนิด อีกนิดเดียวนางก็จะทะลวงผ่านไปยังระดับสองได้
“นี่คือลูกซวนจูของข้า” ไป๋ชากล่าวอย่างหนักแน่น เขาแพ้แล้วจริง ๆ วันนี้เขาได้เรียนรู้ว่าตนเองก็เป็นผู้ที่พ่ายแพ้ได้เช่นกัน เวลานี้จำต้องยอมมอบลูกซวนจูให้แก่มู่เฉียนซีแต่โดยดี
มู่เฉียนซีบีบลูกซวนจูนั้นจนแตก คะแนนของนางพุ่งพรวดขึ้นอีกครั้ง
อาจารย์ใหญ่ฉู่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจทันที “คราวนี้มู่เฉียนซีไปเอาชนะใครได้อีก ? เพียงเวลาแค่ไม่นานคะแนนก็พุ่งขึ้นมามากมายในคราวเดียวอีกแล้ว”
“คะแนนพุ่งถึงเพียงนี้ ข้าคิดว่าอย่างน้อยก็คงเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของสำนักส่วนนอกของพวกเจ้า”
“ครานี้สำนักศึกษาซวนเสียของพวกเรามีศิษย์วิปริตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน นางเข้ามาศึกษาที่สำนักเราได้แค่เพียงสามเดือนเท่านั้นเอง” อาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาส่วนในอดถอนหายใจมิได้
หลังจากที่คะแนนของมู่เฉียนซีพุ่งสูงขึ้น ไป๋ชาก็ยิ้มก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ศิษย์น้องคนงาม เจ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วไป ยังมีคนอยู่ผู้หนึ่งที่ไม่ค่อยพอใจกับคะแนนของตนที่ต่ำนัก และตอนนี้เขากำลังรอเจ้าอยู่ที่ด้านล่างของภูเขา สำหรับเขาแล้วตัวเขาเองคือที่หนึ่งตลอดกาล ผู้อื่นจะมาแย่งชิงตำแหน่งนั้นไป ย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายให้แก่เรื่องนั้นไม่น้อยเลย”
ฉูห้าวตะลึงงัน “เจ้าหมายถึงผู้ที่อยู่อันดับหนึ่งนามว่าหานฉู่น่ะรึ ?”
ไป๋ชากล่าว “นอกจากเขาแล้วยังจะมีผู้ใดอีกเล่า ? เจ้านี่ก็ถามโง่ ๆ”
ผู้ที่เป็นถึงอันดับหนึ่งของสำนักส่วนนอกกลับได้คะแนนในการสอบครั้งนี้ไม่ถึงหนึ่งพันคะแนน นั่นเป็นเรื่องที่น่าหดหู่เรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เช่นนั้นข้าต้องพักผ่อนให้ดีสักครู่หนึ่งก่อน เพื่อรอให้พร้อมสู้กับเขาสักครา”
เหลือแค่เพียงอีกนิดเดียวเท่านั้น อีกเพียงนิดเดียวที่นางจะทะลวงผ่านไปเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง หวังว่าหานฉู่ผู้เป็นที่หนึ่งแห่งสำนักส่วนนอกจะสามารถช่วยได้
ฉูห้าวนั้นไม่ตกตะลึงกับการตัดสินใจของมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงเดินตามนางไปเงียบ ๆ เท่านั้น
เมื่อพักผ่อนไปได้ครู่หนึ่งแล้ว ฉูห้าวกับมู่เฉียนซีก็พุ่งลงไปทางข้างล่างตีนเขา
“พี่ใหญ่หาน! มู่เฉียนซีมาแล้ว”
“หญิงสาวชุดสีม่วงผู้นั้นคือมู่เฉียนซี”
…
แน่นอนว่าทันทีที่มู่เฉียนซีลงเขามา ก็มีคนส่งข่าวไป
ไม่นานนักดาบเล่มใหญ่เล่มหนึ่งก็ฟาดฟันลงมาขวางที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีเอาไว้ ทำให้พื้นตรงนั้นแยกออกเป็นหลุมขนาดใหญ่
สายตาเฉียบคมคู่นั้นมองไปยังมู่เฉียนซี “เจ้าคือมู่เฉียนซีนี่เอง ตอนนี้เจ้ามีคะแนนอยู่เท่าไร ? มอบมันมาให้ข้าทั้งหมดซะ! ข้านั้นรังเกียจที่จะสู้กับสตรี”
หานฉู่เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่กํายําผู้ที่หยิ่งทะนงและดูแคลนสตรีเพศยิ่งกว่าสิ่งใด
“ข้ามีอยู่สามพันคะแนน ศิษย์พี่หานฉู่ แน่ใจหรือว่าจะกลืนคะแนนจำนวนมากมายเช่นนี้ได้ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม
“สามพันคะแนนเลยรึ ?!” หานฉู่อ้าปากค้าง คะแนนของเขาเองยังไม่ถึงพันด้วยซ้ำ แต่หญิงสาวผู้นี้กลับเก็บคะแนนไปแล้วสามพันคะแนน
เขาผู้ซึ่งเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอดเทียบไม่ได้กับสตรีนางหนึ่ง นั่นเป็นเรื่องที่ไม่อาจทนได้
หานฉู่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าสามารถเขมือบกลืนมันลงไปได้ แน่นอนว่าข้าก็เขมือบกลืนได้เช่นกัน เจ้าส่งมอบมันออกมาซะโดยดี มิเช่นนั้นข้าจะลงมือ แขนขาเล็กบางเช่นเจ้ามาถูกพยัคฆ์อย่างข้าฟันขาดเข้าเสีย เช่นนั้นมันจะไม่ดีเอา”
ปลายนิ้วของมู่เฉียนซีขยับ เข็มยาหลายเข็มพุ่งออกไป
“เช่นนั้นก็ต้องมาดูกันว่าเจ้าจะฟันโดนหรือไม่ ?” มู่เฉียนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
— แกร๊ง! —
เข็มยาได้ถูกดาบใหญ่เล่มนั้นกันเอาไว้
“เจ้าใช้กลอุบายปีศาจเช่นนี้เอาชนะคนอื่นไปมากมายเกินไปกระมัง เสียใจด้วย! มันไม่มีผลอะไรกับข้าและคะแนนของเจ้าก็ต้องเป็นของข้า” หานฉู่ยกดาบใหญ่เล่มนั้นขึ้น
ทั้งสองเคลื่อนไหวต่อสู้พัวพันกันเร็วมาก แทบมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร