ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 661 กลับไปนอน
ในห้องตำราของอาจารย์ใหญ่นั้นไม่ได้ทิ้งเบาะแสอะไรไว้เลย ทว่า นางกลับพบกับบันทึกบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ
นางสงสัยว่ากระบี่มังกรเพลิงกับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นจึงได้หยิบตำราสะสมบางเล่มของอาจารย์ใหญ่ขึ้นมาอ่าน แต่เปิดอ่านแล้วก็ยังไม่เจอเบาะแสใดที่เป็นประโยชน์
“ใครอยู่ข้างใน!” เงาร่างร่างหนึ่งได้พรวดเข้ามา!
เคร้ง! พลังของกระบี่เล่มนั้นได้ผ่าโดนเก้าอี้จนขาดสะบั้น
ถูกจับได้แล้ว มู่เฉียนซีเปิดหน้าต่างกระโดดออกไป หนีก่อนดีกว่า!
ถึงแม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าการที่บุกเข้ามาในห้องอาจารย์ใหญ่ในยามดึกเช่นนี้จะเป็นการฝ่าฝืนกฎของสำนักศึกษา และโดนไล่ออกหรือไม่ แต่ระวังเอาไว้ก่อนดีกว่า
ทว่า คนผู้นั้นกลับไล่ตามมู่เฉียนซีมาอย่างไม่ยอมเลิกรา ร่างสีเงินพรวดเข้ามาขวางหน้ามู่เฉียนซีเอาไว้ราวกับสายฟ้า
ทันทีที่มองก็เห็นว่าเป็นคนแปลกหน้า หญิงสาวแปลกหน้า
รูปร่างหน้าตาดีมาก ทั้งสำนักส่วนในไม่มีใบหน้าของผู้ใดที่งดงามประณีตได้เทียบเท่านางอีกแล้ว
มู่เฉียนซีมองไปที่ชายตรงหน้าผู้นี้เช่นกัน ดู ๆ แล้วอายุน่าจะประมาณยี่สิบกว่าปี ใบหน้าช่างดูหล่อเหลา และมีเสน่ห์ภายใต้แสงจันทร์นวล แต่แววตาที่มองนางนั้นกลับแหลมคม และเย็นชาเกินไป
“เจ้าแอบลอบเข้ามาในห้องตำราของอาจารย์ใหญ่ มีแผนร้ายใดกันแน่!”
มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “ข้าจะมีแผนร้ายใด แล้วทำไมต้องบอกเจ้าด้วย ?”
“ข้าไม่เคยเห็นเจ้าในสำนักส่วนในมาก่อน เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”
“ข้าก็ไม่ได้มีความสมัครใจที่จะบอกเจ้า!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าต้องกลับไปนอนแล้ว ส่วนเจ้า ขวางทางข้าแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“หากคืนนี้เจ้าไม่สารภาพออกมาให้กระจ่าง ก็อย่าได้คิดไปไหนทั้งนั้น!” กระบี่ยาวสีเงินเล่มหนึ่งถูกชักออกจากฝัก และลงมือกับมู่เฉียนซีทันที
แกร๊ง! มู่เฉียนซีก็ชักกระบี่มังกรเพลิงออกมาต้านทาน!
ประสิทธิภาพของกระบี่ยาวสีเงินเล่มนี้ไม่เลวเลย มีเพียงแค่ยอดปรมาจารย์นักหลอมอาวุธเท่านั้นที่สามารถหลอมออกมาได้ ดู ๆ แล้วสถานะในสำนักส่วนในของเจ้าหมอนี่คงจะไม่ต่ำเลย! มู่เฉียนซีคิดในใจ
“เจ้าโจรน้อย พลังเพียงเล็กน้อยแค่นี้ก็กล้ามาทำตัวเกเรในสำนักศึกษาซวนเสียของข้า!” ซวนอี้กล่าวอย่างดูถูกดูแคลน
มู่เฉียนซีรีบถอยหลัง และกวัดแกว่งมือไป นางกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าหนุ่ม กระบี่ของข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า เจ้ารับมือให้ดีก็แล้วกัน!”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงตัวหนึ่งทะยานตัดผ่านอากาศ พุ่งตรงไปที่ซวนอี้
สำหรับหญิงสาวที่มีพลังแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองผู้นี้ ซวนอี้นั้นดูเบาคู่ต่อสู้ไปหน่อยแล้ว หลังจากที่มังกรเพลิงสีแดงฉานได้ห้อมล้อมเขานั้น สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปทันที
ตูม! ร่างของเขากระเด็นลอยออกไป
มู่เฉียนซีก็รีบถอยหนี พลางกล่าวว่า “พ่อรูปหล่อ ดึกดื่นเช่นนี้แล้วอย่ามาเดินเล่นอยู่ข้างนอกเลย เจ้ารีบกลับไปนอนเถอะนะ ข้าไม่เล่นเป็นเพื่อนเจ้าแล้ว!”
ถึงแม้ว่าจะถูกจับได้ว่าแอบเข้าไปในห้องตำราของอาจารย์ใหญ่ยามดึก แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่า มู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้อยากจะฆ่าปิดปากเช่นกัน
คงจะไม่โดนไล่ออกหรอกกระมัง! ตอนนี้อาจารย์ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่สำนักศึกษา อาจารย์ของนางใหญ่สุด!
“ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!” เมื่อร่างนั้นได้อันตรธานไป ซวนอี้ก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
เนื่องจากการฝึกฝนของผู้อาวุโสสูงสุด ในตอนที่มู่เฉียนซีเลื่อนขั้นจักรพรรดิระดับสองนั้น พลังความแข็งแกร่งของนางก็คงที่มาก
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “การฝึกฝนในวันนี้ไม่ได้มีผลต่อเจ้ามากนัก เจ้าควรจะเลื่อนขั้นไปต่อสู้ในสนามจริงสักหน่อยนะ”
“ในสำนักส่วนในนี้จะต่อสู้สนามจริงได้เช่นไร ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“อ๋อ!” ผู้อาวุโสสูงสุดเพิ่งจะนึกออก เป็นเพราะว่าตนเองนั้นได้ให้ความสนใจในการฝึกฝนกับสาวน้อยอัจฉริยะผู้นี้มากเกินไปแล้ว จึงลืมอธิบายกฎของสำนักส่วนในกับนาง
“ค่อก ค่อก ค่อก! มันเป็นความผิดของอาจารย์เอง อาจารย์ลืมบอกกฎของสำนักส่วนในกับเจ้าไป”
“สำนักส่วนในของเรามีหอรวมวิญญาณอยู่ หอรวมวิญญาณมีทั้งหมดเก้าชั้น อาจารย์ใหญ่คนแรกได้หลอมเอาไว้ เขาเป็นนักหลอมอาวุธผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง”
“สำนักศึกษาซวนเสียเรามีนักเรียนทั้งหมดแค่สามร้อยกว่าคนเท่านั้น ส่วนหอรวมวิญญาณก็มีห้องฝึกฝนแค่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ห้อง ห้องฝึกฝนชั้นแรกมีสี่สิบเก้าตำแหน่ง ชั้นที่สองมียี่สิบแปดตำแหน่ง ชั้นที่สามมีสิบสามตำแหน่ง ชั้นที่สี่…ชั้นที่เก้ามีหนึ่งตำแหน่ง”
“หากเจ้าจะยึดครองห้องฝึกฝน เจ้าก็ต้องท้าประลองกับเจ้าของของห้องฝึกนั้น เจ้าถึงจะใช้ห้องฝึกนั้นได้”
“ขึ้นไปถึงชั้นที่แปด เจ้าก็ควรจะใช้เวลาอันสั้นทะลวงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามได้แล้ว พยายามเข้าหล่ะ!” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวให้กำลังใจ
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ท่านอาจารย์ ทำไมถึงไม่เป็นชั้นที่เก้าล่ะ! ตำแหน่งชั้นที่เก้าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ!”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “สาวน้อยซี ข้ายอมรับว่าเจ้าเก่งกาจ แต่คู่ต่อสู้ชั้นเก้านั้นไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะเอาชนะได้ง่าย ๆ หากเจ้าสามารถเอาชนะศิษย์ของตาเฒ่าซวนได้ อาจารย์ก็จะยิ่งชื่นชมเจ้า”
ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น “ที่แท้อาจารย์ใหญ่ซวนก็ยังมีศิษย์งั้นเหรอ ?”
“หลายปีที่ผ่านมาเขาได้รับศิษย์ไว้คนหนึ่ง พรสวรรค์ดีมาก น่าเสียดายที่ไม่ค่อยได้อยู่ในสำนักศึกษาคอยชี้แนะให้เขา แต่ถึงแม้ว่าตาเฒ่านั่นจะไม่อยู่ เจ้าเด็กนั่นก็ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ตอนนี้พลังความแข็งแกร่งนั้นไม่เลวเลย”
“ในเมื่อศิษย์พี่ผู้นั้นเป็นศิษย์ของอาจารย์ใหญ่ ท่านอาจารย์ ท่านว่าเขาจะรู้หรือไม่ว่าอาจารย์ใหญ่ไปที่ไหน!” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ตาเฒ่าซวนกับศิษย์ของเขานั้นสนิทสนมกันมากกว่าข้า อาจจะรู้ก็ได้ หากเจ้าเอาชนะเขาได้ก็ไปถามเขาดูเถอะ!” เพื่อเป็นการกระตุ้นนาง ผู้อาวุโสสูงสุดจึงไม่ได้ช่วยนางโดยตรง
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ได้!”
นักเรียนใหม่สิบคนที่เข้ามาในสำนักส่วนในตอนนี้ล้วนแต่อยู่ในการฝึกฝน ยังไม่มีผู้ใดมั่นใจในตนเองมากพอที่จะมาท้าประลองกับเหล่าบรรดาศิษย์พี่ที่ยึดครองหอรวมวิญญาณอยู่ในตอนนี้
และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีนั้นไม่พรวดไปชั้นเก้าทีเดียวเพื่อท้าประลองกับศิษย์ของอาจารย์ใหญ่ซวน แต่นางเตรียมพร้อมที่จะก้าวไปทีละขั้น
ฟังจากน้ำเสียงของท่านอาจารย์แล้ว นั่นเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะรับมือได้ ตอนนี้ต้องพึ่งพาการต่อสู้สนามจริงในชั้นล่างนี้ และฝึกฝนพลังวิญญาณของหอรวมวิญญาณ เพิ่มพลังความแข็งแกร่งก่อนถึงจะถูก
แน่นอนว่ามีผู้อื่นเข้าไปที่หอรวมวิญญาณด้วยเช่นกัน เมื่อได้เห็นกับใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของมู่เฉียนซีแล้วพวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เหตุใดพวกเราถึงไม่เคยเห็นสาวงามผู้นี้มาก่อนเลย คงจะไม่ใช่นักเรียนสำนักส่วนในของพวกเรากระมัง!”
“ไม่ใช่นักเรียนสำนักส่วนในของพวกเรา ก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาในหอรวบรวมวิญญาณหน่ะสิ”
“ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้สำนักส่วนในรับนักเรียนใหม่เข้ามาไม่ใช่เหรอ ดูท่าแล้วสาวงามผู้นี้คงจะเป็นศิษย์น้องที่เข้ามาใหม่แน่นอน!”
“เช่นนั้นศิษย์น้องผู้นี้ก็กล้ามากเลยหล่ะ เพิ่งจะเข้ามาได้ไม่นาน นางก็อยากจะใช้หอรวมวิญญาณแล้ว!”
“เมื่อก่อนก็เคยมีอัจฉริยะผู้อวดดีเช่นนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็น่าเสียดายที่ถูกโจมตีจนเนื้อหนังมังสาแหลกไปหมด ดูเหมือนว่าจุดจบของศิษย์น้องผู้นี้ก็คงจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”
ชั้นที่หนึ่งมีทั้งหมดสี่สิบเก้าห้องฝึก มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าต้องไปท้าประลองห้องไหนก่อน
เมื่อเห็นคนข้าง ๆ กำลังพึมพำอยู่ มู่เฉียนซีก็กล่าวถามว่า “ศิษย์พี่ ห้องฝึกทั้งสี่สิบเก้าห้องในชั้นที่หนึ่ง ผู้ใดคือผู้ที่อ่อนแอสุด”
“ศิษย์น้อง เจ้าใจเย็นก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดในนี้ แต่ก็ไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะรับมือได้นะ เพื่อเป็นการไม่ให้เจ้าเสียเปรียบ ข้าว่าเจ้ากลับไปฝึกฝนในค่ายกลรวมวิญญาณปกติก่อนสักครึ่งปีเถอะ แล้วค่อยมาลองใหม่!”
“เพิ่งเข้ามาใหม่ มั่นใจในตัวเองมากเกินไปมันก็ไม่ดีนะ สำนักส่วนนอกกับสำนักส่วนในนั้น มันคนละโลกกัน โลกหนึ่งอยู่ใต้แผ่นฟ้า อีกโลกหนึ่งอยู่ใต้ผืนปฐพี”
“นี่เป็นค่าตอบแทนในการตอบคำถามข้า เป็นเช่นไร ?” มู่เฉียนซีหยิบยาระดับเจ็ดขวดหนึ่งออกมา